ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 343

ตอนที่ 343 ข้ามอำนาจ

หลังจากที่หลี่เฉินเย่นขึ้นครองบัลลังก์เขาก็เปลี่ยนกฎมณเฑียรบาลมากมาย โดยเฉพาะการแต่งตั้งเหล่านางสนมในวังหลัง

สนมทุกนางล้วนไม่ใช่หญิงสาวที่เขาพึงใจ จากขนบธรรมเนียมที่ควรทำกลายเป็นหน้าที่ที่จำต้องรับผิดชอบ ไทเฮาก็ทรงเข้าพระทัยดีถึงจิตใจของพระโอรสจึงไม่เคยห้ามปรามหรือข้องเกี่ยวเรื่องนี้

แต่นับตั้งแต่ที่ชูเซี่ยใช้ฐานะหัวหน้าพรรคมังกรเหินแต่งตั้งให้เฉินอวี่โหรวถวายตัวเข้าวังมาเป็นโหรวเฟยนั้น หลี่เฉินเย่นจึงได้แต่ยอมรับคำสั่งนางและทำพิธีแต่งตั้งพระสนมอย่างจำใจ

พิธีนี้แม้แต่ฉ่ายเวินก็ไม่มีโอกาสได้เข้า จริงอยู่ที่หลี่เฉินเย่นยังไม่ได้เข้าพิธีกับเฉินอวี่โหรวผู้นั้นแต่ทว่าสำหรับหญิงสาวในวังหลังแล้วนับเป็นการก่อระลอกคลื่นใต้น้ำลูกใหญ่เลยทีเดียว

ตอนที่นั้นที่พวกนางถวายตัวเข้าวังก็ได้นั่งเพียงเกี้ยวเล็กๆเท่านั้น แต่สำหรับโหรวเฟยนั้นเฉินหยวนชิ่งได้เตรียมเกี้ยวใหญ่สำหรับแปดคนหาม อีกทั้งยังมีคำสั่งให้แปดแม่ทัพของแคว้นเหลียงเป็นผู้ที่หามเกี้ยวอีกด้วย

“ทั้งแปดคนนั้น มีแม่ทัพขั้นสอง สามคน แม่ทัพขั้นสาม สองคน แล้วยังมีรองแม่ทัพอีก” เชียนซานตั้งใจกล่าวลอยๆเสียงดังต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้และไทเฮาเพื่อให้พวกพระองค์เกิดความไม่พอใจในตัวเฉินอวี่โหรวขึ้นมา

ชูเซี่ยย่อมต้องรู้ใจเชียนซานที่สุดนางจึงส่งสายตาห้ามปรามจากนั้นก็ส่งสายตาลุแก่โทษให้ฮองเฮา แต่ทว่ายามนี้สีพระพักตร์ของไทเฮาย่ำแย่เสียแล้ว พระองค์และหลี่เฉินเย่นรอเฉินอวี่โหรวมาเข้าพิธีในท้องพระโรงนี้ถึงครึ่งชั่วยามแล้วแต่ทว่ากลับได้ข่าวไม่น่าอภิรมณ์เช่นนี้เสียอย่างนั้น

“เฉินหยวนชิ่งผู้นี้นับวันยิ่งกำเริบเสิบสาน เขาคิดว่าตนเองเป็นใคร ถึงได้ออกคำสั่งใช้เหล่าแม่ทัพของแคว้นเราราวกับบ่าวไพร่ในเรือนตนเองเช่นนี้” ไทเฮาทรงเป็นผู้ที่มีจิตใจสงบมาตลอดน้อยครั้งนักที่จะทรงบันดาลโทสะโกรธกริ้วเช่นนี้

“ไทเฮาเพคะ แม่ทัพเฉินเขารักใคร่ในตัวน้องสาวของตนจึงได้ทำเช่นนี้ พระองค์เองก็อย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ อีกอย่างเรื่องที่เกิดกับเฉินอวี่จู๋เมื่อหลายปีก่อนก็เป็นฝ่าบาทที่ติดค้างนางก่อน การทำเช่นนี้ก็ถือเป็นการชดเชยอย่างหนึ่งนะเพคะ” ชูเซี่ยเห็นท่าทางที่เริ่มไม่สบอารมณ์ของหลี่เฉินเย่นก็รีบเอ่ยปลอบใจขึ้นมาก่อน

“ฮึ หากว่าไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้พวกเรารู้สึกติดค้างอวี่จู๋แล้วล่ะก็มีหรือจะทนมองชายหนุ่มผู้นี้ทำตัวยิ่งมายิ่งไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้เล่า ยามนี้แม้กระทั่งฝ่าบาทเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้วด้วยซ้ำ” แม้ว่าที่ผ่านมาไทเฮาจะไม่เคยยุ่งเรื่องในราชสำนัก แต่จิตใจของคนพระองค์ย่อมดูออก เฉินหยวนชิ่งผู้นี้นับวันยิ่งเหิมเกริมหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าภายภาคหน้าจะไม่อาจจัดการได้อีก

“ไทเฮาโปรดวางพระทัย ในใจของเชียนย่อมรู้ดีว่าควรทำเช่นไรต่อไป แม้ว่าเขาจะมีนิสัยจองหองอวดดีแต่ก็นับได้ว่าเป็นบุรุษมากความสามารถผู้หนึ่ง” ชูเซี่ยกล่าววาจาปลอบประโลมแก่องค์ไทเฮา ในขณะที่สีหน้าของหลี่เฉินเย่นเริ่มซีดลงเรื่อยๆ จริงอยู่ที่ชูเซี่ยนางปลอบใจเขาแล้วเมื่อคืน แต่ทว่าแค่คิดถึงแผนการที่ชูเซี่ยคิดเองเออเองจิตใจของเขาก็ปั่นปวนขึ้นมา ดึงนั้นชายหนุ่มจึงแสร้งทำเป็นเมินไม่เห็นสายตาร้องขอความช่วยเหลือของนางเสียอย่างนั้น

“ไทเฮาเพคะ แม่ทัพเฉินและโหร่วเฟยมาขอเข้าเฝ้าแล้วเพคะ” หวั่นเหนียงวิ่งเข้ามาในตำหนักพร้อมป่าวประกาศ แม้ว่าพระองค์จะได้รับฟังถ้อยคำปลอบประโลมจากชูเซี่ยไปแล้วแต่ก็ไม่อาจทนกล้ำกลืนฝืนความขุ่นเคืองในพระทัยลงได้จึงตรัสด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “โหร่วเฟยประพฤติตนไม่รู้จักที่สูงที่ตำ นางเป็นเพียงแค่สนมชั้นเฟยกลับกล้าใช้แม่ทัพแบกเกี้ยวเจ้าสาวให้นาง สั่งการลงไปให้ลากตัวนางไปลงโทษโบยยี่สิบครั้งจึงจะมาเข้าพิธีแต่งตั้งได้”

ทีนทีที่ไทเฮาทรงตรัสออกไปร่างทั้งร่างของชูเซี่ยก็แข็งค้างมีเหงื่อเย็นๆผุดพรายเต็มแผ่นหลัง นางขานเรียกไทเฮาเบาๆแต่พระองค์ก็ไม่สนพระทัยนาง เมื่อนางหันมามองหลี่เฉินเย่นก็เห็นว่าเขากำลังมองมาที่นางอยู่ก่อนแล้ว “ก่อนเข้าวังให้นางได้รู้จักวางตัวบ้างก็ดี ไม่เช่นนั้นหากเข้ามาในวังแล้วทำตัวไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นเฉินหยวนชิ่งขึ้นมาจะยุ่งยากเปล่าๆ”

“หลี่เฉินเย่น ท่านจงใจใช่หรือไม่” หลี่เฉินเย่นมองหน้าของหลี่เฉินเย่นที่ปั้นสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก็อดค้อนเขาวงใหญ่ไม่ได้

“ท่าน...”

“ชูเซี่ย เจ้าขอให้ข้าแต่งตั้งสนมข้าก็แต่งตั้งแล้ว แต่หากว่าข้าคิดจะอบรมสั่งสอนสนมของข้าบ้างเจ้าก็ไม่ควรสอดมือเข้ามายุ่ง อีกอย่างเจ้าเป็นเพียงหัวหน้าพรรคมังกรเหิน เจ้าไม่มีสิทธิมาสอดมือยุ่งเรื่องที่ไทเฮาจะอบรมสะไภ้ของพระองค์ได้” ยามที่พูดหลี่เฉินเย่นก็กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้กระทั่งพระพักตร์ของไทเฮาก็ดูจะผ่อนคลายเป็นพิเศษทั้งยังแย้มพระโอษฐ์น้อยๆเสียด้วย ราวกับว่าพวกเขาคิดจะทำเช่นนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว

ชูเซี่ยเริ่มเข้าใจในที่สุดว่าที่พวกเขาทำเช่นนี้ก็เพื่อนาง อย่างที่เขาบอก การที่ไทเฮาทรงลงอาญาโหรวเฟยก็ไม่ใช่เรื่องที่นางจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้ พระองค์ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้โหรวเฟยได้ตระหนักถึงฐานะของตนในวังหลังที่บัดนี้ชูเซี่ยเป็นผู้ควบคุมดูแลอยู่ทั้งหมด ต่อให้วันหนึ่งโหรวเฟยจะถูกพระองค์สั่งประหารก็ย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ การทำเช่นนี้คล้ายกับเป็นการเตือนเฉินหยวนชิ่งกลายๆ

“แต่ว่าโหรวเฟยสุขภาพไม่ดี หากว่าถูกโบยสามสิบครั้ง...” ชูเซี่ยรู้สึกกังวลขึ้นมา ยามนี้โหรวเฟยนางเป็นแก้วตาดวงใจของเฉินหยวนชิ่ง หากว่าไทเฮาทรงมีเรื่องผิดใจและทำให้ชายหนุ่มพาลโกรธแค้นพระองค์ขึ้นมา นางกลัวว่าเขาจะบุ่มบ่ามทำอะไรพระองค์

“หลังจากที่สั่งลงโทษนางไปแล้วนางจึงจะใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังได้อย่างสงบสุข” หลี่เฉินเย่นตอบคำถามในใจของนาง

ชูเซี่ยหันมามองสบสายตาของเขาจากนั้นก็พยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

พิธีแต่งตั้งพระสนมในวันนี้คงไม่ราบรื่นเป็นแน่ การที่เฉินอวี่จู๋ถูกลงอาญาก็นับได้ว่าเป็นการให้ความคุ้มครองนางด้วยเช่นกัน แต่ท่าหากว่าโหรวเฟยก็คือเฉินอวี่จู๋จริงๆ นางจะรู้สึกไม่พอใจหรือไม่นะ

ชูเซี่ยจนปัญญาที่จะห้ามพวกเขาอีกแล้ว ตอนนั้นเองที่เฉินหยวนชิ่งเดินเข้ามายังตำหนักใหญ่ด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

วันนี้เฉินหยวนชิ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์แดงล้วนตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มแต่งกายมาอย่างพิถีพิถันยิ่ง แต่ทว่ายามนี้ใบหน้าหล่อเหลากับบูดบึ้งไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังตวัดสายตามองมาที่ชูเซี่ยอย่างเดือดดาลไม่พอใจ

“ข้าก็รู้อยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องเป็นเจ้าที่อยู่เบื้องหลัง เจ้าเคยทำร้ายนางจนตายไปแล้วครั้งหนึ่ง เจ้ายังคิดจะสังหารนางอีกหรือ” เฉินหยวนชิ่งกล่าวจบก็พุ่งเข้ามาหวังจะบีบคอหญิงสาวผู้นี้ให้ตาย ชูเซี่ยเองก็ถอยหลังหลบกระบวนท่าของเขา จนกระทั่งนางหันกลับมาจึงพบว่าหลี่เฉินเย่นกำลังยึดมือของเฉินหยวนชิ่งไว้ เขาเข้ามาปกป้องนางไว้ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ

เฉินหยวนชิ่งมองหลี่เฉินเย่นอย่างเคียดแค้นก่อนจะกระชากมือของตนกลับแต่ก็ถูกอีกฝ่ายยึดไว้แน่น เมื่อหลี่เฉินเย่นเห็นว่าอีกฝ่ายหยุดมือแล้วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงกดดัน “อยู่ต่อหน้าเราเจ้าก็ยังทำตนไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเช่นนี้ได้หรือ นางหาใช่ผู้ที่เจ้าสามารถแตะต้องไม่”

หลี่เฉินเย่นกล่าวจบก็ค่อยๆคลายมือออก เฉินหยวนชิ่งโกรธจนใบหน้าแดงก่ำแทบจะระเบิดก่อนจะเอ่ยตะคอกหลี่เฉินเย่น “นางเป็นคนสำคัญของพระองค์ กระหม่อมเองก็มีคนสำคัญของกระหม่อม เป็นนางที่บังอาจมาแตะต้องอวี่จู๋ก่อน”

“เฉินหยวนชิ่ง คนสำคัญของเจ้าเป็นเราเองที่แตะต้อง” เมื่อครู่ไทเฮาทอดพระเนตรเห็นเฉินหยวนชิ่งที่คิดจะลงมือทำร้ายชูเซี่ยก็ตื่นตระหนก พระองค์นึกไม่ถึงจริงๆว่าต่อหน้าพระพักตร์เฉินหยวนชิ่งยังกล้าทำตนเลวทรามอย่างไม่หวั่นเกรงสิ่งใดเช่นนี้ และเมื่อพระองค์หายจากอาการตื่นตระหนกแล้วจึงค่อยๆตรัสขึ้นมา

“หากว่าไม่มีหญิงผู้นี้คอยยุงยงพระองค์อยู่เบื้องหลัง มีหรือพระองค์จะทำกับโหรวเอ๋อเช่นนี้ พระองค์...”

“หากว่านางมีนิสัยว่านอนสอนง่ายดังเช่นที่อวี่จู๋เคยเป็นเราย่อมไม่สั่งลงอาญานางส่งเดช แต่ทว่าในยามนี้นางกลับไม่รู้จักประมาณตน เราไม่อาจทนมองให้เจ้าสองพี่น้องใช้เหล่าแม่ทัพหาญกล้าของแคว้นต้องมาลดศักดิศรีแบกเกี้ยวเจ้าสาวเช่นนี้ได้ หากว่านางเป็นเพียงน้องสาวของเจ้าเราอาจจะไม่สนใจ แต่หากว่านางจะมาถวายตัวเป็นสตรีของฮ่องเต้แล้วล่ะก็ยิ่งไม่อาจทำการกระทำที่หยามเกียรติต่อเหล่าแม่ทัพของแคว้นเหลียงได้ถึงเพียงนี้” ไทเฮาทรงตรัสอย่างชัดถ้อยชัดคำ แต่ละคำที่ตรัสมาเป็นดั่งเข็มที่แทงใจคนฟัง

เฉินหยวนชิ่งเองก็เป็นถึงแม่ทัพ เขาย่อมรู้ดีว่าแม่ทัพแต่ละคนต่างก็มีเกียรติมีศักดิศรีและความภาคภูมิใจ เมื่อได้ยินคำของไทเฮา เขาก็ย้อนนึกไปถึงวันทีเขาสั่งให้เหล่าแม่ทัพมาเป็นบุรุษหามเกี้ยวให้แก่น้องสาวของเขา ยามนี้เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ายามนั้นดวงตาของเหล่าแม่ทัพทั้งฉายแววตะลึงและผิดหวังมากเพียงใด...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า