ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 356

ตอนที่ 356 เห็นแก่ตัว

ทันทีที่ชูเซี่ยมาถึงที่พักในเมืองเก้อโจวนางก็ส่งขาวไปหาคนในพรรคมังกรเหินทันที เหลียงกวางเสียงก็เร่งรุดเดินทางมาที่นี่จนถึงในคืนกลางดึกวันที่สอง

ตอนที่เหลียงกวางเสียงเข้าพบชูเซี่ยนางก็กำลังวุ่นวายอยู่กับพวกยาสมุนไพรที่ใช้ในการทำยาถอนพิษให้แก่เหล่าเด็กสาวในตำบลอวี๋นจี๋ นางพยายามคิดค้นวิธีที่จำทำยาถอนพิษโดยใช้เวลาให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้

เหลียงกวางเสียงลอบมองใบหน้าของชูเซี่ยยามที่กำลังวุ่นวายอยู่กับพวกสมุนไพรตรงหน้า เดี๋ยวนางก็ก้มลงดมสมุนไพร เดี๋ยวก็ตรวจดูลักษณะของสมุนไพร สีหน้าและอารมณ์ของนางดูสงบอย่างยิ่ง แต่ว่าบรรยากาศรอบๆกายของนางกลับเย็นยะเยือกจนพาลให้เหลียงกวางเสียงสั่นสะท้านไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ

“มาแล้วหรือ” หลังจากที่ชูเซี่ยวางสมุนไพรในมือลงก็เหลือบมาเห็นเหลียงกวางเสียงที่ยืนนิ่งอยู่ มือของนางเอื้อมไปหญิงสมุนไพรอีกตัวหนึ่งขึ้นมาก่อนจะเหลือบมองเหลียงกวางเสียงเล็กน้อย น้ำเสียงหวานของนางนิ่งเรียบราวกับว่าการมาของเหลียงกวางเสียงครั้งนี้เพียงแค่มาชวนนางกินข้าวพูดคุยสนทนากันตามปกติเท่านั้น

“นายหญิง” เหลียงกวางเสียงโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ

“ช่วงนี้ที่ค่ายทหารเป็นอย่างไรบ้างเล่า” ชูเซี่ยเอ่ยถามเสียงราบเรียบราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ

“นายหญิง นี่มันเป็นเรื่องในราชสำนัก ท่าน...” เหลียงกวางเสียงเอ่ยกับชูเซี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง นับตั้งแต่ชูเซี่ยเข้าวังนางก็คอยควบคุมดูแลวังหลวงโดยตลอด เรื่องเกี่ยวกับการเมืองราชสำนักนางแทบไม่ก้าวก่ายราวกับว่าพรรคมังกรเหินไม่เคยสนเรื่องนี้ แต่จู่ๆชูเซี่ยกลับถามถึงเรื่องราวในราชสำนักขึ้นมา หรือว่า...

ในใจของหลางกวางเสียงเกิดลางสังหรณ์บางอย่าง เขาไม่ต้องการให้คนของพรรคมังกรเหินมาก้าวก่ายเรื่องในราชสำนักเพราะว่าเขาต่างหากเล่าที่เป็นขุนนางในราชสำนักเพียงคนเดียวที่เป็นคนของพรรคมังกรเหินที่แฝงตัวในราชสำนัก เขาอยากให้นายหญิงและทุกคนในพรรคคอยเป็นกำลังสนับสนุนให้แก่เขา แต่ว่าเขาในตอนนี้...

แม้จะไม่ได้กล่าวคำว่าทรยศออกมา แต่ทุกคนในพรรคมังกรเหินต่างก็รู้ดีว่าเหลียงกวางเสียงผู้นี้เคยกระทำผิดคิดไม่ซื่อกับพรรคมังกรเหิน

“หากว่าคนของพรรคมังกรเหินไม่ข้องเกี่ยวเรื่องในราชสำนักจริงท่านก็คงไม่ได้มายืนอยู่ในจุดนี้หรอกนะ” น้ำเสียงของชูเซี่ยราบเรียบแฝงไปด้วยความกดดันราวกับกำลังย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเหลียงกวางเสียงเคยทรยศพรรคทำให้ชายวัยกลางคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยามที่มองสบสายตาของชูเซี่ยที่ทอดมองมาก็เต็มไปด้วยความละอายใจ

“ท่านไม่เต็มใจพูดก็ไม่เป็นไร แต่ว่าท่านก็อย่าได้ลืมคำพูดที่ท่านเคยกล่าวไว้ก็แล้วกัน วัตถุประสงค์ของพรรคมังกรเหินคืออะไรท่านน่าจะรู้ดีที่สุด จงอย่าได้ล้ำเส้นเป็นอันขาด”

“นายหญิงโปรดวางใจ ข้าจะไม่มีวันทรยศท่านเป็นอันขาด” เหลียงกวางเสียงรับรู้ได้ว่าชูเซี่ยพยายามเตือนสติเขาเท่านั้นจึงรีบตอบรับและให้คำมั่นอย่างรวดเร็ว

ชูเซี่ยเพียงยิ้มให้อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไร ไม่มีวันทรยศ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาก็ทรยศพวกพ้องไปแล้วงั้นหรือ เพียงแต่บรรทัดฐานของผู้ชายคนนี้คงยืดหยุนได้กระมังจึงได้กล่าวอย่างมั่นใจถึงเพียงนี้

แน่นอนว่าชูเซี่ยเองก็ไม่อยากจะว่าร้ายเหลียงกวางเสียงเท่าใดนักแต่ทว่ายามนี้อีกฝ่ายก็เป็นเหมือนหมากตัวสำคัญที่นางทอดทิ้งไม่ได้ หากว่านางอยากชนะกระดานหมากนี้นางย่อมไม่อาจวางตัวเหลียงกวางเสียงเป็นศัตรูได้ ดังนั้นนางจึงเรียกอีกฝ่ายมาเพื่อย้ำเตือนเขาให้รู้จักวางตัวจะดีกว่า

“ข้าจะจัดการเรื่องที่ค่ายทหารอย่างสุดความสามารถ แล้วนายหญิงมาที่เก้อโจว...”

เหลียงกวางเสียงไม่อยากให้ชูเซี่ยรู้เรื่องของค่ายทหารมากนัก ดังนั้นเขาจึงจงใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาถามถึงเหตุผลที่ชูเซี่ยเดินทางมายังเมืองเก้อโจวแทน

ชูเซี่ยก็ยิ้มให้อีกฝ่ายและยังคงไม่กล่าวอะไรเช่นเดิม

เหลียงกวางเสียงจึงตระหนักได้ว่าตนเองเผลอพูดในสิ่งที่ไม่สมควรไปเสียแล้ว นายหญิงของพรรคมังกรเหินมีอำนาจสูงสุดเหนือผู้ใด ตัวเขาเองก็เป็นเพียงแค่ผู้อาวุโสในสำนักมีสิทธิไปถามก้าวก่ายนายหญิงได้ที่ไหนกัน

“ยามนี้เมืองเก้อโจวไม่ค่อยสงบนัก หากนายหญิงเสร็จธุระที่เมืองนี้แล้วก็ไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนะขอรับ” อย่างน้อยเหลียงกวางเสียงก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนชูเซี่ย

“นอกจากมีการเปลี่ยนแปลงในกองทัพของเมืองเก้อโจวแล้วยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” ทันทีที่ชูเซี่ยถามคำถามนี้ออกไปสีหน้าของเหลียงกวางเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นหมองคล้ำ

“เรื่องบางเรื่องข้าน้อยไม่สะดวกที่จะกล่าวออกไป คงต้องขอให้นายหญิงอย่าได้มาก้าวก่ายเรื่องนี้เลยขอรับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ท่านควรจะก้าวเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย” คำพูดของเหลียงกวางเสียงกล่าวอย่างคลุมเคลือ แต่ชูเซี่ยรู้ว่าอีกฝ่ายคงทราบเรื่องที่ประตูเมืองเก้อโจวแล้ว

“เหลียงกวางเสียง ในยามนี้ตัวเจ้ายังไม่ถอนตัวออกจากพรรคมังกรก็ยังถือเป็นคนของข้า ข้าเองก็อยากเตือนสติเจ้าไว้เสียหน่อย ความสงบสุขของปวงประชาก็เป็นหน้าที่สำคัญของพรรคมังกรเหินเช่นกัน ดังนั้นข้าในฐานะหัวหน้าก็ต้องทำในสิ่งที่ตนเองสมควรทำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พรรคมังกรเหินจำเป็นต้องยื่นมือไปช่วยเหลือ แม้ว่าจะอันตรายเพียงใด ด้วยความที่เราเป็นพรรคมังกรเหินย่อมไม่อาจนิ่งดูดายได้ เข้าใจหรือไม่” น้ำเสียงชูเซี่ยที่กล่าวไปแม้จะแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่นและมั่นคง เหลียงกวางเสียงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองชูเซี่ย ราวกับว่าเขากำลังเห็นตัวเองยามที่เป็นวัยหนุ่ม ตอนนั้นตัวเขาเองก็เหมือนกับชูเซี่ยในยามนี้ ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความสงบสุขของใต้หล้า...

“ข้าน้อยจะจำไว้ขอรับนายหญิง”

เพราะสายตาของชูเซี่ยที่ทอดมองมาทำให้เหลียงกวางเสียงจำเป็นต้องเอ่ยปากออกไป จริงอยู่ความคิดที่เขาคิดที่จะถอนตัวออกจากพรรคมังกรเหินนั่นเป็นเรื่องเจ็บปวด เพราะหลายปีมานี้ที่เขาใช้ชีวิตร่วมกันกับเหลียงกุ้ยไท่เฟยก็ทำให้เขาหลงลืมหน้าที่และอุดมการณ์ที่คนของพรรคควรมีไปเสียแล้ว

“กลับไปทำหน้าที่ที่ตนเองสมควรทำเถิด ข้าก็หวังว่าเราจะไม่กลายมาเป็นศัตรูกันเข้าสักวันหรอกนะ” ชูเซี่ยลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินมาส่งเหลียงกวางเสียงที่หน้าประตู ไม่รู้ว่าทำไมนางจึงรู้สึกว่าระยะห่างระหว่างนางและเหลียงกวางเสียงนับวันก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆ

“เหลีงกุ้ยไท่เฟยสบายดีหรือไม่” ตอนที่เหลียงกวางเสียงกำลังเดินพ้นประตูออกไปเขาก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมาถาม

“นางสบายดี”

เพิ่งแยกจากกันเพียงไม่กี่วันก็ถามหากันเสียแล้ว ดูท่าว่าจะรักใคร่กันอย่างลึกซึ้งจริงๆ

“ขอได้หญิงได้โปรดคุ้มครองดูแลนางและกุยเอ๋อด้วยเถิด” เหลียงกวางเสียงลังเลอยู่นานสุดท้ายก็เอ่ยขอร้องชูเซี่ยออกมา

ยามนี้ความรู้สึกผิดกำลังเกาะกุมจิตใจของเขาอยู่เพราะว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ตอบคำถามของชูเซี่ยที่ถามเกี่ยวกับค่ายทหาร ความจริงแล้วชูเซี่ยสามารถปฎิเสธที่จะไม่ตอบคำถามเขาก็ได้ ในยามนี้เหลียงกุ้ยไท่เฟยและกุยเอ๋ออยู่ในวังหลวงเขาไม่กล้าเชื่อใจผู้ใดทั้งนั้นนอกจากคนของพรรคมังกรเหิน

ชูเซี่ยได้ยินคำพูดของเหลียงกวางเสียงก็เหยียดยิ้มออกมา

“ข้าไม่ลงมือกับสตรีและเด็กหรอกนะ” คำพูดของชูเซี่ยตีความได้สองแง่สองง่าม นางต้องการจะสื่อเป็นนัยว่าต่อให้นางไม่ลงมือทำร้ายเหลียงกุ้ยไท่เฟยและกุยเอ๋อแต่นางจะคอยคุ้มครองดูแลหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง หรือก็คือหากมีใครคิดจะทำร้ายพวกเขาทั้งสองคนนางก็ไม่ขอยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องนั่นเอง

แน่นอนว่าเหลียงกวางเสียงย่อมฟังออกว่าคำพูดของชูเซี่ยหมายความว่าอย่างไร เขาพยายามจะเอ่ยอะไรออกมาสักอย่างแต่ก็ไม่รู้จะเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาดี

“หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาข้าจะไม่มีวันให้อภัยนายหญิงเลย” นานทีเดียวกว่าที่เหลียงกวางเสียงจะหาเสียงตนเองเจอและพูดจาหวังข่มขู่ให้ชูเซี่ยตื่นตกใจแต่พอดีกับที่ตอนนั้นเชียนซานเดินเข้ามาได้ยิน หญิงสาวจึงกระตุกยิ้มเยาะเย้ยคำพูดที่ไร้สาระนั่น

“เหลียงกวางเสียง หรือว่าเจ้าคิดว่านายหญิงของพวกเรารังแกง่ายนักงั้นหรือ ของดีๆในใต้หล้าต้องตกอยู่ในมือเจ้าหรืออย่างไร ในเมื่อตัวเจ้าเองก็ไม่อยากทำงานให้พรรคมังกรเหินแต่กลับมาหวังจะให้ลูกเมียของเจ้าได้รับการคุ้มครองจากพรรคงั้นหรือ ตกลงว่าพรรคมังกรเหินติดค้างเจ้าหรือเป็นตัวเจ้าเองที่เป็นฝ่ายติดค้างพวกเรากันแน่”

คำพูดที่เชียนซานกล่าวออกมาล้วนเป็นดังมีดที่ทิ่มแทงลงไปตรงกลางใจของเหลียงกวางเสียง เขาที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นถึงกับหน้าถอดสี “แม่นางเชียนซานพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง ที่พวกเขาต้องกลับไปอยู่ในวังหลวงก็เป็นเพราะนายหหญิงไม่ใช่หรือ”

“นี่เจ้าแก่จนเลอะเลือนแล้วหรือไร นายหญิงรับตัวพวกเขาเข้าวังนั่นเป็นความจริงแต่ข้าจำได้ว่านั่นเป็นเพราะลูกชายของเจ้าป่วยจึงมาขอรับการรักษาไม่ใช่หรือ”

เหลียงกวางเสียงพูดอะไรไม่ออก เขารู้ว่าตนเองไม่อาจสู้ฝีปากกับเชียนซานได้แน่จึงกันกลับมาหาชูเซี่ยอีกครั้ง

“หากว่าท่านทำหน้าที่ที่คนของพรรคสมควรทำข้าก็ย่อมคุ้มครองพวกนางในฐานะที่ข้าเป็นหัวหน้าพรรคหรือต่อให้ละเมิดข้อห้ามของพรรคข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถ” ชูเซี่ยเอ่ยคำมั่นสัญญาออกไป เหลียงกวางเสียงได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ายอมรับและเดินจากไป

“นายหญิง ข้าอยากจะฆ่าเหลียงกุ้ยไท่เฟยและกุยเอ๋อให้ตายไปเลยด้วยซ้ำ หากว่าไม่มีพวกเขาเหลียงกวางเสียงก็คงไม่กลายเป็นเช่นนี้... ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่ดีมากแท้ๆ”

เมื่อนึกถึงเมื่อก่อนใบหน้าของเชียนซานก็เหงาหงอยลงหลายส่วน ท่านอาเหลียงที่แสนใจดีและมักจะนำของกินอร่อยๆกลับมาฝากให้คนในพรรคไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า