ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 344

ตอนที่ 344 เต็มใจรับการลงโทษ

ยามที่ไทเฮาตรัสวาจาตำหนิเขาออกมานั้น เฉินหยวนชิ้งอ้าๆหุบๆปากของตนเองหลายครั้งเพราะไม่ว่าชายหนุ่มพยายามจะหาข้ออ้างใดๆมาเถียงก็ไม่สามารถทำได้อยู่ดี

เข้าอาจสามารถโต้เถียงคำพูดของไทเฮาเพื่อน้องสาวของตนได้ แต่หากว่าเขาทำเช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ไม่ให้เกียรติเหล่าแม่ทัพใต้อาณัติของตนเอง

“แต่ว่าโหรวเอ๋อนางสุขภาพไม่แข็งแรง หากท่านโบยนาง... ถ้าเช่นนั้นไทเฮาก็ทรงลงอาญากระหม่อมเถิดพะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมเป็นผู้ต้นคิด โหรวเอ๋อนางไม่เกี่ยวข้อง”

“เรากล่าวไปแล้ว หากว่านางต้องการจะเข้ามาเป็นพระสนมในวังหลังจริงก็ต้องทนการลงโทษครั้งนี้ให้ได้ ส่วนเจ้าที่เป็นเสนาบดีกลาโหมนั้นจะใช้คนของตนทำอะไรไม่เกี่ยวข้องกับเรา”

เฉินหยวนชิ่งมองไทเฮาอย่างโกรธแค้น เขานึกไม่ถึงว่าพระองค์จะกล้าทำเช่นนี้กับน้องของเขา ในใจของชายหนุ่มบังเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา หรือว่าคนพวกนี้ลืมไปแล้วว่าเคยติดค้างน้องสาวของเขาอย่างไรบ้าง

เหล่าราชวงศ์ไร้หัวใจแต่ตัวเขาเป็นคนที่มีเลือดเนื้อมีความรู้สึก จะให้เขามองดูน้องสาวของตนเองได้รับโทษเฉยๆอย่างนี้ได้อย่างไรกัน ยามนี้เขาตัดสินใจได้แล้ว หากว่าไทเฮาทรงคิดจะลงอาญาน้องสาวของเขาจริง เขาจะพานางไปจากที่นี่ ไปจากวังหลวงแห่งนี้เพราะผู้ชายคนนี้ คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม่ใช่คนที่คู่ควรกับน้องสาวของเขาเลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่ายังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยปากพูด ที่หน้าประตูก็มีเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานดังขึ้นเสียก่อน “พี่ชาย เรื่องนี้น้องเป็นผู้ผิดจริง ไทเฮาทรงลงอาญาก็นับว่าถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ไทเฮา นายหญิงชู หม่อมฉันยอมรับโทษนี้เพคะ”

เฉินอวี่โหรวในชุดเจ้าสาวสีแดงสด ทรงผมถูกเหล้าเป็นมวยสูงและประดับด้วยมงกุฎไข่มุกเป็นพู่ห้อยยาวลงมาปิดหน้าผากขับให้ใบหน้าของนางดูขาวและขี้โรคมากยิ่งขึ้น หญิงสาวค่อยๆย่างกรายเข้ามาในตำหนักใหญ่อย่างช้าๆ

เมื่อเฉินอวี่โหรวกล่าวจบนางก็คุกเข่าลงตรงหน้าพระพักตร์ ส่วนเฉินหยวนชิ่งเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้ามาคุกเข่าอยู่เคียงข้างน้องสาวของตน “ไม่ได้ ร่างกายของเจ้าไม่แข็งแรง พี่จะไม่ยอมให้เจ้าต้องรับในความผิดที่เจ้าไม่ได้ก่อ”

“พี่ชายเจ้าคะ ไทเฮาทรงตรัสแล้วว่าหากข้าอยากเข้าวังถวายตัวเป็นพระสนมก็จำต้องรับโทษครั้งนี้” เฉินอวี่โหรวหันมามองพี่ชายของตนด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะเหลือบมองมาที่หลี่เฉินเย่น

น้ำตาและความอ่อนโยนของนางถาโถมเข้ามาในจิตใจของหลี่เฉินเย่น ชูเซี่ยเองก็มองมาที่เฉินอวี่โหรวเช่นกัน นางสังเกตเห็นประกายตาบางอย่างจากโหรวเฟยผู้นี้ หลี่เฉินเย่นเองก็มองไปที่เฉินอวี่โหรว แต่ฉายหนุ่มกลับเห้นเพียงดวงตาที่ฉายแววน้อยใจและขมขื่นจากนางเท่านั้น

หลี่เฉินเย่นถูกน้ำตาของเฉินอวี่โหรวทำให้ไขว้เขวขึ้นมา ชายหนุ่มหันกลับไปมองชูเซี่ยด้วยสายตาสับสน ชูเซี่ยเองก็มองมาที่เขาและพยายามฝืนยิ้มให้อย่างสุดความสามารถ แต่รอยยิ้มที่นางยิ้มออกมาให้เขานั้น นางคงไม่รู้ตัวว่ามันดูเศร้าแค่ไหน

ชูเซี่ยคิดว่าหลี่เฉินเย่นจะไม่มีความรู้สึกใดๆกับเฉินอวี่จู๋ นางจึวไม่เคยคิดใส่ใจ แต่ว่ายามนี้นางกลับรู้สึกว่านางใส่ใจมันอย่างมาก นางคิดว่านางจะสามารถทนมองเขามีความสุขกับหญิงอื่นได้ แต่ความจริงแล้วนางทำไม่ได้

“ทหาร นำนางออกไปรับโทษ” ความรู้สึกของชูเซี่ยย่อมไม่พ้นสายตาของหลี่เฉินเย่นไปได้ ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยรับสั่งอย่างเย็นชาไปแล้วก็ค่อยๆหันกลับมามองชูเซี่ย ซึ่งภาพตรงหน้าสร้างความคับแค้นใจให้เฉินหยวนชิ่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

ราชองครักษืที่รีบวิ่งเข้ามาก่อนจะนำตัวเฉินอวี่โหรวออกไป เฉินหยวนชิ่งได้แต่ยืนมองน้องสาวถูกนำตัวไป ด้านหลี่เฉินเย่นเดินไปใกล้ชูเซี่ยและกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าวางใจเถิด หัวใจของข้าแคบนัก”

ชูเซี่ยอดส่ายหัวอย่างเอือมระอากับคำพูดของเขาไม่ได้ นางอยากบอกเขาเหลือเกินว่าการที่เขาได้อยู่ร่วมกันกับเฉินอวี่โหรวก็นับเป็นเรื่องดีเพราะอย่างน้อยเฉินอวี่โหรวก็รักเขาจริงๆ แต่นางกลับพูดไม่ออก นางรู้สึกดีใจที่เขาพูดกับนางว่าใจของเขาแคบ แคบเสียจนสามารถบรรจุนางได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น

“เฉินเย่น ท่านลืมไปแล้วหรือ ยามนี้พวกเราต้องเว้นระยะห่างกันไว้ เมื่อครู่ท่านวู่วามเกินไปแล้ว” ชูเซี่ยพยายามเรียกคืนสติของตนเองก็จะหันมาดุเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

เมื่อครู่ที่เฉินหยวนชิ่งคิดจะลงมือทำร้ายนางนางก็หลบพ้นแล้วแต่ถึงกระนั้นหลี่เฉินเย่นก็ยังใจร้อนเข้ามาห้ามอีกฝ่ายไว้ คราวนี้ต่อให้เขาและนางจะแกล้งปั้นปึ่งกันเพียงใด เฉินหยวนชิ่งยังจะเชื่ออีกหรือ

“เจ้าวางใจเถิด ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็มีเพียงน้องสาวสุดที่รักของเขาเท่านั้น” หลี่เฉินเย่นกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แม้ว่าเฉินหยวนชิ่งจะกำเริบเสิบสาน แต่ทว่าลำพังเพียงแค่เฉินหยวนชิ่งก็คงไม่ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำที่รุนแรงมากเท่าใดนักหรอก

“หวังว่าครั้งหน้าจะไม่เป็นเช่นนี้อีกนะ...”

หลี่เฉินเย่นไม่ได้รับปากนาง เขาอยากจะบอกนางเหลือเกินว่าเรื่องเช่นนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของเขา ไม่ว่าเขาและนางจะวางแผนการไว้ดิบดีแค่ไหน แต่หากมีเรื่องความปลอดภัยของนางเข้ามาเกี่ยวข้องแล้วล่ะก็เขาไม่อาจสงบใจได้เลย

จนกระทั่งเฉินหยวนชิ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของเฉินอวี่โหรวเข้ามาในตำหนักด้วยดวงตาวาวโรจน์ ชายหนุ่มกวาดตามองมาที่ร่างของไทเฮา ชูเซี่ยและหลี่เฉินเย่นทีละคนอย่างต้องการจะจดจำความแค้นครั้งนี้ไว้

“นางยังลุกไหวหรือไม่” เมื่อนางเห็นร่างของเฉินอวี่โหรวเต็มไปด้วยเลือดก็ตกใจยิ่งนัก นางนึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าราชองครักษ์พวกนี้จะไม่ออมมือไว้แม้แต่น้อย

“ชูเซี่ย เจ้าอย่าได้มาเสแสร้งแกล้งทำ” เฉินหยวนชิ่งเห็นชูเซี่ยถามขึ้นราวกับเป็นห่วงก็ตวาดใส่นางอย่างโกรธแค้นจนดังก้องไปทั้งพระตำหนัก

ชูเซี่ยจึงแสร้งปั้นสีหน้าชูเซี่ยราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นั่นก็เพื่อที่จะให้เฉินหยวนชิ่งโกรธนาง แค้นนางและพุ่งเป้าหมายมาที่นางเพียงผู้เดียว

“หากว่าโหรวเฟยยังยืนไหวก็ให้นางมาถวายบังคมเราและฮ่องเต้เสีย ยังมี นางต้องคาราวะนายหญิงชูด้วย หากว่าไม่ไหวก็กลับไปรักษาตัวก่อนเถิด วันหน้าค่อยมาทำพิธีกันใหม่” ไทเฮาได้ยินคำพูดของเฉินหยวนชิ่งก็ไม่พอพระทัยขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ถือสาหาความเฉินหยวนชิ่งและทรงตรัสกับเฉินอวี่โหรวเท่านั้น

ดวงตาของเฉินหวี่โหรวเต็มไปด้วยน้ำตาและแฝงไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจยามที่มองไปที่ไทเฮา จากนั้นก็ค่อยๆเลื่อนสายตาไปที่ใบหน้าเรียบเฉยของหลี่เฉินเย่นก่อนจะค่อยๆพยุงกายลุกขึ้นมาและกัดฟันฝืนทนความเจ็บปวดคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อเป็นการถวายบังคมต่อไทเฮาและฮ่องเต้

เมื่อเห็นร่างบอบบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเฉินอวี่โหรวคุกเข่าลงกับพื้นชูเซี่ยก็รู้สึกสงสารจับใจ นางเกือบลุกขึ้นหลายต่อหลายครั้งแต่เหมือนว่าไทเฮาจะทรงล่วงรู้ความคิดของนางจึงส่ายพระพักตร์ห้ามไว้

“เฉินหยวนชิ่ง เจ้าก็พาน้องสาวของเจ้าไปที่ตำหนักโหรวหยีเถิด นางยังมีพิธีที่ต้องทำที่นั่นอีก” หลี่เฉินเย่นรับสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

เฉินหยวนชิ่งถึงกับตะลึงลาน เขานึกว่าฝ่าบาทจะเสด็จไปกับน้องสาวของเขาเสียอีก แต่ทว่าพระองค์กับคิดจะให้น้องสาวของเขาเข้าพิธีเพียงผู้เดียวงั้นหรือ

เฉินหยวนชิ่งกำหมัดของตนเองไว้แน่น ชายหนุ่มก้มลงมาใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของน้องสาวในอ้อมกอดด้วยหัวใจที่เจ็บปวด เขาทนไม่ได้ที่เห็นน้องสาวที่ตนเองรักต้องได้รับความเจ็บปวดเช่นนี้ จึงเอ่ยปากถาม “ฝ่าบาทไม่เสด็จหรือพะย่ะค่ะ”

ทันทีที่เฉินหยวนชิ่งเอ่ยปากถาม ทุกคนในพระตำหนักก็หันไปมองหลี่เฉินเย่นเป็นตาเดียว โดยเฉพาะเฉินอวี่โหรวที่มองไปที่หลี่เฉินเย่นทั้งน้ำตา ทุกคนต่างก็มองเห้นความคาดหวังใจดวงตาของนาง

“นี่เป็นขนบธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณ ฝ่าบาทจะไปหานางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์” ไทเฮาที่เห็นสายตาของชูเซี่ยยามจ้องมองหลี่เฉินเย่นก็ตรัสออกมา

ดวงตาของเฉินหยวนชิ่งที่ตวัดมองไปที่พระพักตร์ของไทเฮาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทั้งๆที่เมื่อหลายปีก่อนพระองค์ยังทรงรักใคร่และเอ็นดูของสาวของเขามากแท้ๆ แต่ทำไมตอนนี้จึง...

“แต่หากว่าฝ่าบาททรงเสด็จไป อวี่โหรวจะต้องดีใจมากแน่” เฉินหยวนชิ่งกัดฟันพูด

หากว่าฮ่องเต้ทรงยอมไปค้างคืนที่ตำหนักของสนมใหม่ นั่นเท่ากับเป็นการป่าวประกาศกลายๆว่าสนมผู้นี้ฝ่าบาททรงใส่พระทัยในตัวนาง ผู้ใดก็ไม่อาจรังแก

“เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของเรา แม่ทัพเฉินชักจะสอดมือเข้ามายุ่งวุ่นวายเกินไปแล้ว” ในที่สุดหลี่เฉินเย่นก็เอ่ยปากเตือนสติอีกฝ่ายทั้งยังใช้สายตาปรามเฉินหยวนชิ่งอีกด้วย

“ฝ่าบาททรงเสด็จไปเถิดเพคะ โหรวเฟยเข้าวังวันแรกก็ถูกสั่งลงอาญาเสียแล้ว หากพระองค์ไม่ยอมเสด็จไปทอดพระเนตรนางหน่อยวันหน้าหม่อมฉันเกรงว่านางอาจจะถูกสนมน้อยใหญ่ในวังหลวงรังแกเอาได้” ชูเซี่ยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า