ตอนที่ 372 รวบรวมเมฆฝน
“ไม่ได้ จำเป็นต้องดับไฟก่อน หากพวกเราล่าช้าแล้วละก็ เพลิงไหม้ก็จะยิ่งมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเผาไหม้ร่างของท่านแม่ อาจจะทำลายรูปโฉมของท่านแม่ เช่นนั้นเสด็จพ่อก็อาจจะชื่นชอบสตรีผู้อื่นเป็นแน่ ”
เห็นได้ชัดว่าจิงโม่ที่เป็นถือว่าเป็นเด็กสาวผู้หนึ่งนั้นเข้าใจถึงความสำคัญของรูปโฉมที่งดงามอย่างยิ่ง
“จิงโม่ เปิดภูเขาเป็นงานที่ใช้แรงกาย หากพวกเราดับไฟก่อน นั่นพวกเราก็คงหมดแรงที่จะเปิดภูเขาแล้วละ” ฉองเหลาก็เป็นคัมภีร์สิบสามเล่มของขงจื้อ ที่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ในใจของเขาได้วินิจฉัยชัดเจนแล้วมีเพียงเปิดภูเขาเท่านั้นที่สำคัญที่สุด
“เจ้าก็รู้ว่าเปิดภูเขาพวกเราจำเป็นต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก เมื่อถึงตอนนั้นไม่สามารถควบคุมไฟเอาไว้ได้แล้วจะทำเช่นไร ท่านแม่ถูกไฟคลอกจนตายจะทำเช่นไร” จิงโม่ตะโกนพูดกับกับฉองเหล่าอย่างร้อนรนขึ้นมา ก่อนหน้านี้นางเพียงคิดว่าฉองเหล่าเป็นเพียงคนขี้ขลาดตาขาว กลับคิดไม่ถึงว่าสติปัญญาของเขาเมื่ออยู่ในเวลาที่สำคัญก็ปลดโซ่ที่ปิดไว้ออกไปได้
“เช่นนั้นหากผู้อื่นล่วงรู้พลังพิเศษของพวกเราจะทำเช่นไร ตอนนี้คนเลวนั้นมีมากมาย พวกเขาอาจจะนำตัวพวกเราไป ให้พวกเราอยู่ในหุบเขาเหมือนท่านอาท่านลุง ทุกวันล้วนต้องทำงานที่ใช้แรงงานหนัก” เห็นได้ชัดว่ากรรมกรเหมืองแร่ข้างในและเหล่ากรรมกรที่ประสบเคราะห์กรรมได้กลายเป็นฝันร้ายของฉองเหลา
จิงโม่มองใบหน้าที่แน่วแน่ไม่มีความหวั่นไหวเลยสักนิดเดียวของฉองเหล่า เอ่ยขึ้นอย่างจนใจว่า “เช่นนั้นตัวเจ้าเองก็อยู่ที่นี่เปิดภูเขาเถอะ ข้าจะไปดับไฟ”
“เดิมทีตัวเจ้าเองก็ดับไฟที่ลุกลามใหญ่หลวงนี้ไม่ได้หรอก” ฉองเหล่าเอ่ยอย่างแน่วแน่ เขายิ่งทราบดีว่าตนก็เปิดภูเขาที่ใหญ่เช่นนี้ไม่ไหวเช่นกัน
ดังนั้นการช่วยชูเซี่ยเรื่องนี้หากต้องการประสบผลสำเร็จ ทั้งสองคนจำเป็นต้องร่วมแรงร่วมมือกัน
“ข้าช่วยไม่ไหวก็อาจจะสู้อย่างไม่คำนึงถึงชีวิต ข้าไม่เหมือนกับเจ้าที่เป็นเช่นนี้ สามารถมองดูไฟคลอกท่านแม่จนตายได้” เมื่อตอนแยกตัวจากไปจิงโม่ได้นำพาความโกรธเคืองที่มีอย่างมากไปด้วย นางคิดไปไกลว่าฉองเหล่านั้นได้สูญเสียความรักที่มีต่อท่านแม่ไปแล้ว
ฉองเหล่ายังคิดที่จะวิวาทกับจิงโม่ กลับเห็นว่าจิงโม่เพียงกระโดดขึ้นไปบนภูเขาไม่กี่ครั้งก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ฉองเหล่ามองภาพด้านหลังของพี่สาวของตนได้สูญหายเป็นเช่นนี้เสียแล้ว ก็เอ่ยพูดอย่างไม่ได้ความเป็นธรรมขึ้นทันทีว่า “ข้าก็คิดถึงท่านแม่เช่นเดียวกับเจ้า แต่พวกเราก็ไปช่วยท่านแม่กันก่อนดีหรือไม่ เจ้าทำตามแต่อารมณ์เช่นนี้ ท่านแม่รู้เข้าจะต้องตีก้นเจ้าเป็นแน่”
จิงโม่ไม่ได้มีโต้ตอบเขาอีก ในเมื่อเขาเข้าใจดีแล้ว จิงโม่ก็ต้องได้ยินคำพูดของเขาแน่ ฉองเหล่ารู้สึกพ่ายแพ้บางส่วน แต่กลับว่านอนสอนง่ายนั่งยองๆลงบนตีนเขาเสียอย่างนั้น ยื่นมือแยกก้อนหินออกมา หนึ่งก้อนเพิ่มเป็นหนึ่งก้อน ผ่านไปไม่นานทั่วใบหน้าเล็กที่นุ่มนิ่มอ่อนเยาว์ของเขาก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่เขากลับยืนหยัดโดยตลอด จนถึงมือทั้งคู่นั้นล้วนพองแดง แล้วเลือดค่อยๆหยดออกมา....
“นายน้อย ท่านรอก่อนจะดีกว่านะขอรับ มือของท่าน....” คนของพรรคมังกรเหินตอนที่จิงโม่และฉองเหล่าวิวาทกันนั้นล้วนจับตามองดู พวกเขาคิดว่านี่เป็นเพียงการล้อเล่นกันของเด็กน้อยทั้งสอง จนเมื่อถึงตอนที่จิงโม่แยกจากไป ฉองเหล่าอยู่ที่นี่เปิดเขาด้วยมือเปล่า พวกเขาก็เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าที่เด็กน้อยทั้งสองพูดไม่ใช่ล้อเล่นแล้ว
มองเห็นท่าทีที่เหนื่อยล้าของฉองเหลา พวกเขาคิดอยากพูดชักชวนให้เขาหยุดมือลง แต่พวกเราเองก็รู้ดีว่าตอนนี้ต้องช่วยเหลือนายท่านออกมา จำเป็นต้องมีเด็กน้อยผ๔นี้ แต่ทว่ามือของเขาล้วนเต็มไปด้วยหยดเลือดแล้ว
“ท่านแม่อยู่ข้างใน ฉองเหลาต้องช่วยท่านแม่ ข้าไม่ลงมือพวกท่านก็ไม่มีวิธีไม่ใช่หรือ หากพวกท่านรักข้าอย่างจริงใจ ก็เตรียมหม่าล่ากุ้งให้กับข้า ข้าอยากได้รสหมาล่า”
คำพูดของฉองเหล่านั้นพูดอย่างเอาจริงเอาจัง เขาคิดว่าตอนนี้เพียงมีหม่าล่ากุ้งก็สามารถรักษาเยียวยาอาการเจ็บบนมือของตนได้ เขาทั้งพูดทั้งไม่ลืมที่จะใช้มือเขี่ยก้อนก้อนหินตรงหน้าออกไป แต่ว่าก้อนหินทั้งแข็งทั้งมีมากมาย เขาจึงคิดว่าล้วนต้องสูญเสียมือของตนไปเป็นแน่
“จิงโม่เจ้ารีบกลับมาช่วยมาเถอะ เจ้าไม่ช่วยข้า ท่านแม่อาจตายข้าก็อาจจะตายเช่นกัน ถึงเวลานั้นเจ้าก็เป็นเด็กน้อยที่น่าสงสารไร้ที่พึ่งแล้ว” ฉองเหล่าทั้งพูดอย่างตนไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งลงมือทำงาน เดิมทีคนของพรรคมังกรเหินที่ถูกเรื่องหม่าล่ากุ้งทำให้ประหลาดใจอย่างมากจนตอนนี้ล้วนลืมที่จะเคลื่อนไหว เพียงมองหน้าของเด็กน้อยที่ร้องไห้ออกมาผู้นี้เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...