ตอนที่ 351 ความคิดถึงที่ไม่สิ้นสุด
เหล่าราชองครักษต่างพลิกวังหลวงตามหาก็ไม่เจอแม้แต่เงาของคู่แฝด หลี่เฉินเย่นได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่ประตูหน้าตำหนักโหรวหยีไม่พูดไม่จากับผู้ใดทั้งสิ้น
“ฝ่าบาท วันนี้เป็นพิธีถวายตัวของน้องสาวกระหม่อม พระองค์ควรอยู่เป็นเพื่อนนางจึงจะถูกนะพะย่ะค่ะ” เฉินหยวนชิ่งไม่สนว่ายามนี้ทุกคนในวังจะวุ่นวายแค่ไหนทั้งยังหันกลับมากล่าวกับหลี่เฉินเย่นที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่หน้าประตู
หลี่เฉินเย่นหันมามองเฉินหยวนชิ่งด้วยดวงตาที่คมราวกับใบมีดก่อนจะเหยียดยิ้มเย็น “แม่ทัพเฉินก็รู้ไม่ใช่หรือว่าลูกๆของเราเพิ่งจะหนีออกจากวังไป ท่านคิดว่าเวลานี้จะให้เรามีกระจิตกระใจมาเข้าร่วมพิธีกลับนางสนมงั้นหรือ”
เฉินหยวนชิ่งนิ่งเงียบทันที แม้ว่าเขาอยากจะบอกหลี่เฉินเย่นว่ายามนี้อีกฝ่ายแต่งกับน้องสาวเขาแล้วก็ควรรักและเอ็นดูนางจึงจะถูกไม่ควรทำให้นางรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ทว่าเขาก็พูดมันออกมาไม่ได้ เพราะทันทีที่เขาคิดจะอ้าปากเอ่ยออกไปใบหน้าน้อยใจของจิงโม่ก็จะผุดขึ้นมาในหัวทันที
“ในภายภาคหน้าฝ่าบาทย่อมสามารถมีองค์หญิงน้อยองค์ชายน้อยได้อีกแน่นอนพะย่ะค่ะ” คำพูดของเฉินหยวนชิ่งเรียกรอยยิ้มเย็นๆของหลี่เฉินเย่นได้เป็นอย่างดี หลี่เฉินเย่นปรายตามองอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง
หลี่เฉินเย่นรู้ดีว่ายามที่ชูเซี่ยอยู่ เขาและนางจำเป็นต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ แต่ยามที่นางไม่อยู่เขาและนางก็ยิ่งไม่อาจได้ใกล้ชิดกันอีก เขาไม่คิดจะมีบุตรกับหญิงอื่น ดังนั้นชั่วชีวิตนี้ของเขาจึงมีเพียงจิงโม่ฉองเหลาสองคนเท่านั้น
ยามที่ชายหนุ่มได้เด็กสองคนนั้นกลับคืนมาสู่อ้อมอก เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะชดเชยความเป็นพ่อที่ขาดหายไปตลอดห้าปีให้แก่ลูกๆของเขา แต่สุดท้ายเขาก็ต้องทำให้ลูกๆผิดหวังในตัวเขาจนได้
ความทุกข์ทรมานในใจของเขาย่อมไม่อาจบอกให้ลูกๆทั้งสองรับรู้ได้ และเขายิ่งไม่อาจบอกได้ว่าแท้จริงแล้วในหัวใจของเขารักสตรีเพียงผู้เดียวเท่านั้น นั่นก็คือท่านแม่ของพวกเขาคนเดียวเท่านั้น
“ดึกมากแล้ว แม่ทัพเฉินควรกลับไปได้แล้วล่ะ” ยามนี้หลี่เฉินเย่นไม่เหลืออีกแล้วความสัมพันธ์ดีๆที่มอบให้สหายหรือแม่ทัพผู้แสนจงรักภักดีของตน ระหว่างพวกเขาทั้งคู่เหลือเพียงความห่างเหิน
“โหรวเอ๋อรักความสะอาดเป็นที่สุดดังนั้นฝ่าบาททรงอย่าได้ลืมที่จะชำระร่างกายให้นางด้วยนะพะย่ะค่ะ” ประโยคของเฉินหยวนชิ่งคล้ายจะบังคับกลายๆว่าในวันนี้ฮ่องเต้จะต้องอยู่ที่ตำหนักโหรวหยีกับน้องสาวของเขาในค่ำคืนนี้ หลี่เฉินเย่นเองก็ไม่ได้กล่าวปฎิเสธ
แต่ทว่าทันทีที่เฉินหยวนชิ่งจากไปชายหนุ่มก็หันกลับมาหาลู่จ่งก่วนที่อยู่ด้านหลัง “ไปตำหนักฉายเวย”
“ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ นี่มัน...”
“เราแค่อยากไปดูให้เห็นด้วยตาตนเองว่านางจากไปจริงหรือไม่”
น้ำเสียงของหลี่เฉินเย่นยามนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นแผนของชูเซี่ยที่คิดจะใช้โอกาสที่เขาทำตัวเป็นฮ่องเต้เสเพลออกจากวัง แต่ทว่าเขาก็ยังอยากไปดูด้วยตาตัวเองอีกสักครั้งอยู่ดี จนเมื่อมาถึงตำหนักฉายเวยเขาก็ได้เห็นแล้วว่ามันเงียบสงัดเพียงใด
ชายหนุ่มยังคงคาดหวัง คาดหวังว่าจะได้เจอนางอีกสักครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรกัน แม้ว่านางจะพูดจาเย็นชาทำร้ายจิตใจเขาอีกสักกี่ครั้ง เขาก็ยังอยากเจอชูเซี่ย
แต่สุดท้ายความหวังของเขาก็สูญสลายไปในทันที่ที่ก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนักฉายเวย
ตำหนักแห่งนี้ไม่มีนางอีกแล้ว ตำหนักฉายเวยยามนี้กลับไปเป็นเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งดำมืดและหนาวเย็น มันไม่เหลือความอบอุ่นในยามที่มีนางอีกแล้ว
หลี่เฉินเย่นเดินเข้าออกสำรวจห้องทีละห้องในตำหนัก ในแต่ละก้าวที่เขาก้าวผ่านล้วนแต่เป็นทางเดินที่ชูเซี่ยเคยเดินผ่านมาทั้งสิ้น เครื่องเรือนและข้าวของเครื่องใช้ทุกชิ้นล้วนเป็นสิ่งที่เขาคุ้นตาทั้งสิ้น ไม่ว่ามองไปทางทิศใดชายหนุ่มก็คล้ายกับเห็นภาพของนางและพวกเขาในอิริยาบถต่างๆอยู่ทั่วไปหมด
หากว่าเขารู้ว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับความเหงาหงอยและเย็นจับขั้วหัวใจเช่นนี้เขาคงไม่ยอมตกปากรับคำทำตามแผนการนางเป็นอันขาด แต่ยามนั้นเป็นเป็นเพราะเขาตกอยู่ในห้วงพิศวาสของนางต่างหากเล่าจึงได้ถูกนางล่อลวงจนต้องตกปากรับคำ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาตงิดๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...