ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 360

ตอนที่ 360 การลักพาตัว

หลังจากที่รู้ว่าพิษที่ว่านเหลียงได้รับคือพิษสิบราตรีชูเซี่ยก็ร้อนใจมาตลอด บางทีนี่อาจจะเป็นคำเตือนที่หลี่อวิ่นลี่มอบให้นางก็เป็นได้

และยิ่งเมื่อเชียนซานพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็เหมือนกับตอกย้ำสิ่งที่นางกำลังกลัวให้เป็นความจริงมากขึ้น

หลี่อวิ่นลี่กำลังจะทำอะไรพวกนางไม่อาจคาดเดาได้ แต่สิ่งที่นางรู้แน่ชัดก็คือหลี่อวิ่นลี่ต้องมีความมั่นใจว่าจะชนะในศึกครั้งนี้มากเสียจนกล้าส่งคำเตือนมาถึงนางเช่นนี้

“นายหญิง ว่านเหลียงนาง...”

ถ้าหากว่าเป็นคำเตือนของหลี่อวิ่นลี่จริงๆ เช่นนั้นการที่ว่านเหลียงเดินทางไปครั้งนี้ก็จะกลายเป็นว่านางกำลังเดินทางไปสู่ความตายใช่หรือไม่นะ ถ้าเป็นตอนนี้บางทีนางอาจจะยังย้อนกลับไปช่วยได้ทัน

ชูเซี่ยเห็นสีหน้ากังวลของเชียนซานก็ถอนหายใจออกมา “นี่เป็นเพียงแค่การคาดเดาของพวกเราเท่านั้น หลี่อวิ่นลี่คงไม่ได้ฉลาดถึงเพียงนั้นหรอก”

“”แต่ว่า...” เชียนซานยังอยากจะกล่าวอะไรอีกแต่ชูเซี่ยกลับหันหน้ากลับไปแล้วทั้งยังกล่าวน้ำเสียงจริงจัง “ไม่มีแต่ เพื่อช่วยเด็กสาวอีกสี่สิบกว่าคน เราจะถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว”

“พวกท่านดูถูกฝีมือของว่านเหลียงเกินไปแล้ว อย่างน้อยนางก็เป็นถึงหัวหน้ากลุ่มสายลับเงาเลยนะเจ้าคะ จริงอยู่ที่ท่าทางนางอาจดูรั่วๆเกินๆไปบ้างดแต่ยามที่ปฎิบัติหน้าที่นางก็สามารถทำมันได้ดีมาโดยตลอดนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าครั้งนี้นางจะต้องทำผลงานออกมาได้ดีจนพวกท่านแปลกใจแน่ๆ”

ว่านสู่นเห็นบรรยากาศที่แสนตึงเครียดของท่านสองคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดให้บรรยากาศผ่อนคลายลง นางและว่านเหลียงเคยทำงานด้วยกันมาหลายครั้ง นางย่อมรู้ถึงความสามารถของว่านเหลียงดีกว่าชูเซี่ยและเชียนซาน

แต่ชูเซี่ยและเชียนซานรู้ดีว่านั่นเป็นแค่ประโยคปลอบใจจากว่านสู่นต่างหากเล่า พวกนางจึงไม่กล้าพูดมากและเร่งเดินทางกลับเมืองเก้อโจวให้เร็วที่สุด

ที่พวกนางคิดไม่ถึงก็คือเมื่อกลับมาถึงเมืองเก้อโจว ยามนี้กลับมีฝูงชนมาห้อมล้อมบ้านพักของพวกนางไว้เสียแล้ว

มีหลายคนที่ชูเซี่ยและเชียนซานคุ้นหน้าคุ้นตาว่าเป็นคนที่พวกนางพบที่หน้าประตูเมืองนั่นเองแต่ก็มีอีกมากมายที่พวกนางไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ดูจากสายตาแล้วก็คงมาขอให้ชูเซี่ยยื่นมือช่วยเหลือเช่นกลุ่มคนที่อยู่หน้าประตูเมืองกระมัง

“ไม่ใช่บอกพวกเขาไปแล้วหรือว่าเราจะช่วยหาคนให้ แล้วนี่พวกเขามาทำอะไรกัน” เมื่อเห็นฝูงชนมากมายขนาดนี้เชียนซานก็กล่าวอย่างไม่พอใจและตั้งใจจะเดินไปหาพวกเขาให้กลับไปเสีย

“เปล่าประโยชน์ หาคนไม่พบพวกเขาไม่ยอมกลับไปง่ายๆหรอก” ชูเซี่ยรั้งมือเชียนวานเอาไว้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เชียนซานจึงหันกลับมาด้วยใบหน้าประหลาดใจระคนสงสัย

“หากว่าไล่กลับไปได้จริงอาหมั่นและว่านอันก็คงไล่พวกเขากลับไปตั้งนานแล้วล่ะ”

“แต่ว่า...” เชียนซานไม่อาจสงบใจได้ ในยามนี้นางเริ่มเปลี่ยนจากความสงสารเป็นความหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว คนของพรรคมังกรเหินก็ออกไปตามหาคนให้แล้วไม่ใช่หรือแล้วพวกเขามาคุกเข่าอยู่หน้าบ้านพวกนางจะไปมีประโยชน์อะไร ใช่ว่าคุกเข่าแล้วคนที่หายสาบสูญจะโผล่ออกมาเสียเมื่อไหร่

“ไม่มีแต่ ในเมื่อไล่พกวเขาไปไหนไม่ได้ก็ไม่ต้องไล่ เดี๋ยวอย่าลืมสั่งคนให้เตรียมข้าวปลาให้พวกเขาด้วยแล้วกัน ดึกแล้วก็เตรียมผ้าห่มให้พวกเขาด้วยนะ” ชูเซี่ยกล่าวจบก็เดินแยกออกไปอีกทาง

โชคดีที่ยามนี้ท้องฟ้ามืดแล้วชูเซี่ยจึงสามารถเดินอ้อมลานที่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปยังตัวบ้านภายในได้โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนาง

เมื่อชูเซี่ยเข้ามาข้างในก็เห็นคนของพรรคมังกรเหินและอาหมั่นกำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้มทั้งยังถอนหายใจออกมาไม่หยุด

“ลำพังแค่กลุ่มคนข้างนอกคงไม่ได้ทำให้พวกท่านต้องมานั่งเครียดอย่างนี้ใช่หรือไม่” ชูเซี่ยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงสบายๆคล้ายกับหยอกล้อในที

“นายหญิง ข้าน้อยไร้ความสามารถ ข้า...” อาหมั่นหันมามองชูเซี่ยอย่างตื่นตระหนกก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกผิด

“โทษท่านไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่ศัตรูของพวกเราจะให้ใช้กำลังได้อย่างไรกันเล่า พวกเขาอยากอยู่ข้างนอกนั่นก็ให้พวกเขาอยู่ไปเถิด ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รบกวนการทำงานของเรานี่” ชูเซี่ยกล่าวอย่างไม่ถือสาหาความ

“แต่ว่ายามนี้พวกเขาทำเหมือนกับมั่นใจว่านายหยิงต้องสามารถหาคนในครอบครัวของพวกเขาเจอแน่ พวกเขารู้แล้วว่าเราเป็นคนของพรรคมังกรเหิน พวกเขา...” อาหมั่นรีบร้อนอธิบาย เขาเองก็ไม่อยากสนใจพวกชาวบ้านพวกนั้นแต่คำพูดบางคำของพวกคนข้างนอกที่พูดออกมาก็ทำให้เขารู้สึกเสียใจไม่น้อย

“พวกเขาบอกว่ากับเราว่านายหญิงรับปากว่าจะช่วยตามหาลูกหลานของพวกเขา หากว่าหาไม่พบพวกเขาก็จะปักหลักอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนขอรับ” ว่านอันไม่ใช่คนอารมณ์เย็นอย่างอาหมั่น น้ำเสียงของเขาที่กล่าวออกมาจึงเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองไม่พอใจอย่างชัดเจน เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะมีคนที่ดื้อด้านไม่ฟังเหตุผลถึงเพียงนี้อยู่ด้วย ไม่ใช่คนเดียวแต่เป็นหลายคนเสียด้วย

แต่ที่นายหญิงกล่าวมาก็ถูก ตอนนี้เราได้แต่ปล่อยให้เลยตามเลย ให้พวกเขาได้ทำตามอำเภอใจไปก่อน จริงอยู่ที่พวกเขาสามารถใช้กำลังบังคับให้ชาวบ้านพวกนั้นแยกย้ายกันกลับไปได้ แต่ภายภาคหน้าชื่อเสียงของพรรคมังกรเหินก็จะต้องย่อยยับไปด้วย ตอนนี้ก็ปล่อยให้พวกเขาคุกเข่าตามที่ปรารถนาก็แล้วกัน แต่หากปล่อยไว้เช่นนั้นเกรงว่าว่านอันคงเผลอลงมือทำร้ายชาวบ้านพวกนั้นเข้าสักวัน

“ว่านอัน ยามนี้โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์ หากว่ายังมีเวลาและมีกำลังเหลืออยู่ละก็เจ้าก็นำคนออกไปตามหาเหมืองก้วงซานอีกสักครั้งก็แล้วกัน หากว่าหาคนพบพวกเขาก็กลับไปเองนั่นล่ะ”

“แต่ว่านายหญิง พวกเขาทำเกินไป...”

“ต่อให้พวกเจ้าไม่บอกข้าก็พอรู้แล้วว่าพวกเขาพูดอะไรบ้าง ข้าเคยรับปากพวกเขาว่าจะช่วยตามหาคนให้อีกทั้งข้ายังเป็นคนของพรรคมังกรเหินอีก ตอนนี้พวกเขาคิดว่าการที่ยังหาคนไม่พบเป็นเพราะเรายังไม่ออกตามหา ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจมาปิดล้อมที่นี่เพื่อเป็นการบีบบังคับให้เราหาคนอย่างไรเล่า” ชูเซี่ยพูดจาออกมาแต่ละคำชัดเจนฉะฉานจนทำให้เชียนซานและว่านสู่นมองมาที่นางอย่างพิศวงงงงวย

พวกนางมั่นใจว่าชูเซี่ยไม่ได้ยินคำพูดของคนพวกนั้นแน่ แต่เหตุใดจึงพูดออกมาราวกับอยู่ในเหตุการณ์จริงก็ไม่ปาน

และสิ่งที่นางทำให้พวกนางยิ่งตกใจมากเข้าไปอีกก็คือสีหน้าของอาหมั่นและพวกว่านอันแสดงออกมา ชูเซี่ยนางกล่าวได้ถูกต้องทุกคำ

“ไร้เหตุผลสิ้นดี คนพวกนี้ช่าง...”

เชียนซานโมโหเดินกระทืบเท้าออกไปหวังจะตอกหน้าชาวบ้านพวกนั้นออกไปให้พวกเขารู้บ้างว่าหลายวันมานี้พวกตนเหน็ดเหนื่อยกันมากเพียงใด

“เป็นเพียงแค่การลักพาตัวเท่านั้น” ชูเซี่ยกล่าว

ความจริงแล้วยามที่ชูเซี่ยเห็นกลุ่มชาวบ้านที่มาชุมนุมหน้าบ้านนางก็ไม่ได้แปลกใจอะไร หัวใจของคนก็เป็นเช่นนี้ ยามที่เรากำลังสิ้นหวังจนถึงที่สุดเมื่อมาพบคนที่ให้ความหวังกับตนเองก็เหมือนกับเห็นฟางเส้นสุดท้ายที่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ก่อน แต่เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าฟางเส้นนั้นไร้ประโยชน์ก็จะทำลายทิ้ง จากนั้นความเสียใจก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ ท้ายที่สุดก็จะฆ่าลาเมื่อเสร็จงานโม่แป้งนั่นเอง

นางได้แต่หวังว่าท้ายที่สุดชาวบ้านจะไม่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเจ็บปวด พวกเขาก็เพียงแค่ต้องการตามหาคนในครอบครัวของตนเองเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาคล้ายกับว่ากำลังถูกหลอกใช้มากกว่า

“จะให้ปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้หรือขอรับ พวกเขา...รังแกพวกเราเกินไปแล้ว!”

“ว่านอัน เจ้าก็ทำตามที่นายหญิงสั่งเถิด พาคนไปตามหาเหมืองก้วงซานต่อไป นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาแยกย้ายกันกลับไปได้” อาหมั่นเห็นท่าทางเดือดดาลของว่านอันก็รีบกล่าวเตือนสติ

อาหมั่นเป็นผู้อาวุโสในพรรค เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามากย่อมมองออกว่าที่ชูเซี่ยยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นนี้เป็นเพราะในใจของนางมีแผนการบางอย่างแล้ว

พรรคมังกรเหินก่อตั้งมาแล้วหลายร้อยปี เพียงแค่ลมพายุลูกย่อมๆจะมาทำอะไรพวกเขาได้

ว่านอันเมื่อถูกอาหมั่นเอ่ยปรามก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก จากนั้นก็เดินออกไปจากห้องเงียบๆ

“อาหมั่น ส่งคนไปสืบคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มา ข้ากำลังสงสัยว่าจะเป็นฝีมือของหลี่อวิ่นลี่” ชูเซี่ยถ่ายทอดคำสั่ง

“ส่งคนออกไปสืบข่าวแล้วขอรับ”

“อาหมั่น เงินที่ข้าให้ท่านเตรียมไว้เรียบร้อยดีหรือไม่” ยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแจกจ่ายเงินเดือนให้แก่เหล่าทหารห้าหมื่นนายในค่ายทหาร หากยังปล่อยให้เวลาล่วงไปผลที่ตามมาคงร้ายแรงจนควบคุมไม่ได้อีกแล้ว

“นายหญิงวางใจเถิด พรุ่งนี้ก็คงมาถึงแล้วขอรับ” อาหมั่นเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของชูเซี่ยก็เอ่ยอย่างนอบน้อม

“อาหมั่น หากว่าข้าจำไม่ผิด เมืองเก้อโจวมีเงินทุนสำรองอยู่ไม่น้อยกว่าห้าล้านตำลึงไม่ใช่หรือ” ในเมื่อมีทุนสำรองเมืองมากถึงเพียงนี้แล้วเหตุใดจึงไม่มีเงินหนึ่งล้านตำลึงนำออกมาแจกจ่ายเงินเดือนให้เหล่าทหารได้เล่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า