ตอนที่ 332 เหมือนกัน
“ฉ่ายเวิน หากเจ้าอยากได้ตัวหลี่เฉินเย่นหลังจบงาน ตอนนี้ก็ต้องเชื่อฟังข้า ไม่อย่างนั้น เจ้าจะไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้”หลี่อวิ๋นลี่กระซิบข้างหูฉ่ายเวิน น้ำเสียงแสนเยือกเย็นนั้นพลันทำให้ฉ่ายเวินรู้สึกหวาดกลัว
“ดังนั้นหากผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในวังแล้ว เจ้าต้องช่วยหล่อน ช่วยกันสร้างความวุ่นวายในวังหลัง ยิ่งวุ่นวายยิ่งดี”หลี่อวิ๋นลี่พูดพลันยืดตัวตรง พร้อมยิ้มมุมปลายแปลกๆ
“ทำไมล่ะ”ฉ่ายเวินค่อนข้างแปลกใจ ซ๋งอวิ๋นลี่ให้หล่อนเข้าวังก็เพื่อให้ตีขนาบประสานกันทั้งด้านนอกและด้านใน เพื่อยั่วชูเซี่ยแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเป้าหมายของเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าเพราะอะไร เพียงทำตามที่ข้าสั่งก็พอ ข้าจะไม่ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อเจ้าแน่นอน”หลี่อวิ๋นลี่พูดจบพลันเดินจากไปอย่างโอ้อวดทะนงตน ฉ่ายเวินมองตามแผ่นหลังของเขา หล่อนแลดูสุภาพเชื่อฟัง แต่ความโหดเหี้ยมในใจกลับโหมซัดสาดราวคลื่นยักษ์กระทบหาดทราย
ผู้ชายในโลกใบนี้ นอกจากศิษย์พี่แล้ว ไม่มีใครดีเลยจริงๆ
ดังนั้น หลี่อวิ๋นลี่ เจ้าอย่าโทษว่าผู้หญิงโหดเหี้ยม ล้วนถูกบีบโดยพวกเจ้าทั้งสิ้น
แม้จะไม่เข้าใจเจตนาของหลี่อวิ๋นลี่นัก แต่การทำให้วังหลังวุ่นวาย ฉ่ายเวินกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง แม้จะไม่สามารถวางยาชูเซี่ยได้ แต่ทำให้หล่อนยุ่งจนไม่มีเวลาศึกษายาถอนพิษก็ดีมากเหมือนกัน ไม่ใช่หรอกรึ
ขนาดที่ฉ่ายเวินกำลังคิดจะสร้างปัญหาให้ชูเซี่ยเพิ่มนั้น ชูเซี่ยเองก็ได้รู้สึกถึงการใกล้เข้ามาของปัญหานั้นแล้ว
ว่านเฉียงเองที่เป็นคนมาส่งข่าว ในช่วงนี้คนของหล่อนมีหน้าที่ในการเฝ้าติดตามเฉินหยวนชิ่ง เพราะว่าความดื้อรั้นของเฉินหยวนชิ่งได้เกิดนความคาดหมายของชูเซี่ยตอนนี้เขาถูกทรมานทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ เอินกี้กลัวว่าจะเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอะไร อย่างไรก็ตาม อันหรันก็เพียงต้องการให้เฉินหยวนชิ่งได้รับบทเรียน ดังนั้นไม่ควรทำร้ายเขาถึงขั้นเสียชีวิต
แม้เฉินหยวนชิ่งจะเป็นคนประเภทหัวแข็งดื้อรั้น แต่ก็เป็นแม่ทัพมากความสามารถที่หายากคนหนึ่ง ตอนนี้จิ้งกั๋วโฮ่วยังไม่อยู่ในอาการโคม่า หล่อนจะไม่ทำให้มีเหตุเหนือความคาดหมายใดๆ
แต่ในครั้งนี้ ข่าวที่ว่านเฉียงมาส่งก็ยังไม่ใช่เรื่องที่เฉินหยวนชิ่งยอมแพ้ แต่กลับเป็นเรื่องที่เฉินหยวนชิ่งออกวังไปรับหญิงสาวคนหนึ่งเอง
“หญิงสาวรึ”ชูเซี่ยจำได้ว่าเฉินหยวนชิ่งมีลูกมีเมียแล้ว ในท้องพระโรงเขาก็กำลังพยายามรวมรวมกำลังพล น่าจะไม่มีกระจิตกระใจไปลุ่มหลงกับอบายมุข แต่เขากลับออกไปรับหญิงสาวคนหนึ่งเองกับมือ ช่างมีพิรุธเสียจริง
“หญิงสาวผู้นั้นสวยมาก สาวยกว่าฉ่ายเวินด้วยซ้ำ แต่หล่อนสวยแบบอ่อนละไม ดูนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับสายลม”ว่านเฉียงพูดตามที่เห็น ชูเซี่ยก็เพียงพยักหน้า แต่ในหัวกลับปรากฎภาพของเฉินอวี่จู๋อย่างหาสาเหตุไม่ได้
เฉินอวี่จู๋และหยสงลั่วอีคล้ายกันพอสมควร แต่สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดก็คือคาแร็กเตอร์ เฉินอวี่จู๋ในความทรงจำนั้นเป็นสาวสวยบอบบางคนหนึ่ง
“ดูเหมือนว่าจะเป็นคนในใจเขานะ นายหญิง ท่านว่านี่ถือเป็นจุดอ่อนของเขาหรือไม่”ว่านเฉียงถามเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ชูเซี่ยไม่ได้พูดอะไร หากเฉินหยวนชิ่งหวงจริง ก็อาจเป็นจุดอ่อนของเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด หล่อนมักรู้สึกแปลกๆ
“ลองไปตรวจสอบผู้หญิงคนนี้หน่อยนะ ข้าอยากรู้ว่าหล่อนมาเพื่อการใด”
“ได้ส่งคนไปแล้วล่ะ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ผล หากรู้ผลแล้วข้าจะมารายงาน”
แต่ว่าชูเซี่ยยังไม่รู้ที่มาที่ไปของหญิงสาวผู้นั้น เฉินหยวนชิ่งเองก็ทนรอไม่ไหวที่จะพาหญิงสาวผู้นั้นเข้าไปอยู่ในสายตาของทุกคน
เขาพาหญิงสาวผู้นั้นไปเข้าพบฮองไทเฮาก่อน ฮองไทเฮาส่งคนไปถามชูเซี่ยว่าจะอยากไปพบหรือไม่
เฉินหยวนชิ่งไม่เคยปิดบังความเป็นศัตรูที่มีต่อชูเซี่ยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้าวัง ไทเฮาแค่คิดก็ทรงรู้แล้วว่าเขามาเพราะชูเซี่ย
“ให้ไทเฮาไปพบเถอะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นพี่ชายของเฉินอวี่จู๋ แม้เฉินอวี่จู๋จะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังถือว่าเป็นญาติกันไม่ใช่รึ”
“แต่ว่า......”
“ไม่ว่าจะมาไม้ไหนข้าก็สามารถรับมือได้น่ะ เขาเกลียดข้า ยังไงก็ต้องลงมือ พวกเราโต้ตอบก็พอ”ความจริงแล้วชูเซี่ยรู้จุดประสงค์ของเฉินหยวนชิ่งแล้ว เขามาส่งผู้หญิงให้หลี่เฉินเย่น
เฉินหยวนชิ่งไม่แยแสกับเรื่องผู้หญิงแม้แต่น้อย ไม่เคยมีข่าวลือเกี่ยวกับเขาและภรรยาเลย และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเปลี่ยนไปเพราะการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาชอบแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการมาเข้าพบไทเฮา
“หมอชู หากเจ้าบอกไทเฮาว่าเจ้าไม่อยากพบไทเฮาก็จะไม่ไปพบ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากใจเลย”ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาดกัน หวั่นเหนียงรู้ตั้งแต่ที่ไทเฮาทรงให้ตนมา แล้วเห็นชูเซี่ยเป็นเช่นนี้ หล่อนรู้สึกสงสารมาก แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
ชูเซี่ยเองก็รู้สึกถึงการถูกปกป้องจากฮองไทเฮาและหวั่นเหนียง เพียงแต่ว่า หากหล่อนเอาแต่ใจตนเองว่า ก็จะทำให้ไทเฮาลำบากใจ
“ข้าก็ไปพบเสียหน่อยดีกว่า ไปดูว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ที่ทำให้แม่ทับเฉินถึงกับอดใจรอแทบไม่ไหวที่จะส่งหล่อนให้กับฝ่าบาท” ตอนที่ชูเซี่ยออกจากตำหนักนั้น ใบหน้าของหล่อนมีรอยยิ้มจางๆ ตลอดทาง ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอิทธิพลต่อหล่อนเลย
ชูเซี่ยเข้าใจดีว่า ในใจของหลี่เฉินเย่นนั้นมีเพียงตนคนเดียวเท่านั้น ฉ่ายเวินผู้งามล่มเมืองยังไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของเขาได้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเป็นหญิงใดกันที่ทำให้เฉินหยวนชิ่งอดใจรอแทบไม่ไหวที่ต้องรีบส่งเข้ามาในวัง
แต่ชูเซี่ยคิดไม่ถึงหรอกว่า เมื่อหล่อนไปถึงตำหนักไทเฮา คนที่หล่อนเจอนั้นจะเป็นเฉินอวี่จู๋
ใบหน้าที่คุ้นเคย รอยยิ้มที่คุ้นเคย และความเหนียมอายเวลาที่มองไปรอบๆ ทั้งหมดนี้ ทำให้ชูเซี่ยไม่พลันนึกถึงอดีต ครั้งนั้น เขาเห็นท่าทีของหล่อนในตำหนักของหลี่อวิ๋นกาง
“ชูเซี่ยนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ทัพเฉิน อยู่บ้านเกิดมาโดยตลอด เพิ่งไปรับกลับมาเมื่อไม่นานมานี้”ไทเฮาเห็นชูเซี่ยชะงักนิ่ง จึงรีบพูดขึ้น
“ข้าน้อยเฉินอวี่โหรวขอน้อมคารวะพี่ชูเซี่ย”เฉินอวี่โหรวเห็นชูเซี่ยเดินไปทางไทเฮา รีบโน้มตัวคำนับ ไม่รอให้หล่อนคุกเข่า เฉินหยวนชิ่งก็รีบดึงหล่อนไว้
“หล่อนไม่ใช่พี่สาว หล่อนเป็นหวงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้เก่า”เฉินหยวนชิ่งพูดพลันมองชูเซี่ยด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว
ชูเซี่ยนี่มันเกินไปจริงๆ เห็นคนอื่นโค้วคำนับตนก็ไม่รู้จักห้ามปราม ถูกตามใจจนเป็นนิสัยแล้ว......จริงๆ
“ในเมื่อแม่ทับเฉินรู้ว่าข้าเป็นหวงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้เก่า ถ้าอย่างนั้นน้องสาวของเจ้าก็ยิ่งควรคำนับข้า”
“เจ้า......” หากไม่ได้อยู่ในพระตำหนักไทเฮา เฉินหยวนชิ่งต้องตบคนแล้วล่ะ ผู้หญิงคนนี้นี่มัน....
“ข้าน้อยเฉินอวี่โหรวขอน้อมคารวะหวงกุ้ยท่ายเฟย”เฉินอวี่โหรวหลับยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของเฉินหยวนชิ่งหนึ่งที จากนั้นโค้วคำนับชูเซี่ยอย่างสง่างาม
ชูเซี่ยรับการคำนับด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่ไทเฮากลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เขารู้แต่แรกแล้วว่าเฉินหยวนชิ่งไม่เคารพชูเซี่ยแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าดูถูกหล่อนต่อหน้าตนแบบนี้
“หยวนชิ่ง ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการไม่อนุญาตให้พูดถึงเรื่องหวงกุ้ยท่ายเฟย เจ้าคิดว่าพระราชโองการของฝ่าบาทเป็นละครหลอกเด็กใช่หรือไม่ รังแกหล่อนต่อหน้าข้าแบบนี้ เจ้าคิดว่าข้าจะไม่สนใจใช่ไหม”
เฉินหยวนชิ่งถลึงตาใส่ชูเซี่ยด้วยความโมโหหนึ่งที จากนั้นเก็บความอาฆาตแค้นไว้ และพูดกับไทเฮาว่า “ไทเฮา ข้าเพียงแต่สงสารน้องสาวข้า หล่อนสุขภาพไม่ค่อยดี เมื่อกี้ท่านเองก็ยังไม่ยอมให้หล่อนโค้งคำนับ ข้า......”
ไทเฮาหัวเราะเบาๆ และไม่ได้พูดอะไร แต่ชูเซี่ยกลับยิ้มและพลันถามขึ้นว่า “ข้ายังอยากขอให้ไทเฮาช่วยน้องสาวของเจ้าเข้าวัง แต่กฎวังนั้นเข้มงวดมาก หากแม้แต่โค้งคำนับยังไม่สามารถทำได้ แล้วจะอยู่ในวังได้อย่างไร”
ชูเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เฉินหยวนชิ่งและเฉินอวี่โหรวที่ยืนอยู่ไม่ไกลพลันเปลี่ยนสีหน้าตาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...