ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 347

ตอนที่ 347 โดนใส่ร้าย

ชูเซี่ยนึกไม่ถึงว่าฉ่ายเวินจะกล่าวเช่นนี้ นางไม่สนใจสายตาของผู้อื่นที่มองมาที่นาง หญิงสาวเพียงจ้องมองใบหน้าไร้ยางอายของฉ่ายเวินเท่านั้น

นางตั้งใจจะอ้าปากปฎิเสธแต่แล้วก็นิ่งไป ดวงตาที่มองไปที่ฉ่ายเวินเริ่มล้ำลึกมากขึ้น

นางเข้าใจแล้ว ทันทีที่นางแตะต้องตัวฉ่ายเวินก็เท่ากับว่าร่างกายของนางต้องมลทินที่ไม่อาจล้างได้อีกแล้ว

ตอนนี้บนร่างกายของนางมีกลิ่นของดอกเบญจมาศทั้งยังมีกลิ่นของหมั่นโถหลัว ทั้งสองยานี้ล้วนแต่เป็นสมุนไพรที่สามารถนำมาเป็นยาสลบได้ บนร่างของโหรวเฟยเป็นกลิ่นดอกเบญจมาศแต่ว่าเหลียงเฟยนั้นแม้จะยังไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดแต่นางก็ค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องเป็นหมั่นโถหลัวแน่

“พี่สาว ท่านอย่าได้คิดว่าเพียงแค่เหลียงเฟยและโหรวเฟยได้รับความรักจากฝ่าบาทแล้วท่านก็จะเที่ยววางยาพิษผู้อื่นได้ พวกนางไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย พวกนางเป็นนางสนมของฝ่าบาทนะเจ้าคะ ท่านทำตัวเช่นนี้ทำให้พวกเรารู้สึก...” เก่อเอ๋อกล่าวทั้งที่น้ำตาเอ่อคลอก่อนจะกวาดตามองเหล่าพระสนมด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของฉ่ายเวินทุกคนในที่นี้ก็เห็น หากว่าชูเซี่ยวางยาพิษพระสนมที่ฝ่าบาททรงพึงใจจริงๆ เช่นนั้นพวกนาง...

หากเป็นดังเช่นฉ่ายเวินกล่าวมา พวกนางที่เป็นพระสนมของฝ่าบาทหากวันดีคืนดีฝ่าบาททรงสนพระทัยในตัวพวกนางเช่นกัน ชูเซี่ยจะลงมือโหดร้ายกับพวกนางเช่นนี้ด้วยหรือไม่นะ

อีกทั้งยามนี้ชูเซี่ยก็เป็นหัวหน้าพรรคมังกรเหินที่ควบคุมหน่วยคุ้มกันของวังหลวงทั้งหมด เช่นนั้นความปลอดภัยของพวกนางก็แทบไม่มี...

หลี่เฉินเย่นมองตรงมาที่ชูเซี่ยด้วยสายตาที่ยิ่งมาก็ยิ่งผิดหวังสุดหัวใจ ชูเซี่ยเองก็มองตอบดวงตาของเขา ในช่วงเวลาที่แสนอลหม่านนั้นนางพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับสติอารมณ์ของตนเองให้เย็นลง

ในตอนนั้นชูเซี่ยจับมือของเชียนซานที่อยู่ด้านหลังนางไว้เป็นการห้ามปราม เชียนซานเองก็พยายามพุ่งกายมาข้างหน้าเพื่อสั่งสอนฉ่ายเวิน “เป็นเจ้าที่วางแผนทั้งหมดนี้ใช่หรือไม่ ทั้งยังคิดจะโยนความผิดให้แก่นายหญิงอีก เจ้า...”

“แม่นางเชียนซาน... ข้าจะใส่ร้ายนายหญิงของท่านได้อย่างไรกัน แม้ว่าข้าจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องพิษเท่าใดนัก แต่ข้าก็พอรู้ว่ากลิ่นของดอกเบญจมาศและหมั่นโถหลัวบนร่างของนางนั้นใช้ทำอะไรได้บ้าง ตัวข้าเองก็ถูกพิษจนหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาจะบอกเรื่องที่ตนเองรู้บ้างไม่ได้เชียวหรือ หรือที่เจ้ามาโต้เถียงเช่นนี้ก็เป็นเพราะคำสั่งของนายหญิงชูอันเล่า” คำพูดของฉ่ายเวินแต่ละคำที่พูดมาราวกับเป็นการบีบให้ชูเซี่ยต้องรับสารภาพว่านางเป็นผู้ทำ ส่วนฉ่ายเวินนางเป็นผู้ถูกกระทำเท่านั้น

ทุกคนที่ได้ยินคำพูดประณามของฉ่ายเวินต่างก็ลงความเห็นแน่ชัดแล้วว่าชูเซี่ยเป็นผู้ลงมือวางยาพิษในครั้งนี้ไม่ผิดแล้ว

“เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้านะ เจ้ามัน...” เชียนซานตั้งใจจะกล่าวคำปกป้องนายหญิงของตนเองแต่ทว่ากลับถูกฉ่ายเวินตอกหน้ากลับมา คำพูดของนางทำให้เชียนซานระบเดความอดกลั้นจนแทบจะลงไม้ลงมือให้รู้แล้วรู้รอด

ชูเซี่ยส่ายหน้าห้ามปรามเชียนซาน สถานการณ์ในตอนนี้นางตกเป็นแพะรับบาปไปเสียแล้ว ดังนั้นคำพูดเพียงไม่กี่คำจากเชียนซานย่อมไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ยอมออมชอมไปก่อน

“ชูเซี่ย เรื่องมาถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่คิดจะยอมรับผิดอีกหรือ ในฐานะคนของพรรคมังกรเหิน ในฐานะของหัวหน้าพรรค ไม่ละอายใจเลยหรือ” ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นฉายชัดถึงความไม่พอใจ คาดไม่ถึงและผิดหวัง

ชูเซี่ยมองหลี่เฉินเย่นด้วยสีหน้าราบเรียบ ริมฝีปากนางเหยียดยิ้มเย้ยหยันออกมา “ฝ่าบาทไม่เชื่อข้าหรือ”

ดวงตาคมของหลี่เฉินเย่นที่มองมาที่ชูเซี่ยวูบไหวเล็กน้อยก่อนจะพยายามปั้นสีหน้าเยาะเย้ยประชดประชัน “เจ้าจะให้ข้าเชื่อใจผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยมเช่นเจ้าได้อย่างไร เราชื่นชอบที่เจ้าเป็นหญิงสาวจิตใจดีงามมาตลอด นึกไม่ถึงว่าที่ผ่านมาทั้งหมดจะเป็นเพียงแค่การเสแสร้งแกล้งทำของเจ้า โหรวเฟยและเหลียงเฟยพวกนางไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เพียงแค่เราพึงใจในตัวพวกนางเท่านั้น เจ้าถึงกลับกล้าทำเรื่องเช่นนี้ แล้วเจ้าจะให้เรายอมมอบวังหลังแห่งนี้ให้เจ้าดูแลได้อย่างไรกัน”

ชูเซี่ยมองหลี่เฉินเย่นอย่างตกตะลึงไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน นางค่อยๆก้าวสามขุมไปใกล้ร่างสูงก่อนถามเสียงพร่า “ท่านไม่เชื่อข้าหรือ”

“เจ้ากล้าเถียงหรือไม่เล่าว่าผู้ที่วางยาพิษไม่ใช่เจ้า เจ้ากล้าบอกหรือไม่ว่าไม่ได้แค้นเคืองในตัวเหลียงเฟย เจ้ายังจำคำพูดที่เคยพูดกับเราได้หรือไม่ว่าเจ้าปรารถนาให้เหลียงเฟยตาย ตอนนี้สมใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่” หลี่เฉินเย่นไม่กล้ามองชูเซี่ย แต่ทุกคนกลับคิดไปว่านั่นเป็นเพราะชายหนุ่มเกลียดจนไม่อยากจะมองหน้านางอีกต่อไป

หลี่เฉินเย่นเป็นคนเถรตรงอ่านง่าย ชายหนุ่มเป็นคนแบ่งแยกความรู้สึกชัดเจนไม่ว่าจะรักหรือแค้น ยามที่รักชูเซี่ยเขาสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อนาง แต่ยามที่เขาเกลียดนางเขาก็ไม่คิดจะหลงเหลือเยื่อใยให้นางอีก

“พี่สาวยังมีอะไรอย่างจะพูดอีกหรือไม่” ฉ่ายเวินเดินนวยนาดเข้ามาใกล้ชูเซี่ย ดวงตาของนางฉายชัดถึงความสาสมใจที่เห็นความพังพินาศของอีกฝ่าย แต่น้ำเสียงที่กล่าวให้ทุกได้ยินกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงกังวลใจ

“ข้ากับเขาไม่มีอะไรที่ต้องพูดกันอีกต่อไปแล้ว” ชูเซี่ยมองหลี่เฉินเย่นก่อนกล่าวออกมาหนักแน่น

ราวกับว่ามีดวงไฟปะทุในดวงตาของหลี่เฉินเย่น ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นอย่างเดือดดาลก่อนจะตะคอกใส่นาง “ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงไสหัวออกจากวังหลังของเราไปเสีย วังของเราไม่ต้อนรับงูพิษเช่นเจ้าอีกต่อไป!”

“ท่านอย่าได้คิดทำตัวสูงส่งแถวนี้ วังหลังที่แสนจะวุ่นวายของท่านไม่มีค่าพอให้นายหญิงของข้าเสียดายหรอก!” เชียนซานสัมผัสความรู้สึกเย็นยะเยือกของชูเซี่ยได้ นางคิดว่าเป็นเพราะชูเซี่ยคงตกตะลึงและโกรธแค้นผิดหวังมากจึงเป็นเช่นนี้ จึงก้าวเท้ามาข้างหน้าตวาดก้องใส่หลี่เฉินเย่นก่อนจะลากตัวนายหญิงของนางออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ที่แท้แล้วนอกตำหนักก็มีผู้คนมามุงดูมากถึงเพียงนี้แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงใดๆออกมา ทุกคนต่างก็มองดูการปะทะคารมของหลี่เฉินเย่นและชูเซี่ยจากไกลๆ

มีคนมากมายที่รู้สึกยินดีปรีดาอย่างยิ่งเพราะหลายวันที่ผ่านมาฝ่าบาทเอาแต่ขลุกอยู่กับชูเซี่ย ในที่สุดก็มาถึงวันที่พวกนางรอคอยจนได้ วันที่ฝ่าบาททรงขับไล่นางออกจากวังหลวง

พวกนางดีใจกับคำว่า ‘ไสหัวไป’ ของฝ่าบาทเหลือเกิน ครั้งนี้ที่ชูเซี่ยถูกไล่ตะเพิดออกไปเช่นนี้วันหน้านางที่มีฐานะเป็นถึงหัวหน้าพรรคมังกรเหินคงไม่มีหน้ากลับมาอีกแล้ว

หลี่เฉินเย่นมองดูชูเซี่ยที่ถูกเชียนซานจูงมือเดินห่างออกไปเรื่อยๆด้วยหัวใจที่ปั่นป่วน ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไป อบยากจะห้ามนางไว้แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงต่ำ พยายามปิดบังความห่วงหาและความอาลัยอาวรนางไม่ให้ผู้ใดเห็น แต่ทุกคนกลับเข้าใจว่านั่นเป็นเพราะฝ่าบาททรงผิดหวังในตัวนางจึงไม่แม้แต่จะเหลือบแลนางอีก

“นายหญิงชูทำร้ายน้องสาวข้าแล้วคิดจะหนีงั้นหรือ” เสียงทุ้มต่ำของเฉินหยวนชิ่งดังขึ้นที่หน้าประตูก่อนจะย่างกรายเข้ามาหาชูเซี่ยและจ้องอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

“แม่ทัพเฉิน เราไล่นางออกจากวังแล้วล่ะ” หลี่เฉินเย่นเห็นว่าเฉินหยวนชิ่งเข้ามาก็กล่าวเตือนสติอีกฝ่าย

“นั่นก็เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท แต่ในฐานะพี่ชาย เมื่อน้องสาวของตนถูกวางยาพิษทำร้ายร่างกาย อย่างไรข้าก็ต้องแก้แค้นแทนนาง” เฉินหยวนชิ่งปล่อยไอสังหารอย่างไม่คิดจะปิดบังทั้งยังเหยียดยิ้มมองชูเซี่ยอย่างหมายมาด

“ยามนี้โหรวเฟยเป็นสนมของเรา เจ้าไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายเรื่องนี้หรอก” ครั้งนี้ที่หลี่เฉินเย่นเป็นฝ่ายเอ่ยปากก็เพราะไม่พอใจในท่าทางของเฉินหยวนชิ่ง แต่ทว่าเฉินหยวนชิ่งกลับแสร้งทำหูทวนลมไม่ได้ยิน ดวงตาคมก็มองชูเซี่ยพลางยิ้ม “นายหญิงชู เจ้าทำร้ายน้องสาวข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้แม้แต่ฝ่าบาทก็ไม่คิดจะช่วยเจ้าอีกแล้ว ได้เวลาที่เราต้องสะสางบัญชีกันเสียที” จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มออกกระบวนท่าแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆหลี่เฉินเย่นก็ตวาดเสียงกร้าว “หยุดมือ!”

“ฝ่าบาทยังคิดจะปกป้องหญิงชั่วช้าผู้นี้อีกงั้นหรือ” เฉินหยวนชิ่งบันดาลโทสะจ้องเขม็งมาที่หลี่เฉินเย่น แม้ว่าใบหน้าของหลี่เฉินเย่นจะเรียบเฉยแค่ไหนแต่เขาก็ยังจับความรู้สึกกงัวลใจจากอีกฝ่ายได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า