ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 320

ตอนที่ 320 ฉลาดและมีไหวพริบ

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ในใจของเขาก็โมโหขึ้นมา เขาคิดว่าชูเซี่ยไม่เชื่อฟังคำพูดของตนเอง ปล่อยให้คู่แฝดไปทำเรื่องที่อันตราย ดังนั้นตอนที่อยู่ที่ประตู เขายังพยายามปรับอารมณ์ของตนเอง

แต่เมื่อเพิ่งเดินถึงประตู เขาก็เห็นน้ำตาของชูเซี่ยจึงรู้สึกไม่สบายใจถูกกระตุ้นขึ้นมาโดนทันทีเช่นนี้

ทำหน้าที่เป็นบิดา เขาบกพร่องการให้ความรักของบิดาที่มีต่อบุตรไปห้าปี หลังจากห้าปียิ่งเป็นเรื่องที่ตนเองไม่มีวิธีที่ทำให้ครอบครัวของตนสมบูรณื มอบชีวิตที่สงบสิ่งต่างๆราบรื่นให้กับพวกเขาไม่ได้ ทำหน้าที่เป็นสามี เขาก็ทำให้ชีวิตของชูเซี่ยตกอยู่ในอันตรายบ่อยครั้ง เขากลับตอบแทนความรักของเขาด้วยความวิตกกังวล

แต่ไหนแต่ไรมาหลี่เฉินเย่นไม่เคยคิดว่าตนเองจะล้มเหลวเช่นนี้มาก่อน....

หลี่เฉินเย่นยืนอยู่ที่ประตูเป็นเวลานาน หลังจากนั้นก็เดินโวเซเข้ามาในตำหนัก จูกัดที่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันกลับไปมอง เชียนซานและจูฟางหยวนก็ล้วนหันกลับไป พวกเขามองเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองขอหลี่เฉินเย่นก็พลันเข้าใจทันทีว่าเขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว

เวินที่ก้มหน้าอยู่โดยตลอด กลับไม่คิดว่าจะพลันตกอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นคู่หนึ่ง ทันทีที่รับรู้ถึงกลิ่นอายที่แสนคุ้นเคยก็ทำให้ความเข้มแข็งที่มีของชูเซี่ยพังทลายลง นางสะอึกสะอื้นออกมา เอ่ยขึ้นมาว่า “เฉินเย่น ข้าขอโทษ”

หลี่เฉินเย่นโอบกอดชูเซี่ยเอาไว้ เอ่ยเบาๆที่ข้างหูของนางว่า “เจ้าวางใจเถอะ บุตรของพวกเราไม่เกิดเรื่องหรอก”

เอ่ยจบหลี่เฉินเย่นก็นั่งลงข้างชูเซี่ย เขายังให้ชูเซี่ยแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของตน ตบที่หลังของชูเซี่ยเบาๆ ไม่หยุด และความกังวลที่มีก่อนหน้านี้ว่าหลี่เฉินเย่นจะผิดหวังและโกรธเคืองตนของชูเซี่ย คิดไม่ถึงว่าหลี่เฉินเย่นจะไร้กังวลเช่นนี้เมื่อรับรู้ถึงเรื่องนี้ นี่จึงทำให้ชูเซี่ยประหลาดใจหลังจากนั้นก็ยิ่งหนักใจมากยิ่งขึ้น

จากนั้นหลังรอให้คลื่นลมทั้งหมดสงบลงอย่างไร้ความกังวลชูเซี่ยมักจะคิดถึงช่วงดึกคืนนั้นขึ้นมา ความไว้วางใจและใจกว้างของเขา ไม่ใช่ว่าความรักใคร่ที่มีให้กันของทั้งสองคน ทั้งสองฝ่ายจะไม่รู้จักอีกฝ่ายดีและรู้กันโดยไม่ต้องพูดออกมาที่ไหนกัน

ไม่ว่าทัศนคติของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เมื่อตอนที่ประสบพบเจอกับเรื่องราว พวกเขาก็คล้อยตามกันโดยเอกฉันท์

ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นในเวลานี้ล้วนไม่คาดคิดถึงว่าตอนที่พวกเขาทุกข์ทรมาณกับการค้นหาร่องรอยของคู่แฝด กระวนกระวายใจรอคอยข่าวคราวของคู่แฝดอยู่นั้น พวกเขากำลังเล่นเกมซ่อนหากับฉ่ายเวินอยู่ในซอกมุมของตำหนักเซิน

เมื่อวานหลังจากที่พวกเขาออกจากตำหนักฉ่ายเหว่ย ก็รีบวิ่งไปที่พระตำหนักของฉ่ายเวิน ในระหว่างทางพวกเขาก็หลบหลีกองค์รักษ์ที่เฝ้าประตูของพรรคมังกรเหินได้อย่างสบายๆ ยิ่งเป็นการหลบองค์รักษ์มังกรเหินที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ที่ประตูตำหนักของฉ่ายเวิน ความตั้งใจเดิมในการทำเช่นนี้ของพวกเขานั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก นั่นก็คือไม่อยากถูกจับกลับไป

พูดว่าอยากจะช่วยอะไรเสด็จพ่อและท่านแม่ คล้ายกับว่าต้องการที่จะรักษาครอบครัวของตนไว้อย่างนั้น นั่นล้วนเป็นคำพูดที่ดูดี ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นเต้นกับการทำเรื่องเช่นนี้ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะครั้งที่แล้วหลังจากที่ช่วยเหลือหลวี่หนิงแล้วท่านแม่ลงมือทำเสี่ยวหลงซยา(กุ้งเครฟิช) ให้กับพวกเขาด้วยตนเอง

พวกเขาคิดเพียงว่าครั้งนี้ตนเองจะต้องช่วยท่านแม่ให้สำเร็จอีกครั้งให้ได้ นางก็คงจะต้องลงมือทำหมาล่าเสี่ยวหลงซยาให้พวกเขาอย่างแน่นอน

ดังนั้นเมื่อพวกเขาพบกับฉ่ายเวินก็แสร้งทำเป็นน่าสงสารซึ่งก็เป็นการแสดงที่ทำได้เหมือนจริงอย่างมาก“พี่สาวหมู่เฟย ท่านรับดูแลพวกเราเถิด ท่านแม่ของพวกเราไม่ต้องการพวกเราแล้ว” พวกเขาทั้งสองจับมือกัน เต็มไปด้วยน้ำตาปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของฉ่ายเวิน ทั้งการพูดก็ล้วนเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเมื่อพูดออกมาจึงเป็นน้ำเสียงเดียวกัน

ฉ่ายเวินมองเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าของตน สายตาคู่นั้นที่มีความประหลาดใจจึงสอดส่องไปรอบบริเวณ แน่นอนว่านางสงสัยที่สุดก็คือเด็กน้อยทั้งสองเขามาได้อย่างไร ทั้งที่ประตูตำหนักของนางมีองค์รักษ์เฝ้าติดตามอยู่

แต่ไม่รอให้ความสงสัยของนางเกิดขึ้นได้นาน มือเล็กๆของจิงโม่ก็กุมที่มือของฉ่ายเวินเอาไว้เบาๆ ความรู้สึกอ่อนนุ่มที่สัมผัสได้ทำให้ฉ่ายเวินลืมตัวไปเล็กน้อย นางเหวี่ยงมือออกอย่างมึนงง กลับเห็นภาพใบหน้าที่มีน้ำตาที่เหมือนกับตอนที่หลี่เฉินเย่นตอนยังเด็ก

“พวกเจ้า....”

“พี่สาวหมู่เฟย ท่านชื่นชอบเสด็จพ่อของข้าใช่หรือไม่” จิงโม่เห็นฉ่ายเวินกำลังมองที่ฉองเหลาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ความขัดแย้งที่มีต่อพวกเขาก็ลดลง จึงรีบเอ่ยพูดขึ้น

หากกับชูเซี่ยแล้ว ฉ่ายเวินมีเหตุผลที่เพียงพอที่จะสามารถบอกกับนางได้แน่นอนว่า นางรักหลี่เฉินเย่น ถึงกับบอกกับผู้คนในโลกว่าคนที่ตนเองรักก็คือหลี่เฉินเย่น แต่เด็กน้อยทั้งสองคนตรงหน้านี้ หากยอมรับแล้วละก็นางคิดว่าคงแปลกน่าดู

“ข้าก็พูดไปแล้วว่าพวกเราควรที่จะไปเหลียงหมู่เฟย นางชื่นชอบเสด็จพ่อของพวกเรา จะต้องดีกับพวกเราแน่นอน” จิงโม่เห็นฉ่ายเวินไม่ตอบกลับมา แสร้งทำเป็นพ่ายแพ้เอ่ยพูดกับฉองเหลา

“แต่ว่าข้าชอบพี่สาวหมู่เฟย นางงดงามกว่าเหลียงหมู่เฟย ครั้งก่อนยังพูดคุยกับข้า ข้า....” ฉองเหลาลำบากใจอย่างมากที่จะพูดต่อให้จบ ก็มองยังฉ่ายเวินอย่างขอความช่วยเหลือ

ฉ่ายเวินทราบดีว่าศิษย์พี่ให้ความสำคัญกับเด็กทั้งสองอย่างมาก ยิ่งเข้าใจดีว่าหากได้รับความอนุญาตจากเด็กทั้งสองแล้วศิษย์พี่จะต้องไม่ห่างเหินกับตนเองอย่างแน่นอน

คิดว่าเพียงใกล้ชิดศิษย์พี่ได้ก็จะสามารถทำให้ศิษย์พี่เข้าใจความเสียใจของตนได้ พวกเขาเพิ่งสามารถมีบุตรของตอนเองได้ นางพยายามที่จะหักห้ามความเกลียดในใจ เอ่ยกับเด็กน้อยตรงหน้าด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนว่า “ข้าคือคนที่รักเสด็จพ่อของเข้ามากที่สุด ดังนั้นพวกเจ้ามาหาก็ถูกต้องแล้ว”

ฉ่ายเวินยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจ นางก้มัวลงจับจูงที่มือของเด็กน้อยทั้งสอง แต่ในใจกลับคิดว่าในเมื่อไม่สามารถที่จะสังหารเด็กน้อยทั้งสองให้ตายไปในตอนนี้ได้ เช่นนั้นก็ใช้ประโยชน์จากพวกเขาก่อนก็แล้วกัน ทำให้ชูเซี่ยได้ลิ้มลองรสชาติของการถูกบุตรธิดาทรยศ

ตอนนี้ระหว่างมารดาและพวกเขามีความเป็นปรปักษ์กันแล้ว เรื่องนี้ให้นางพูดก็เป็นสวรรค์ที่มอบโอกาสีดีเช่นนี้ให้กับนาง

“ข้าก็รู้ว่าพี่สาวคนสวยจะต้องชื่นชอบพวกเรา จริงอย่างที่คิดไว้ว่าพี่สาวคนสวยเป็นหญิงสาวที่ดีที่สุดผู้หนึ่งบนโลกใบนี้” ฉองเหลาเห็นฉ่ายเวินเริ่มดีขึ้น ก็ยื่นมือไปกุมที่มือของฉ่ายเวิน และจิงโม่ก็กุมมืออีกข้างของฉ่ายเวินเอาไว้อย่างเชื่อฟัง แล้วเอ่ยขึ้นโดยพยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุดว่า “ใช่แล้ว พี่สาวคนสวยเป็นคนดีที่สุดบนโลกนี้จริงๆ อ่อนโยนกว่าท่านแม่มากมายนัก”

“จิงโม่ ทีหลังข้าต้องบอกเสด็จพ่อแล้วว่าพี่สาวคนสวยถึงจะเป็นคนที่งดงามที่สุด ให้เราออกห่างจากนางสตรีในวังพวกนั้นหน่อยแล้ว”

“ฉองเหลา ที่สำคัญก็คือต้องให้ออกห่างจากท่านแม่ของพวกเราสักหน่อยด้วย มิฉะนั้นเสด็จพ่อก็จะเหมือนกับท่านแม่ที่ไม่ชื่นชอบพวกเรา เจ้าไม่เคยได้ยินคนใกล้ชาด คนใกล้สีดำใช่หรือไม่”

“เป็นคนใกล้ชาดแดง คนใกล้หมึกดำต่างหากเล่า”

“ที่ข้าพูดว่าท่านแม่ ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของนางและจูฟางหยวนพ่อบุญธรรมของพวกเราค่อนข้างดี ดังนั้นนางเพิ่งจะไม่ชื่นชอบพวกเราเช่นเดียวกับท่านพ่อบุญธรรมแล้ว” จิงโม่ที่พูดเหลวไหลขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง กลับหลอกให้ฉ่ายเวินตกตะลึงไม่ไม่คาดคิดได้สำเร็จ

“จูสือหมิงเป็นพ่อบุญธรรมของพวกเจ้าหรือ” ก่อนหน้านี้ฉ่ายเวินเข้าใจและรู้ว่าห้าปีที่ชูเซี่ยอยู่ที่เมืองเจียงชานจูฟางหยวนอยู่ด้วยตลอดเวลา กลับคิดไม่ถึงว่าเขาคือพ่อบุญธรรมของเด็กน้อย ทั้งเด็กน้อยล้วนมองออกถึงความสัมพันธ์ที่ดีของชูเซี่ยและจูฟางหยวน ที่สตรีผู้นี้ทำนั้นไม่ใช่สวมเขาให้กับศิษย์พี่อย่างโจ้งแจ้งหรอกหรือ

“ใช่แล้วเจ้าคะ ตอนที่พวกเรายังไม่พบกับเสด็จพ่อ ล้วนเป็นท่านพ่อบุญธรรมที่ดูแลพวกเรา ท่านพ่อบุญธรรมไม่ชอบพวกเรา แต่เขาดูแลท่านแม่ของพวกเรา” จิงโม่รู้ว่าฉ่ายเวินให้ความสนใจกับบเรื่องนี้ ดังนั้นจึงทำให้ชูเซี่ยและจูฟางหยวนเสื่อมเสียอย่างตามอำเภอใจ

นางพยายามทำให้ตนเองเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่เมื่อไม่ชอบคนคนหนึ่งนางก็พูดคำพูดที่ทำให้เสียหายออกมาอย่างสุดชีวิต เช่นนี้จึงจะยิ่งง่ายที่จะทำให้คนเชื่อถือ

เพราะคำพูดของจิงโม่ ฉ่ายเวินก็ชื่นชอบเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่เหมือนกับชูเซี่ยไม่น้อยผู้นี้ขึ้นมาทันที กระทั่งนางเกิดความคิดอยากที่จะนำคำพูดของจิงโม่ไปเล่าต่อให้กับศิษย์พี่ฟังแล้ว หากฉองเหลาที่มองจิงโม่ที่ทุ่มเทกำลังในการแสดงอยู่ได้ยินจิงโม่ที่ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าก็แวววาวขึ้นมาทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า