ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 373

สรุปบท ตอนที่ 373 พี่ชายรูปงาม: ชายาเกิดใหม่ของข้า

อ่านสรุป ตอนที่ 373 พี่ชายรูปงาม จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่

บทที่ ตอนที่ 373 พี่ชายรูปงาม คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 373 พี่ชายรูปงาม

จิงโม่ไม่รู้ว่าการที่ตนเองทำให้ก้อนเมฆที่ลอยบนท้องฟ้าเหนือเขาเฟลหลงเกิดการควบแน่นกลายเป็นฝนทำให้ให้พวกท่านแม่มีความหวังและความเบิกบานใจใหญ่หลวงมากเพียงใด ตอนนี้นางร้องไห้เหมือนดอกสาลี่ที่โดนฝน ความไร้ซึ่งพลังที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้นางไม่รู้จะรับมือกับมันอย่างไรดี

นางอยากไปตะโกนเรียกฉองเหล่า ให้ฉองเหล่ามาช่วยเหลือตน แต่นางไม่แน่ใจว่าฉองเหล่าจะเชื่อฟังตนหรือไม่ นางอยากให้ก้อนเมฆเชื่อฟัง แต่พวหนาง....

“สาวน้อย เจ้าทำไมถึงร้องไห้เช่นนี้กันหรือ” ผู้ที่สวมใส่เสื้อผ้าสีขาวผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้น ทันใดนั้นก็มีบุรุษที่รูปงามสูงส่งก็ปรากฏตัวขึ้นมาบนกลีบเมฆ

จิงโม่มองใบหน้าที่สมบูรณ์แบบตรงหน้า เหมือนหยกที่ประณีตงดงาม ดวงตาของเขาคล้ายกับทะเล ทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะไม่ถลำตัวลงอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง รอยยิ้มของเขาเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ จิงโม่จึงหยุดร้องไห้ไปชั่วขณะ มองบุรุษผู้นั้นแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านอารูปงาม ได้โปรช่วยข้าด้วยเจ้าคะ”

“ท่านอารูปงามงั้นหรือ” บุรุษที่กำลังมองจิงโม่ด้วยท่าทางที่แนบเนียน ในใจก็ชื่นชอบอย่างอดไม่ได้ กลับไม่คิดว่าเมื่อนางเอ่ยปากว่าท่านอารูปงาม จะทำให้จิตใจที่อ่อนโยนของเขาแข็งทื่อขึ้นดังเช่นเหล็กกล้าทันที สายตาอันอ่อนโยนที่มองจิงโม่ก่อนหน้านี้ก็เลื่อนหายไป

“รูปงามความหมายก็คือรูปร่างหน้าตาดี ท่านคือคนที่ข้าเคยพบแล้วมีรูปร่างหน้าตาดีที่สุด ล้วนหล่อเหลากว่าเสด็จพ่อของข้า” จิงโม่ทั้งพูดทั้งพยักหน้า เหมือนเป็นการยืนยันคำพูดของตนเอง

“แต่ข้าอายุมากแล้ว เจ้ายังเรียกข้าว่าท่านอาเลย” หลังจากได้ยินคำพูดของจิงโม่ใบหน้าที่เดิมทีแข็งทื่อก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงบางส่วน เขาเอ่ยอย่างเย็นชากับจิงโม่ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียดายอย่างมาก

“ท่านจะแก่ได้อยากไรกัน ท่านออกจะดูอ่อนวัยเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะท่านร่างกายสูงก่ำยำ ข้ายังอยากที่จะเรียกท่านว่าพี่ชายรูปงามเลยนะเจ้าคะ” จิงโม่มีวิธีโน้มน้าวคนทั้งได้ยินคนผู้นี้ใส่ใจอายุของตน ก็รีบร้อนเอ่ยอธิบายทั้งหมดนี้แก่เขา

“ข้าก็ถือว่าไม่ได้มีร่างกายที่สูงใหญ่ หลังจากนี้เจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายก็พอแล้ว” ได้ฟังการอธิบายของจิงโม่ ใบหน้าของบุรุษนั้นก็อดที่จะมีรอยยิ้มขึ้นอีกครั้งไม่ได้ เมื่อมองยังจิงโม่ก็ยิ่งมีความพอใจ ไม่รอให้จิงโม่เอ่ยสิ่งใดอีก เขาก็ตั้งคำเรียกขานของตนขึ้นมาเองเสียแล้ว

“เช่นนั้นพี่ชายรูปงาม ท่านสามารถช่วยข้าได้หรือไม่เจ้าคะ” จิงโม่เห็นใบหน้าที่มีรอยยิ้มของบุรุษผู้นั้น และอารมณ์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าก็ดูดีอย่างยิ่งเช่นนั้น จึงอดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้

“ท่านแม่ของข้าถูกล้อมรอบด้วยเปลวไฟแล้ว ข้าต้องทำให้ฝนตกเพื่อนาง มิฉะนั้นข้าก็จะไม่มีท่านแม่อีกต่อไปแล้ว ข้า...” จิงโม่เอ่ยพูดไม่ทันจบ น้ำตากฌพรั่งพรูไหลออกมา มองใบหน้าเล็กที่เมื่อครู่ยังแดงเปล่งปลั่งเต็มไปด้วยคราบน้ำตา บุรุษที่ถูกเรียกว่าพี่ชายรูปงามก็ถอนหายใจออกมา ยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้กับจิงโม่ แล้วเอ่ยเสียงเบาขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ในเมื่อเป็นเรื่องของท่านแม่ของเจ้า เจ้าก็ไม่ควรที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่ง ทุกคนล้วนมีชะตากรรมของตนเองทั้งนั้น”

เมื่อจิงโม่ได้ยินคำพูดของบุรุษชุดขาว เมื่อครู่ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นบๆก็เปลี่ยนเป็นร้องไห้โฮออกมา แม้ว่านางยังเล็ก กลับเข้าใจความหมายของคำพูดของคนผู้นี้ ท่านแม่คงจะต้องตายไปจริงๆแล้ว นี่เป็นชีวิตของท่านแม่

แต่จิงโม่ไม่อยากเป็นเด็กน้อยที่กำพร้ามารดา จิงโม่....

บุรุษชุดขาวมองจิงโม่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า ในใจก็อดที่จะถูดบีบรัดจนแน่นไม่ได้ เขากำลังอยากที่จะเอ่ยปากออกมาคิดไม่ถึงว่าจิงโม่กลับยืนขึ้นมา แล้วพาร่างกายเล็กๆนั้นพุ่งทะยานลงไปยังทางกองเพลิงขนาดใหญ่ในเขาเฟลหลง

บุรุษชุดขาวมองเงาร่างเล็กๆของจิงโม่ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เขายื่นมือข้างหนึ่งชี้ไปยังทิศทางของจิงโม่ ผ้าแพรสีทองที่ยื่นออกมาด้วยกันก็พันเข้าที่ร่างกายอันนุ่มนิ่มของจิงโม่อย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็นำตัวนางกลับมายังตรงหน้าของบุรุษชุดสาว

“เจ้าต้องการที่จะทำอะไร เจ้าไม่รู้ว่าที่นั้นคือกองเพลิงหรือ เจ้าลงไป ก็เป็นเพียงเส้นทางแห่งตายเท่านั้น” ในคำพูดของบุรุษชุดขาวให้ความรู้สึกที่เย็นชาอยู่หลายส่วน แต่เมื่อไปยังจิงโม่กลับยังอดที่จะแสดงความอ่อนโยนออกมาไม่ได้

“ในเมื่อไม่สามารถช่วยเหลือท่านแม่ได้ ข้าจะอยู่ต่อไปทำไมกัน ข้าก็จะตามไปอยู่กับท่านแม่ ข้าและท่านแม่จะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน” คำพูดของจิงโม่นั้นมุ่งมั่นและเด็ดขาด บุรุษชุดขาวจึงเปลี่ยนอารมณืที่มีก่อนหน้านี้ไป เพ่งมองจิงโม่อย่างจริงจังแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าต้องการที่จะช่วยท่านแม่ของเจ้าจริงๆใช่หรือไม่”

บุรุษชุดขาวมองเด็กน้อยที่ยังเยาว์วัยเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ในใจคิดว่าช่างเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างมาก ตอนนี้เขาล้วนอยากที่จะบินทะยานลงไปถามสตรีที่ชื่อว่าชูเซี่ยผู้นั้น ว่าที่สุดแล้วนางนั้นสั่งสอนบุตรเช่นไร ทำไมเด็กน้อยที่อ่อนวัยถึงสามารถเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ เมื่อคิดถึงว่าจิงโม่อาจจะใช้วิธีพูดว่าสามารถมอบชีวิตให้กับผู้อื่น ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ของข้าได้เป็นคนของเสด็จพ่อไปแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงข้าที่จะสามารถมอบชีวิตให้กับท่านได้” จิงโม่เอ่ยพูดอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่รู้ตัวสักนิดเดียวว่าคำพูดที่เอ่ยออกไปในวันนี้จะมีผลกระทบถึงอนาคตของนาง กระทบต่อชีวิตนี้ของนาง

“ท่านอาโปรดวางใจเถิด ข้าไม่รังเกียจคนแก่เช่นท่านหรอกเจ้าคะ ข้า....” เมื่อจิงโม่เห็นว่าบุรุษชุดขาวไม่เอ่ยคำพูดใดออกมา ในใจก็กังวลอย่างมาก นางกลัวว่าเขาจะปฏิเสธ ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือตนได้

บุรุษชุดขาวมองยังจิงโม่ที่ร้อนรน นั่งยองๆลงอย่างช้าๆ ลูบที่หน้าผากของเขาเบาๆ เอ่ยเบาๆขึ้นว่า “เจ้าจดจำคำพูดของตนเอง คนที่เจ้าจะมอบชีวิตให้มีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น มิฉะนั้นเจ้าอาจจะ.....น่าเวทนาอย่างมาก”

“จิงโม่เป็นเด็กสาวที่ดี จะไม่เป็นสตรีที่มีสองสามีแน่นอน อีกอย่างข้าเป็นถึงองค์หญิง นอกจากตัวข้าเองแล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับข้าให้แต่งงานด้วยได้” ที่จิงโม่กำลังอธิบายนี้ ความหมายของนางชัดเจนอย่างมาก นางจะอนุญาตให้ตนเองแต่งกับบุรุษผู้นี้เท่านั้น ไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนแปลงข้อตกลงนี้ได้ แม้ว่านางเองล้วนไม่แน่ใจว่าที่ตนพูดอธิบายกับบุรุษชุดขาวนั้นมีแรงโน้มน้าวจิตใจหรือไม่

“ตอนนี้ท่านคือคนที่ข้าต้องการที่จะแต่งงานด้วยแล้ว ท่านต้องช่วยท่านแม่ของข้า ไม่ใช่ต้องเป็นช่วยแม่ยายที่เคารพของท่าน” จิงโม่ออกคำสั่งกับบุรุษชุดขาวอย่างจริงจัง คล้ายกับว่าตอนนี้พวกเขาได้มีการหมั้นกันเรียบร้อยแล้ว บุรุษชุดขาวได้ยินนางพูดว่าแม่ยายเอาจริงเอาจัง ในใจก็มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดขึ้นมาทันที

เขาลูบที่ศีรษะของจิงโม่ เอ่ยบอกเบาๆกับกลีบเมฆที่อยู่ข้างกายประโยคหนึ่งว่า “ยังอยู่ที่นี่เป็นก้างขวางคออีกหรือไม่ รีบไปช่วยท่านแม่ยายของข้าสักทีสิ”

เหล่ากลีบเมฆรู้อยู่ก่อนว่าเทพเซียนที่ไม่สนว่าโลกมนุษย์จะลำเค็ญเพียงใดท่านนี้จะต้องถูกพฤติกรรมหยอกล้อเล่นของเด็กน้อยทำให้ตกใจเป็นแน่ ตอนนี้เห็นเขาพูดอย่างไม่สนใจดีอย่างเต็มปากเต็มคำ ไหนเลยจะกล้ารั้งรออยู่ที่นี่อีกต่อไป ล้วนพากันแยกย้ายแปลงกายเป็นเม็ดฝน ห้อตะบึงไปที่เขาเฟลหลงอย่างรวดเร็ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า