ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 342

ตอนที่ 342 สารภาพรัก

ในคืนแต่งตั้งนางสนมคนใหม่ ฉ่ายเวินก็เดินทางมาที่ตำหนักฉายเวยอีกครั้งหนึ่ง

ใบหน้าของนางยังคงปกปิดด้วยผ้าคลุมหน้าให้เห็นเพียงหน้าผากและดวงตาคู่สวยของนางเท่านั้น แต่ทว่านางในยามนี้กลับคล้ายดอกไม้แห้งเหี่ยวที่ไม่ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงจนไม่หลงเหลือเค้าความงามพิลาศดังเดิม

“ชูเซี่ย เจ้าคิดดีแล้วหรือ เจ้าคิดจะให้นางเข้ามาอยู่ในวังจริงๆน่ะหรือ” ฉ่ายเวินเห็นท่าทีผ่อนคลายสบายอกสบายใจของชูเซี่ยก็ถามขึ้นอย่างแค้นเคือง

ชูเซี่ยรักศิษย์พี่ของนางมากไม่ใช่หรือ แล้วในเมื่อรักถึงเพียงนั้นแต่ทำไมนางจึงยอมให้เขารับหญิงอื่นเข้าวังมาเป็นพระสนมอีกเล่า ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวผู้นั้นก็คือเฉินอวี่จู๋ ศิษย์พี่รู้สึกผิดต่อเฉินอวี่จู๋มากเพียงใดทั้งชูเซี่ยและนางต่างก็รู้ดี

ชูเซี่ยเงยหน้าขึ้นมองฉ่ายเวินก่อนจะยิ้มให้นางเล็กน้อย นึกไม่ถึงจริงๆว่าฉ่ายเวินจะมาหานางเพื่อสอบถามเรื่องเช่นนี้ได้ หรือนางกำลังคิดจะให้ข้าร่วมกันกับนางกำจัดศัตรูร่วมกันอย่างเฉินอวี่จู๋?

ราวกับพวกนางทั้งสองกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ฉ่ายเวินเห็นชูเซี่ยแสดงท่าทีเฉยเมยไม่สนอะไรทั้งสิ้นก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา นางไม่กล้านำเรื่องเล็กน้อยไปขอความช่วยเหลือจากหลี่อวิ่นลี่จึงได้แต่แบกหน้ามาหาชูเซี่ยเพื่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ลงมือจัดการ

“ขอเพียงเจ้าขัดขวางการเข้าวังของนางข้าก็จะมอบยาถินพิษของหลวี่หนิงให้แก่เจ้า ข้ารู้ว่าใจเจ้าก็คงไม่อยากให้เฉินอวี่โหร่วเข้าวังเช่นกัน เรื่องนี้เราทั้งคู่ต่างก็ได้รับผลประโยชน์กันทั้งฝ่าย ดีหรือไม่”

“นายหญิงของข้าอยากทำอะไรนางก็ทำ ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องของหลวี่หนิงมาต่อรองหรอก ต่อให้เขาตายก็ไม่ปล่อยให้หรูกุ้ยเฟยได้ทำตามใจชอบเป็นอันขาด” เชียนซานที่นั่งอยู่ด้านหลังของชูเซี่ยเมื่อได้ยินคำพูดของฉ่ายเวินก็กล่าวน้ำเสียงประชดประชันออกมา

“เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เกินความสามารถของข้า” ชูเซี่ยกล่าวน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะก้มหน้าอ่านตำราในมือของตนเองต่อไป ฉ่ายเวินที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็เอ่ยถามหยั่งเชิง “เจ้าไม่ชอบศิษย์พี่ของข้าแล้วจริงๆหรือ”

ในวังเองก็มีข่าวลืออยู่บ้างว่าชูเซี่ยกับศิษย์พี่ของนางมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันแต่นางกลับไม่เชื่อเพราะว่าศิษย์พี่เองก็ตรอมใจไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดเพื่อนางมาตลอดห้าปี ชูเซี่ยคงไม่ได้มีปัญหากับศิษย์พี่เพียงเพื่อหญิงที่ไม่สำคัญอะไร... แต่เมื่อตอนนี้มาเห็นด้วยตาของตนเองแล้วนางกลับเริ่มรู้สึกว่าชูเซี่ยไม่สนใจว่าศิษย์พี่จะแต่งหญิงอื่นเข้ามาในวังกี่คนต่อกี่คน

“เพราะอะไรข้าต้องชอบเขาด้วย เขาไม่เคยมอบอะไรให้ข้าเลยสักอย่าง ทั้งยังมีนิสัยกลับกลอกไปมาปากบอกว่ามีเพียงแค่แล้วนี่เป็นอย่างไรเล่า” เพียงแค่เอ่ยถึงหลี่เฉินเย่นขึ้นมาชูเซี่ยก็บันดาลโทสะ

“ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว? ในเมื่อไม่ชอบแล้วเหตุใดจึงไม่จากไปเล่า ในเมื่อเขาเองก็ไม่เคยมอบฐานะใดๆให้แก่เจ้าเลย เจ้าเพียงแค่จากไปก็จบ” เมื่อได้ฟังคำของชูเซี่ยฉ่ายเวินเองก็อดดีใจไม่ได้ หญิงสาวแอบถามหยั่งเชิงนางขณะที่ใช้สายตาของตนเพ่งพินิจสีหน้าของชูเซี่ยไปด้วย

นางนึกไม่ถึงว่าชูเซี่ยจะยอมถอดใจเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วเรื่องระหว่างนางและศิษย์พี่...

แต่ว่าฉ่ายเวินก็พอเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้อยู่บ้าง ศิษย์พี่ของนางและชูเซี่ยมีนิสัยคล้ายกันคือหัวแข็งไม่ยอมคน การที่ศิษย์พี่คอยให้ชูเซี่ยอยู่เคียงข้างเขาโดยที่ไม่ยอมมอบฐานะอะไรเลยให้แก่อีกฝ่ายย่อมต้องทำให้ชูเซี่ยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง ส่วนศิษยี่เองก็เป็นบุรุษ...

“ข้าเข้าวังมาอีกครั้งไม่ใช่เพราะเขาเสียหน่อย หากว่าในวังไม่มีคู่แฝดของข้าข้าคงจากไปนานแล้วล่ะ” ชูเซี่ยกล่าวเสียงเบา

“เจ้ามันเป็นหญิงสาวมากเล่ห์ ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก” ฉ่ายเวินกล่าวจบก็หมุนกายเดินจากไปแต่เมื่อลับหลังชูเซี่ยนางก็เผยรอยยิ้มยินดีอย่างห้ามไม่อยู่

แม้ว่าความสัมพันธ์ของศิษย์พี่และชูเซี่ยจะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดแต่ยามนี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็เริ่มเกิดช่องว่างขึ้นแล้ว ในที่สุดโอกาสก็มาถึงมือของนางจนได้

ฉ่ายเวินแย้มยิ้มอย่างยินดี นางรอมานานเหลือเกิน ในที่สุดก็ถึงคราวที่พวกเขาระหองระแหงกันแล้ว

ฉ่ายเวินบอกตนเองว่าหากนางไม่ฉวยโอกาสนี้ลงมือแล้วล่ะก็ วันหน้าเบื้องบนก็คงไม่ส่งโอกาสดีๆเช่นนี้มาอีกแล้ว

รอก่อนเถิดชูเซี่ย วันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เจ้าจะต้องออกไปจากวังนี้เสียที แล้วจากนั้นเจ้าก็จะไม่มีวันได้กลับมาโผล่หน้าให้ข้ากับศิษย์พี่ได้เห็นหน้าอีกต่อไป

ศิษย์พี่ต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น

ฉ่ายเวินกลับไปไม่นาน หลี่เฉินเย่นก็มา

สามวันมานี้เขาไม่ได้มาที่จตำหนักฉายเวยเลยสักครั้ง ทันทีที่ข้ามพ้นธรณีประตูเข้ามาก็พบร่างของชูเซี่ยกำลังนั่งอ่านตำราอย่างสงบเสงี่ยมบนโต๊ะ

ระยะเวลาเพียงแค่สามวันราวกับรอคอยมาเกือบค่อนชีวิต ชายหนุ่มยืนมองหญิงสาวที่อยู่ไม่ห่างจากตัวเขามากนักด้วยดวงตาเรืองรองและหวนคิดถึงความแนบชิดสนิทสนมที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและนางขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เจ้าทำให้วังหลังโกลาหลวุ่นวายไปหมดแต่ตนเองกลับมานั่งอ่านตำราอย่างสบายใจเช่นนี้หรือ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาฉายแววไม่พอใจอยู่หลายส่วน แม้ว่าความจริงแล้วเขาจะไม่สนใจความเป็นไปของวังหลังเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อมาเห็นว่าตนเองสู้ไม่ได้แม้กระทั่งตำราในมือของนางเล่มนั้นก็รู้สึกพ่ายแพ้ขึ้นมา

“แล้วท่านคิดว่าที่ข้าต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะผู้ใดกันเล่า” เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงไปด้วยความน้อยอกน้อยใจของเขานางก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“เมื่อครู่ฉ่ายเวินมาที่นี่ นางคงไม่...” หลี่เฉินเย่นมองชูเซี่ยอย่างเป็นกังวล แม้ว่าเขาและฉ่ายเวินจะมีข้อตกลงต่อกัน แม้ว่าชูเซี่ยเป็นถึงแพทย์ผู้มีวิชาล้ำเลิศ แต่เพียงแค่ได้ยินว่าฉ่ายเวินมาหานางที่นี่เขาก็อดกังวลไม่ได้จนต้องเร่งรุดมาที่นี่เพื่อดูด้วยตาของตนเองว่านางยังปลอดภัยดี

แต่เขาก็ยังไม่อาจวางใจได้อยู่ดี ยิ่งเมื่อเขาและนางข้ามผ่านวันนั้นมาด้วยกันแล้ว เขาก็มีเรื่องมากมายที่อยากพูดคุยกับนางมาตลอด เขากลัวเหลือเกินว่าชูเซี่ยจะทอดทิ้งเขาไปอีกครั้ง

ชูเซี่ยไม่ตอบคำถามของเขา ดวงตากลมโตของหญิงสาวจับจ้องมาที่ชายหนุ่มตรงหน้าและยิ้มให้เขานิ่งๆ จนกระทั่งหลี่เฉินเย่นเป็นฝ่ายถอนหายใจออกมาและเอ่ยขึ้นก่อน “ข้าเพียงเป็นห่วง...”

“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านกลับไปเถิด”

“ชูเซี่ย เจ้าจะทำเช่นนี้จริงหรือ” แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาและนางจะวางแผนกันดิบดีแล้ว แต่เมื่อมาใกล้จะเริ่มแผนการเขากลับเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา เขากลัวว่าตนเองจะไม่อาจปกป้องนางได้

“รางวัลท่านก็รับไปล่วงหน้าแล้วจะมากลับใจตอนนี้ได้อย่างไรเล่า” ชูเซี่ยเริ่มทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา ผู้ชายที่นางมอบใจให้ไม่ควรมีนิสัยพูดแล้วกลับคำเช่นนี้สิ

“ข้ายังไม่ได้หารือเรื่องนี้กลับเจ้าเลยสักครั้ง มีเพียงเจ้าที่คิดเองเออเอง” หลี่เฉินเย่นจ้องมองชูเซี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสดงสีหน้าราวกับว่าความผิดทั้งหมดเป็นของนาง ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิที่จะกลับคำพูดได้

ชูเซี่ยเพียงแค่มองมาที่หลี่เฉินเย่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ยามมที่อยู่ในช่วงเวลาคับขันเช่นนั้นชูเซี่ยถือโอกาสที่พิษในกายเขากำลังกำเริบทำให้ชายหนุ่มต้องตกปากรับคำ หากเป็นเวลาปกติมีหรือที่เขาจะยอมตกลงเงื่อนไข่ของนางได้? วันนั้นชูเซี่ยฉวยโอกาสที่ชายหนุ่มรู้สึกผิดที่เผลอล่วงเกินนางเข้า ดังนั้นไม่ว่าตอนนั้นนางจะพูดหรือร้องขออะไรเขาย่อมต้องยอมทำตามอย่างไร้เงื่อนไข

“เช่นนั้นท่านจะกลับคำ?” ชูเซี่ยจ้องมองท่าทางน่าเอ็นดูของหลี่เฉินเย่นพลางปั้นสีหน้าจริงจัง

หลี่เฉินเย่นพูดอะไรไม่ออก หากว่าเขาสามารถกลับคำได้จริง วันนี้ทั้งวันคงไม่ร้อนรนไม่สบายใจเช่นนี้หรอก เขาไม่อาจวางใจได้จริงๆ เรื่องมาจนถึงบัดนี้แล้วเขากลับรู้สึกว่าตนเองไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยของชูเซี่ยได้จริงๆ ถึงแม้ว่าอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้จะเป็นสิ่งที่พวกเขาคำนวนไว้แล้ว แม้ว่าชูเซี่ยจะไม่ได้เป็นอันตรายจริงๆ แต่ทว่าหลี่เฉินเย่นก็ยังรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะถูกควักออกไปจากอก เพียงแค่คิดเขาก็รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมา

“ยิงธนูออกไปแล้วลูกศรไม่อาจหวนกลับ พวกเราไม่อาจกลับตัวได้แล้วเจ้าค่ะ เฉินเย่น ต่อแต่นี้ไปท่านต้องทำตัวเป็นชายหนุ่มหลายใจ ทำดีกับพวกนางให้มาก ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลัลบหลังก็ตาม เข้าใจหรือไม่” ชูเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลังจากกล่าวจบนางก็ค่อยๆลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เขาและลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความรักใคร่

หลี่เฉินเย่นกลั้นใจเล็กน้อย ชายหนุ่มมองหน้าชูเซี่ยนานทีเดียวกว่าจะยอมเอ่ยปาก “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่ายามที่อยู่ต่อหน้าเจ้าข้าไม่อาจทำตัวเป็นคนหลายใจอย่างที่เจ้าต้องการให้เป็นได้”

“หากว่าท่านไม่อยากให้สิ่งที่ข้าทำมาทั้งหมดเปล่าประโยชน์ก็ช่วยข้าอีกสักครั้งเถิด ข้าจะไม่โทษท่านแน่นอน” ชูเซี่ยกล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ว่าเขาจะต้องหนักใจเพียงใด แต่ยามนี้มีเพียงแค่ทางเดินนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาและนางเดินต่อไปได้ มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

ชูเซี่ยกล่าวไปก็จับจูงมือของหลี่เฉินเย่นไปจนถึงประตูหน้าตำหนัก นางค่อยๆปล่อยมือของเขาจากนั้นก็ผลักร่างสูงของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อให้ผู้อื่นเห็นว่านางเป็นฝ่ายไล่เขาออกจากตำหนัก

หลี่เฉินเย่นถูกการกระทำของชูเซี่ยทำให้ตกใจในคราแรก แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาถูกผลัก แต่เขาตกใจเพราะคำพูดของนางที่พูดกับเขาอย่างแผ่วเบาหลังจากผลักเขาแล้วต่างหาก

“เฉินเย่น ข้ารักท่าน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า