ตอนที่ 358 หาโอกาส
ชูเซี่ย เชียนซานและว่านสู่นเร่งเดินทางมุ่งสู่ตำบลอวี๋นจี๋จนกระทั่งถึงในช่วงฟ้าสาง ยามนี้บรรยากาศช่วงเช้ามืดมีเพียงหมอกที่ลงมาปกคลุมรอบตำบลจนพวกนางมองเห็นทุกอย่างเพียงภาพเลือนลาง
และห่างจากจุดที่พวกนางยืนอยู่ไม่ไกลมากก็เห็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำหลายคนกำลังลากหญิงสาวผู้หนึ่งขึ้นรถม้า
“นายหญิง เป็นว่านเหลียงเจ้าค่ะ” ว่านสู่นและว่านเหลียงอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็กๆเติบโตมาด้วยกัน เสียงของว่านเหลียงว่านสู่นไม่มีวันฟังผิดเป็นอันขาด แม้จะเห็นเพียงแค่ภาพจางๆท่ามกลางสายหมอกแต่หญิงสาวที่โดนลากขึ้นรถม้าคือว่านเหลียงไม่ผิดแน่
“ว่านสู่น เจ้าปลอมตัวเป็นนักเดินทางเข้าไปหาพวกเขา” ชูเซี่ยกดเสียงพูดให้ต่ำลง
“แต่หากว่า...” ว่านสู่นอดกังวลไม่ได้ อีกอย่างก่อนหน้านี้ชูเซี่ยก็เป็นผู้กล่าวเองว่าต่อให้มีคนมานำตัวว่านเหลียงไปพวกเขาก็ห้ามลงมือช่วยเหลือเป็นอันขาดเพราะนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดยามนี้นายหญิงที่แสนจะรอบคอบจึงได้ดูร้อนรนเพียงนี้กัน...
“หากว่าว่านเหลียงเห็นว่าเจ้าไปอยู่ใกล้ๆนางต่อให้พวกเราไม่ได้ลงมือช่วยเหลือแต่นางจะรับรู้ได้ว่าพวกเราตั้งใจจะทำอะไรและนางก็จะให้ความร่วมมือกับเราเอง” ว่านสู่นเข้าใจเหตุผลของชูเซี่ยได้ในทันที ว่านสู่นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเดินไปทางรถม้าที่ว่านเหลียงกำลังถูกชายพวกนั้นพยายามกระชากนางขึ้นรถม้า
แน่นอนว่าเหล่าผู้คุมพวกนั้นย่อมไม่คิดสนใจหญิงสาวตัวเล็กๆอย่างว่านสู่น พวกมันทำเหมือนไม่เห็นนางด้วยซ้ำ ด้านว่านเหลียงที่เห็นว่านสู่นก็รู้ได้ในทันทีว่าชูเซี่ยกำลังคิดจะทำอะไร ดังนั้นหญิงสาวจึงเลิกต่อต้านเหล่าผู้คลุมและยอมขึ้นรถม้าแต่โดยดี
เหล่าผู้คุมถอนหายใจออกมาก่อนที่คนหนึ่งจะตามขึ้นรถม้าไปส่วนคนที่เหลือก็กระโดดขึ้นหลังมาด้วยท่าทางคล่องแคล่ว สารถีที่ควบคุมรถม้าก็ถูกขนาบข้างด้วยผู้คุมอีกสองคน ปากของชายกลุ่มนั้นเอาแต่สบถคำหยาบคายออกมาไม่หยุดราวกับว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีนัก
“นายหญิง ดูแล้วผู้คุมพวกนั้นวรยุทธไม่น่าจะธรรมดา หากว่าต้องการช่วยคนและต่อสู้ขึ้นมาพวกเราควรเรียกกำลังเสริมมาช่วยดีกว่านะเจ้าคะ” เมื่อครู่ตอนที่ว่านสู่นเดินเข้าไปสังเกตเหล่าชายรูปร่างสูงใหญ่กำยำที่คุมตัวว่านเหลียงดูจากบุคลิกท่าทางการเคลื่อนไหวของพวกเขาแล้วพวกนางสามคนย่อมไม่อาจสู้ชายรูปร่างสูงใหญ่หกคนที่มีวรยุทธได้กระมัง
“ผู้ใดบอกว่าเราจะช่วยคนกัน ตอนนี้พวกเราแอบตามไปก่อนเถิดเผื่อสบโอกาสลงมือ” ชูเซี่ยกล่าวจบนางก็ควบม้าตามไป เชียนซานและว่านสู่นก็ควบตามไปติดๆเช่นกัน
กว่ารถม้าจะลงมาจากเขาได้ก็ล่วงเลยเข้าไปช่วงเที่ยงวันเสียแล้ว
“นายหญิงเจ้าคะ หากว่าเรายังรีบเดินทางกลับตอนนี้เกรงว่าเราจะไปถึงเมืองเก้อโจวไม่ทันวันนี้นะเจ้าคะ เรื่องทางนั้น...” เชียนซานเอ่ยเตือนอย่างเป็นกังวลเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในค่ายทหารเก้อโจวนับว่าร้ายแรงนัก หากว่านายทหารในกองทัพเกิดก่อกบฎขึ้นมาอีกครั้งต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ อย่างน้อยขอเพียงมีนายหญิงอยู่แก้ปัญหาที่นั่นนางก็พอจะวางใจได้บ้าง
“ข้ารู้ แต่ว่าเด็กสาวหลายสิบชีวิตที่อยู่ที่นี่จะให้พวกเราไม่สนก็ไม่ได้ เชียนซานเจ้ากินนี่สิ” ชูเซี่ยกล่าวพลางหยิบเม็ดยาสีดำเม็ดหนึ่งลงบนฝ่ามือของเชียนซาน เชียนซานก็นำมันเข้าปากอย่างเชื่อใจไม่ถามอะไร จากนั้นชูเซี่ยก็หยิบก้อนกลมๆสีดำเหมือนเม็ดยาเมื่อครู่มาให้เชียนซานอีกแต่ครั้งนี้ขนาดของมันใหญ่เท่าผลผิงกั่วเลยทีเดียว
เชียนซานมองชูเซี่ยพร้อมเบิกตากว้าง เม็ดใหญ่ขนาดนี้จะให้นางกลืน...
“ไม่ใช่ให้เจ้ากินเข้าไปเสียหน่อย เดี๋ยวอีกครู่หนึ่งเจ้าควบม้าไปขนาบข้างรถม้าและโยนมันลงพื้นนะ มันจะระเบิดควันออกมา” ชูเซี่ยอธิบาย
“เมื่อครู่เจ้ากินยาถอนพิษไปแล้ว ควันจากระเบิดลูกนี้จะทำให้พวกเขาแค่สลบไปเท่านั้น และเมื่อยาสลบหมดฤทธิ์พวกเขาจะจำไม่ได้ว่าตนเองเคยสลบไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...