ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 355

ตอนที่ 355 สมคบ

ท้ายที่สุดชูเซี่ยก็ได้แต่หันมาส่ายหน้ากับเชียนซาน นางจนปัญญาที่จะยื้อชีวิตหญิงชราผู้นี้แล้ว

เชียนซานร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า นางเองก็เพิ่งรับรู้ความรู้สึกของคนที่มีครอบครัวอันอบอุ่นเมื่อไม่กี่ปีก่อน นางเข้าใจความรู้สึกของท่านยายผู้นี้ว่าแท้จริงแล้วการคาดหวังว่าจะได้พบหน้าคนในครอบครัวอีกสักครั้งเป็นอย่างไร

จู่ๆก็มีหญิงชราอีกคนหนึ่งเดินมาข้างหน้าและเมื่อนางเห็นว่าหญิงชราในอ้อมกอดของเชียนซานไร้ซึ่งลมหายใจแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง “พี่สาว ท่านรอข้านะ ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนท่าน” นางก้มลงไปกระซิบกับร่างไร้วิญญาณแผ่วเบาก่อนจะลุกขึ้นมา โชคยังดีที่ชูเซี่ยตาไวห้ามนางไว้ได้ทัน

ชูเซี่ยถลาเข้าไปรั้งร่างของหญิงชราก่อนที่นางจะชนเข้ากับประตู “ท่านยาย หรือว่าท่านไม่อยากพบหน้าลูกชายของท่านอีกสักครั้งกัน?”

คำพูดของชูเซี่ยทำให้หญิงชราชะงักและร้องไห้โฮออกมา

หากว่ามีชีวิตต่อไปและได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งใครเล่าจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่นางอับจนหนทางแล้วจริงๆ คุกเข่าที่หน้าประตูเมืองมาหนึ่งวันเต็มๆแต่คนของทางการก็เอาแต่บอกพวกเขาว่าไม่มีเหมืองก้วงซานที่ว่านั่น เรื่องนี้ทำให้พวกนางสิ้นหวังแล้วปวดร้าวจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

“ข้าจนปัญญาแล้วจริงๆเจ้าค่ะ พวกเราตามหาลูกหลานของเรามาตลอดหนึ่งปีเต็มแต่จนแล้วจนรอดก็หาตัวพวกเขาไม่พบ พวกเราจึงได้แต่มาขอร้องให้ทางการช่วยเหลือ แต่ว่าทางการ...”

หญิงชราเหลือบมองนายทหารผู้นั้นที่มีสีหน้าตื่นตระหนกและมองเลยไปทางประตูที่ว่าการอำเภอที่ยังปิดเงียบนางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง

“ท่านยายได้โปรดรอก่อนเถิด ข้าจะหาหนทางช่วยท่าน ดีหรือไม่” น้ำเสียงของชูเซี่ยที่กล่าวกับหญิงชราเต็มไปด้วยน้ำเสียงเว้าวอน นางเองก็ไม่มั่นใจว่าคนของพรรคมังกรเหินจะตามหาเหมืองก้วงซานที่ว่าพบหรือไม่ แต่นางก็ไม่อยากให้ชาวบ้านพวกนี้ใช้ความตายของตนเองมาเพื่อแก้ไขปัญหา

“ข้ารู้ว่าแม่นางผู้นั้นมีความสามารถ ท่านเองก็คงเป็นผู้มีความสามารถเช่นกัน ข้าขอร้องท่านได้โปรดช่วยลูกหลานพวกเราด้วยเถิด ช่วยพวกเราตามหาพวกเขาด้วยเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อครู่ตอนที่เชียนซานใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานมาเพื่อช่วยเหลือพี่สาวของนางนั้นนางเห็นด้วยตาตนเอง นางกับพี่สาวเองก็รู้สึกได้ว่าเชียนซานต้องสามารถช่วยเหลือพวกตนได้แน่

พวกเขาพบเจอกับความสิ้นหวังมามากแล้วยามนี้ต่อให้เป็นความหวังอันน้อยนิดพวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะรีบคว้ามันเอาไว้ ดังนั้นนางจึงคุกเข่าลงกับพื้นทันทีที่กล่าวจบ

“แม่นาง พวกเราล้วนสิ้นหนทางแล้วได้โปรดช่วยเหลือพวกข้าด้วยเถิด ข้าขอร้องท่าน!” เมื่อทุกคนเห็นว่าหญิงชราคุกเข่าต่อหน้าแม่นางผู้หนึ่งพวกเขาก็รีบคุกเข่าตามทั้งยังโขกศีรษะลงกับพื้นไม่หยุดราวกับกำลังร้องขอให้ชูเซี่ยรับปากช่วยเหลือพวกเขา

“พวกข้าจะช่วยตามหาอย่างสุดความสามารถแต่ตอนนี้พวกท่านเองก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ร่างกายตนเองก็ต้องรักษามันให้ดี” ชูเซี่ยรู้สึกเจ็บปวดกับภาพตรงหน้า นางไม่อยากจะคิดว่าหากหลี่เฉินเย่นมาเห็นภาพตรงหน้าจะเจ็บปวดเพียงใด ผู้ชายคนนั้นทำงานหนักทุกวันเพื่อจะให้ประชาชนของตนเองอยู่เย็นเป็นสุขแต่ภาพตรงหน้านางมันไม่ใช่เลย ชาวบ้านที่เชียนกำลังทุ่มเทปกป้องพวกเขากำลังพบเจอกับความสิ้นหวัง

“แม่นางช่างเป็นพระโพธิสัตว์กลับชาติมาเกิดโดยแท้ หากว่าท่านสามารถตามหาลูกหลานของพวกข้ากลับมาได้จริงๆ พวกข้าก็จะสร้างรูปปั้นของท่านเพื่อกราบไหว้เช้าเย็นทั้งยังขอให้ท่านมีอายุยืนนานอีกด้วย” หญิงชราเอ่ยคำมั่นสัญญาพลางโชกหัวลงกับพื้นพลางทำให้ชูเซี่ยยิ่งเห็นยิ่งเวทนา

พวกเขาทำเช่นนี้ย่อมต้องรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความหวังที่จะได้พบลูกหลานของตนเองยิ่งมายิ่งน้อยเหลือเกิน

“ต่อให้มีความหวังริบหรี่เพียงใดพวกข้าก็จะไม่ยอมถอดใจเป็นอันขาด” ชูเซี่ยโน้มกายพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้นแต่คำพูดนั้นที่นางพูดออกไปคล้ายกับจะบอกตนเองมากกว่า

“พวกข้าจะไม่ถอดใจเจ้าค่ะ ไม่ถอดใจเป็นอันขาด” หญิงชราที่ถูกชูเซี่ยพยุงให้ลุกขึ้นจ้องชูเซี่ยและเช็ดน้ำตาป้อยๆก่อนจะเอ่ยพึมพัมว่าไม่ยอมถอดใจเป็นอันขาด

“พวกท่านกลับไปก่อนเถิด หากว่าข้าได้เบาะแสอะไรจะรีบแจ้งพวกท่านแน่นอน” ชูเซี่ยเดินจูงมือหญิงชรากลับเข้ากลุ่มคนในหมู่บ้านของนางแต่ก็ยังมีกลุ่มคนมากมายที่ยังคุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้นทั้งยังตะโกนป่าวร้อง “พระโพธิสัตว์ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”

ชูเซี่ยหันมาหาพวกเขาตั้งใจจะเอ่ยปากแต่ก็มีคนที่กำลังคุกเข่ากล่าวขึ้นมาเสียก่อน “แม่นาง คนที่เพิ่งขอร้องท่านคือคนจากหมู่บานหลี่ พวกข้าเป็นคนจากหมู่บ้านโจว หมู่บ้านของพวกข้าก็มีลูกหลานสูญหายไปถึงเจ็ดสอบคนด้วยกันขอรับ”

“พระโพธิสัตว์ ขอร้องท่าน ได้โปรดช่วยเหลือลูกหลานของพวกเราด้วยเด พวกเขาออกไปจากหมู่บ้านปีกว่าๆแล้ว แต่พวกเราเห็นคนจากหมู่บ้านหลี่คุกเขาอยู่ที่ประตูที่ว่าการก็ไม่เห็นว่าคนจากทางการจะช่วยอะไรได้จึงไม่ได้เข้าร่วมกับพวกเขา แม่นางได้โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยเถิด...”

“แม่นาง พวกเราเป็นคนจากหมู่บ้านหลิวเจิ้ง คนของเราก็หายไปร้อยกว่าคนเช่นกัน...”

“แม่นาง หมู่บ้านพวกข้าสูญหายไปสิบกว่าคน...”

“พระโพธิสัตว์ หมู่บ้านพวกข้าก็หายไปเจ็ดสิบกว่าคน...”

“...”

ยิ่งทุกคนกล่าวถึงจำนวนคนที่หายมากเท่าไหร่หัวใจชูเซี่ยก็ยิ่งหนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น นางคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีผู้คนสูญหายมากถึงเพียงนี้

“เชียนซาน เดี๋ยวเจ้าสั่งคนให้หาสมุดมาเล่มหนึ่งจดบันทึกข้อมูลของคนที่สูญหายเอาไว้ ไม่ว่าจะอายุ ชื่อ และเวลาที่สูญหาย แต่อย่าลืมถามรูปพรรณของนายหน้าที่เข้ามาตามหาคนไปทำงานที่เหมืองก้วงซานด้วยล่ะ” ชูเซี่ยกล่าวจบก็เดินจากไป

ในเวลานี้นางไม่กล้าเอ่ยคำมั่นสัญญากับพวกชาวบ้านเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่โตเพราะว่าจำนวนคนที่สูญหายไม่ใช่น้อยๆเลยทีเดียว

แต่นางก็จะทำสุดความสามารถของนาง ไม่ใช่เพื่อหลี่เฉินเย่นเพียงคนเดียวแต่เพราะนางเองก็เป็นถึงหัวหน้าพรรคมังกรเหินเช่นกัน

ตกกลางคืนเชียนซานก็นำข้อมูลบันทึกผู้สูญหายมามอบให้ชูเซี่ย เมื่อชูเซี่ยเห็นจำนวนที่ชัดเจนก็ถึงกับหน้าถอดสี

“สองพันสามร้อยสี่สิยสองคนงั้นหรือ นี่มันจำนวนมากเกินไปแล้ว...”

“นี่เป็นเพียงแค่จำนวนหนึ่งในสิบของหมู่บ้านทั้งหมดในเมืองเก้อโจวที่มาร้องเรียนในวันนี้นะเจ้าคะ”

สีหน้าของเชียนซานก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะพอรู้มาบ้างว่ายามนี้เมืองเก้อโจวมีปัญหาแต่ก็นึกไม่ถึงว่าปัญหาจะใหญ่ถึงเพียงนี้

“ตอนนี้ให้อาหมั่นนำเงินมาแจกจ่ายแก่ชาวบ้านในหมู่บ้านก่อนก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ต้องให้เพียงพอต่อความเป็นอยู่ในช่วงหนึ่งเดือนนี้ก่อน ตอนนี้แม้จะยังหาคนไม่พบพวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ให้ได้ก่อน”

ชูเซี่ยกล่าวจบก็ก้มหน้าอ่านบันทึกที่เชียนซานนำมาให้นางอีกครั้ง นางหวังเหลือเกินว่าจะสามารถหาเบาะแสเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจากในนี้ได้

แต่ชูเซี่ยและคนของนางไม่อาจทราบได้เลยว่าในเวลาเดียวกันนี้นั้นที่ว่าการอำเภอภายในกำลังมีงานเลี้ยงย่อมๆจัดขึ้นภายใน

“นายท่านไม่ใช่บอกหรือว่าชูเซี่ยผู้นี้ร้ายกาจนัก แต่ทำไมนางถึงเดินเข้ามาติดกับพวกเราง่ายนักเล่า” อวี่เจิ้งหมิงเอ่ยวาจาประจบสอพลอกับผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขา

“นั่นเป็นเพราะนายท่านของพวกเราประเมินฝีมือของนางสูงเกินไปอย่างไรเล่า ก็แค่หญิงสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งจะไปจัดการยากอะไร ในเมื่อตอนนี้นางก็กล้าเข้ามาในเมืองเก้อโจวแล้วพวกเราก็ปล่อยให้นางอยู่ไปก่อน เป็นนางที่รนหาที่ตายเองพวกเราเองก็ว่าอะไรไม่ได้” คนที่ถูกอวี่เจิ้งหมิงประจบสอพลอก็เอ่ยอย่างถือดี สีหน้าของเขายามเอ่ยถึงชูเซี่ยเหยียดหยันดูแคลนราวกับว่าไม่เห็นชูเซี่ยอยู่ในสายตา

“แต่หากว่านางสืบเรื่องเหมืองก้วงซานพบเข้าล่ะขอรับ หากเป็นเช่นนั้นนายท่านจะต้องโมโหมากเป็นแน่” อวี่เจิ้งหมิงที่ลังเลอยู่นานยอมเอ่ยปากถึงความเป็นไปได้ที่เขาหวาดกลัวขึ้นมาในที่สุด

“เจ้าคิดว่านางมีความสามารถถึงเพียงนั้นเชียวหรือ นางหรือจะหาที่ตั้งของเหมืองก้วงซานพบ? อีกอย่างต่อให้นางหาพบแล้วอย่างไร อย่างมากก็ให้นางเข้าไปข้างไหนถึงตอนนั้นข้าก็จะจับตัวนางไว้ส่งให้แก่ท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะได้ดีใจและดีกับพวกเรามากขึ้นไม่ดีหรือ”

“พวกเราควรแจ้งเรื่องนี้แก่ท่านอ๋องสักหน่อยดีหรือไม่ ทางท่านอ๋องจะได้...” อวี่เจิ้งหมิงเดิมทีก็ไม่ใช่คนมักใหญ่ใฝ่สูงอะไร เขาเองก็เป็นผู้ว่าในเมืองเก้อโจวมาหลายปี ตอนนี้ที่เขาปรารถนาหาใช่ต้นไม้ใหญ่ให้พึ่งพิงหากแต่เป็นเพียงได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขในเมืองเก้อโจวแห่งนี้มากกว่า

หลายปีมานี้ตัวเขาเองก็ให้ความร่วมมือกับท่านอ๋องไม่น้อยทั้งการใหญ่และการเล็ก ท่านอ๋องเองก็ตอบแทนความจงรักภักดีของเขามาตลอดเช่นกัน

เรื่องนี้เขาไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรบุ่มบ่ามเพราะศัตรูตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขารู้จักดีเสียด้วย หากว่า...

หากว่าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา อวี่เจิ้งหมิงไม่อยากจะคิดเพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นถึงนายหญิงของพรรคมังกรเหินไม่ใช่หรือ...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า