ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 349

ตอนที่ 349 อวดดี

“พี่สาว ท่านอย่าได้ลำบากใจเลย ตอนแรกข้าเพียงแค่คิดว่าหากวางยาพิษสนมของเสด็จพ่อจนตายหมดแล้วเสด็จพ่อก็จะมีเพียงท่านแม่ของเราเพียงผู้เดียวเท่านั้น” ฉองเหลาที่อยู่ข้างกายจิงโม่กล่าวปลอบใจพี่สาวของตนพลางกล่าวความในใจของตนเองให้พี่สาวฟัง ด้านจิงโม่เองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน

ทุกคนในตำหนักต่างก็ตื่นตระหนกตกใจกับความจริงที่พวกตนได้ฟังทั้งยังอดหวาดกลัวไม่ได้ นี่เป็นความคิดของพวกเด็กๆงั้นหรือ อะไรคือการวางแผนวางยาพิษสังหารสนมของเสด็จพ่อเพื่อให้เสด็จพ่อมีท่านแม่เพียงผู้เดียวกันเล่า แม้จะฟังดูโหดเหี้ยมเกินเด็กแต่พวกเขาก็สามารถเข้าใจเหตุผลของคู่แฝดสองคนนี้ได้อย่างดีและยังเห็นด้วยด้วยซ้ำ

ในตอนที่ทุกคนกำลังรู้สึกวุ่นวายใจว่าแท้จริงกำลังถูกเด็กน้อยสองคนนี้หลอกอยู่หรือไม่ เฉินหยวนชิ่งที่โอบกอดน้องสาวอยู่ก็ทอดสายตามองมาที่จิงโม่

ใบหน้ากลมๆเล็กๆของนางและดวงตาเปล่งประกายราวกับมีดวงดาวอยู่ในนั้นยามนี้มีน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวได้อย่างประหลาด

“พี่สาว ตอนนี้ทำเช่นไรดี เสด็จพ่อกับท่านแม่หย่ากันแล้ว พวกเรากลายเป็นเด็กบ้านแตกไปเสียแล้ว ข้าไม่อยากกลายเป็นเด็กกำพร้านะ” ฉองเหลาพูดพลางน้ำตาก็ไหลไปพลาง ท่าทางน้อยอกน้อยใจและสูญเสียทำให้หลี่เฉินเย่นรู้สึกเจ็บปวด

“จิงโม่ ฉองเหลา มานี่”

หลี่เฉินเย่นไม่รู้จะปลอบใจเด็กๆของเขาอย่างไรดี เขารู้เพียงว่าเรื่องแผนการระหว่างเขากับชูเซี่ยไม่อาจให้ผู้ใดล่วงรู้เป็นอันขาดโดยเฉพาะเด็กสองคนนี้ แต่เมื่อมองเห็นดวงหน้าน้อยๆของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความเสียอกเสียใจเขาก็รู้สึกผิดเหลือเกิน รู้สึกผิดเสียจนเขายอมแลกกับทุกอย่างเพื่อให้เด็กสองคนนี้กลับมามีความสุขอีกครั้ง

“เสด็จพ่อ ข้าไม่ไปหาท่านหรอก ข้างกายของท่านมีท่านอานิสัยเสียอยู่ เมื่อครู่เขาตีท่านแม่ของพวกเรา เขาเป็นคนไม่ดี!” ฉองเหลาเห็นหลี่เฉินเย่นกางมือเรียกก็คิดจะเดินเข้าไปหาแต่ทว่ากลับถูกจิงโม่ห้ามไว้เสียก่อนทั้งยังเอ่ยกับหลี่เฉินเย่นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ

หลี่เฉินเย่นเหลือบมองเฉินหยวนชิ่งก็เห็นว่ายามนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งทั้งยังจ้องเขม็งไปที่จิงโม่อีกด้วย เขานึกไม่ถึงเลยว่าจิงโม่จะด่าว่าเขาเป็นท่านอานิสัยเสียทั้งที่เมื่อหลายวันก่อนตอนเขาพบนางที่วังหลังนางยังเรียกเขาว่าท่านผู้กล้า ท่านอาผู้หล่อเหลาอยู่แท้ๆ แต่มายามนี้...

เด็กหญิงตัวน้อยผู้นี้คล้ายกับน้องสาวของเขาเหลือเกิน ยิ่งยามที่ดวงตากลมโตไร้เดียงสานั่นตวัดสายโกรธเคืองมาที่เขา ความรู้สึกนี้ทำให้เฉินหยวนชิ่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เขาอยากเอ่ยอะไรออกไปสักอย่างเพื่อเป็นการอธิบายแต่เขาก็พูดอะไรไม่ออก

เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเขาเองที่โทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของชูเซี่ย เป็นชูเซี่ยที่วางยาพิษน้องสาวของเขา เขาจึงฉวยโอกาสที่หลี่เฉินเย่นมึนตึงต่อชูเซี่ยลงมือทำร้ายนาง แต่ยามนี้ความจริงได้ปรากฎแล้วว่าชูเซี่ยไม่ได้ทำ...

เฉินหยวนชิ่งไม่เกิดบังเกิดความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เขารู้ตัวว่าเขาเป็นคนผิดแต่เขากลับไม่กล้ายอมรับมัน

ในหัวใจของเขา ความเกลียดชังที่เขามีต่อชูเซี่ยฝังรากลึกเกินไปแล้ว นางเป็นคนที่ทำให้น้องสาวเขาตายและเป็นนางที่แย่งคนรักของน้องสาวเขาไป ผู้หญิงที่โหดร้ายเพียงนี้สมควรตาย แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง น้อยใจและเสียใจของจิงโม่ในยามนี้เขากลับรู้สึกว่าหัวใจของตนเองกำลังสั่นคลอนอย่างไม่น่าเชื่อ

“เสด็จพ่อ เหล่านางสนมของเสด็จพ่อเป็นพวกเราสองพี่น้องที่ลงมือวางยาเอง พวกเราไม่ได้เอาให้ถึงตายเสียหน่อย พวกเราก็แค่อยากเตือนพวกนางว่าเสด็จพ่อเป็นของเสด็จแม่เพียงผู้เดียวเท่านั้น พวกนางห้ามทำให้ท่านแม่ของเราโกรธเด็ดขาด พวกเราพาอานเหยียนมาด้วยนะขอรับ อานเหยียนบอกพวกเราว่าพิษพวกนี้ถอนได้” จิงโม่เห็นว่าทุกคนต่างอ้ำอึ้งไม่พูดไม่จาจึงวิ่งไปหาอานเหยียนและดึงออกมา

“เสด็จอา พิษที่พวกเสด็จป้าโดนข้าสามารถถอนได้ขอรับ” อานเหยียนทำสีหน้าลำบากใจยามที่เอ่ยกับหลี่เฉินเย่น

“อานเหยียน เจ้าอย่าได้วุ่นวายกับกับสองพี่น้องคู่นี้นักเลย พวกเขา...” หลี่เฉินเย่นเคยเห็นความสามารถของเด็กแฝดสองคนนี้มาแล้วแต่จนถึงบัดนี้เขาก็ยังไม่กล้าลงความเห็นว่าเรื่องที่พวกเขาวางยาพิษครั้งนี้เป็นจริงหรือเท็จ เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่จะลากอานเหยียนมาข้องเกี่ยวด้วยไม่ได้เป็นอันขาด

“เสด็จอาพะย่ะค่ะ เมื่อครู่ท่านอาจารย์ของข้าอาจจะยังนึกไม่ถึงว่าพิษชนิดที่สองกับหมั่นโถหลัวจะเกี่ยวข้องกัน หากว่านางได้ตรวจอาการของเสด็จป้าเหลียงอีกครั้งนางต้องสามารถถอนพิษได้แน่ ท่านอาจารย์เคยสอนวิธีแก้พิษชนิดนี้ให้แก่ข้าแล้ว ข้าจะรีบเขียนเทียบยาเดี๋ยวนี้พะย่ะค่ะ”

อานเหยียนกล่าวจบก็หายวับไปจากครรลองสายตาของหลี่เฉินเย่นทันที ด้านจิงโม่และฉองเหลาก็ยืนอยู่ห่างๆมองหลี่เฉินเย่นอย่างระมัดระวังตัวไม่เหลือเคล้าความผูกพันธ์สนิทสนมดังเดิมอีกแล้ว

“จิงโม่ ฉองเหลา มาหาเสด็จพ่อมา” หลี่เฉินเย่นเอ่ยเรียกลูกๆของตนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เสด็จพ่อ ท่านจะตีพวกข้าหรือขอรับ ก่อนหน้าที่ท่านสงสัยว่าเสด็จแม่วางยาพิษ ท่านอานิสัยเสียผู้นั้นก็ตีท่านแม่ของพวกเราแล้ว พวกเรา...” ฉองเหลากลัวที่สุดก็คือการถูกตี แม้ว่าที่ผ่านมาหลี่เฉินเย่นจะรักและเอ็นดูพวกตนมาตลอดก็ตาม แต่ว่าเขาก็ยังอดกลัวไม่ได้นี่นา

“พ่อ...” ยามนี้หลี่เฉินเย่นไม่รู้จะเอ่ยตอบอย่างไรได้แต่ปรายตามองเฉินหยวนชิ่งอย่างจนปัญญา

แก้ตัวไม่ได้ เพราะเด็กสองคนนี้เห็นกับตาตนเองว่าเฉินหยวนชิ่งลงมือทำร้ายมารดาของพวกเขาจริงๆ

แต่มีหรือที่เฉินหยวนชิ่งจะรู้สึกผิด จริงอยู่ที่ยามนี้หัวใจของเขาบังเกิดความรู้สึกละอายใจแก่จิงโม่แต่นั่นก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้คนอย่างเขายอมเอ่ยปากอธิบายหรือขออภัยออกไปหรอกนะ

“องค์ชายอานเหยียน พระองค์สามารถถอนพิษให้โหรวเฟยได้จริงใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็รีบเขียนเทียบยามาเถิดพะย่ะค่ะ” เฉินหยวนชิ่งจัดการเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาที่องค์ชายอานเหยียนแทน

ยามนี้เขาไม่อาจดูเบาอานเหยียนได้เพราะชายหนุ่มเคยเห็นฝีมือการฝังเข็มทองขององค์ชายน้อยผู้นี้มาแล้วและเขาก็มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะต้องถอนพิษให้แก่น้องสาวของเขาได้อย่างแน่นอน

อานเหยียนเหยียดยิ้ม “ข้ากับท่านอาจารย์ไม่เหมือนกัน ท่านอาจารย์มีน้ำใจกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูก็ยอมลงมือรักษาโดยไม่แบ่งแยก แต่ตัวข้านั้นแล้วแต่อารมณ์ล้วนๆ”

คำพูดของอานเหยียนมั่นคงเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่อาจว่าได้เพรานับตั้งแต่ที่อานเหยียนเริ่มศึกษาวิชาการแพทย์เด็กน้อยก็ราวกับพบเส้นทางของตนเอง เขามั่นใจในความสามารถในการแพทย์ของตนอย่างยิ่งทั้งยังมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ท่าทางหยิ่งยะโสในยามนี้ของอานเหยียนดูคล้ายเสด็จพ่อของเขามากทีเดียว

“เช่นนั้นก็รีบมาดูอาการโหรวเอ๋อสิ นาง...” เฉินหยวนชิ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดอานเหยียนจึงพูดจาเช่นนั้นออกมา เขาเคยชินแล้วการที่ชูเซี่ยให้ความร่วมมือในการรักษายามที่มีผู้ป่วยอยู่ตรงหน้าเสมอจึงนึกไม่ถึงว่าอานเหยียนจะปฎิเสธอย่างเฉยเมยเช่นนี้

“แม่ทัพเฉิน ข้ากล่าวไปแล้ว ข้าอยากจะถอนพิษให้ใครมันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าและตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี!” อานเหยียนกล่าวกับเฉินหยวนชิ่งอย่างชัดเจนยิ่ง

คราวนี้เฉินหยวนชิ่งเริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว เขานึกไม่ถึงจริงๆว่าอานเหยียนจะปฎิเสธการให้การรักษาน้องสาวของเขา เวลานี้น้องสาวของเขาหมดสติไม่ยอมฟื้นเสียทีส่วนอานเหยียนที่สามารถรักษานางได้ก็ประกาศปาวๆว่าอารมณ์ไม่ดี

“เจ้า...” ชายหนุ่มอยากจะอาละวาดใส่อีกฝ่าย แต่ว่าอานเหยียนเป็นบุตรชายสุดที่รักคนเดียวของเจิ้นหยวนอ๋อง หากว่าเขามีตวาดหรือดุด่าเด็กชายผู้นี้จริงๆก็เท่ากับว่าล่วงเกินเจิ้นหยวนอ๋องเข้า แต่หากว่าอานเหยียนไม่ชอบช่วยถอนพิษให้โหรวเอ๋อ...

“ข้ามีศักดิ์เป็นองค์ชายบุตรและเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเจิ้นหยวนอ๋อง เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าถอนพิษหญิงสาวผู้นี้กัน?” อานเหยียนเห็นเฉินหยวนชิ่งเริ่มหมดความอดทนเด็กชายก็กล่าวเตือนสติด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

บาดแผนที่อาจารย์ของเขาได้รับเขาเห็นมันชัดเจนด้วยตาตนเอง เฉินหยวนชิ่งผู้นี้ไม่ควรค่าแก่การให้อภัยอย่างยิ่ง ชายหนุ่มผู้นี้ยิ่งมาก็ยิ่งไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ สมควรแล้วที่จะได้รับความทุกข์ใจเป็นสิ่งตอบแทนเสียบ้าง

“ข้าจะบอกอะไรท่านไว้อย่าง พิษที่เหล่าเสด็จป้าได้รับนั้นคงมีเพียงแค่ข้าและท่านอาจารย์ของข้าเท่านั้นที่สามารถถอนมันได้ แต่ว่าตอนนี้อาจารย์ของข้าจากไปเสียแล้ว...” อานเหยียนกล่าวถึงก็เดินจากไปด้วยท่วงท่าสงบเยือกเย็นราวกับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ตำหนักแห่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองแม้แต่น้อย

หลี่เฉินเย่นย่อมไม่คิดจะลากอานเหยียนมาข้องเกี่ยวเรื่องวุ่นวายนี้อยู่แล้ว ด้านเฉินหยวนชิ่งก็ได้แต่มองอานเหยียนจากไปตาปริบๆ จากนั้นจึงหันมาหาหลี่เฉินเย่น “ฝ่าบาท หรือว่าพวกเราควรตามท่านหมอเวินกลับมาดีพะย่ะค่ะ?”

น้ำเสียงของเฉินหยวนชิ่งยามนี้อ่อนลงมากและติดจะเว้าวอน การให้ชูเซี่ยกลับมานั้นแน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยินยอมเพราะหากว่าผู้หญิงคนนั้นกลับมาหลี่เฉินเย่นย่อมต้องอ่อนไหวอีกแน่ แต่ทว่าตอนนี้น้องสาวของเขาต้องพิษไม่ได้สติอยู่เช่นนี้ องค์ชายอานเหยียนเองก็ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับเขาอย่างชัดเจน ยามนี้ความหวังทั้งหมดของเขาตกอยู่ที่ชูเซี่ยแต่เพียงผู้เดียวราวกับลืมไปแล้วว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งลงมือทำร้ายร่างกายความหวังเดียวของตนเองไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า