สรุปเนื้อหา ตอนที่ 374 ข้อตกลงของจิงโม่ – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บท ตอนที่ 374 ข้อตกลงของจิงโม่ ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 374 ข้อตกลงของจิงโม่
มองเห็นความร้อนรนที่ปรากฏออกมาบนใบหน้าของจิงโม่หายไป บุรุษชุดขาวก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก้มตัวโอบจิงโม่เข้ามาในอ้อมกอด แล้วค่อยๆเอนตัวลงนั่งบนกลีบเมฆ
จิงโม่เพ่งมองไปยังเขาเฟลหลงตลอดเวลา แต่เขาก็เพ่งมองจิงโม่อยู่ตลอดเช่นกัน ใบหน้าเล็กที่แสนขาวใสนุ่มนิ่ม ดวงตาที่มีชีวิตชีวา จมูกเลที่โค้งงอเล็กน้อย ริมฝีปากเล็กๆ ที่แดงก่ำเหมือนลูกเชอรี่ ทั่วทั้งตัวล้วนนุ่มนิ่ม นิ่มจนล้วนทำให้เขาไม่กล้าที่เอ่ยพูดเสียงดังขึ้น กลัวนางจะสะดุ้งตกใจ
หากไม่ใช่วันนี้มองเห็นนาง เขาล้วนไม่รู้ว่าตนเองยังจะมีความรู้สึกว่ากันตามเนื้อผ้าเช่นนี้หรือไม่ เขายื่นมือเฉียดเบาเข้าที่คิ้วและตาที่ละเอียดอ่อนของจิงโม่ มองความชื่นบานบนหางตาของนางตอนนี้ เขาก็เปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
มองเห็นเปลวเพลิงค่อยๆดับลง ในที่สุดความสนใจจากเขาเฟลหลงของจิงโม่ก็ย้ายมาที่บนตัวของบุรุษที่โอบกอดตนอยู่ บนตัวของเขามีกลิ่นที่หอมสดชื่นจางๆ เหมือนกับลมที่ให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย ยิ่งกว่านั้นยังแฝงไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้จางๆ ทำให้คนจิตใจเบิกบานผ่อนคลาย ทำให้คนอดที่จะคิดคลั่งไคล้อยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่ได้
จิงโม่เงยหน้ามองบุรุษที่เอียงคอมองตนอยู่ เส้นผมสีดำดังน้ำที่ไหลพุ่งลงมากจากที่สูงที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ดวงตาที่ลึกล้ำ จมูกสูงโด่ง ริมฝีปากที่เม้มสนิทบางเบา มุมปากที่ยกกระดกโค้งขึ้น กลับยังเปลี่ยนแปลงบุคลิกที่เย็นชาของเขาไปไม่ได้
จิงโม่คิดว่าแต่ไหนแต่ไรมาตนเองไม่เคยพบเจอคนที่น่ามองเช่นนี้มาก่อน และก็ไม่มีผู้ใดที่เพราะมีรูปโฉมหล่อเหลาแล้วทำให้นางเหม่อลอยเช่นนี้ได้ แต่บุรุษที่นางกำลังเพ่งมองอยู่ในตอนนี้นั้นกลับทำให้นางลืมเลือนทุกสิ่ง เพียงมองนางก็คล้ายกับว่าตกเข้าไปในทะเลลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“ไฉน มองรูปโฉมที่หล่อเหลาของพระสวามีในอนาคตยังไม่พอใจอีกหรือ” น้ำเสียงที่ดูเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เย็นชาแพร่เข้ามาในแก้วหูของจิงโม่
“ท่านดูหล่อเหลามากเลยเจ้าคะ” จิงโม่ตอบด้วยความสัตย์จริง สายตาที่หลักแหลมกระพริบไปมา เหมือนกับดวงดาวบนขอบฟ้าอย่างมาก
“เจ้าเคยพูดว่าข้าหล่อเหลาไปแล้ว” บุรุษเอ่ยตอบอย่างจริงจัง
“เมื่อครู่อยู่ในสถานการณ์ที่เร่งรีบ เดิมทีแทบจะไม่ทันได้มองท่านด้วยซ้ำไป ตอนนี้มองอย่างละเอียดแล้วพบว่าท่านช่างหล่อเหลาเสียจริง”
“เจ้าช่างซื่อตรงเสียจริง” บุรุษจนใจมองใบหน้าที่จริงใจของเด็กสาวของตนที่พูดออกมาอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
“ข้าไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดเช่นใดมาพรรณนา ข้าคิดว่าคำที่ดูดีที่สุดก็คือหล่อเหลา” จิงโม่คิดว่าบุรุษนั้นไม่พอใจ นางจึงรีบเอ่ยเอาใจ บุรุษมองยังจิงโม่ อยากที่จะเอ่ยปากแต่กลับล้วนไม่เอ่ยพูดสิ่งใดออกมา
เขาคิดว่าตนเองเสียสติไปแล้วจริงๆ คิดที่จะเอ่ยคำพูดที่ว่าหล่อเหลามีสง่าอย่างเป็นธรรมชาติ หล่อเหลาไม่สร่างประเภทนี้กับเด็กน้อยอายุห้าขวบผู้หนึ่ง
แน่นอนว่าสิ่งที่เขายิ่งเสียสติก็คือเขาให้ความสนใจกับรูปโฉมของตนเอง สิ่งนี้ทำให้ภายในวันเวลากว่าหมื่นปีไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ตนเคยให้ความสนใจกับโง่เง่ามากมายเช่นนี้
แต่ต้องบอกว่าประโยคนั้นของสาวน้อย นางคิดว่าคำพูดที่ดูดีที่สุดก็คือหล่อเหลาหรือปิติยินดีที่พบกับเขา
“ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือท่านแม่ของข้า” จิงโม่เห็นว่าในที่สุดกองเพลิงบนเขาเฟลหลงก็ถูกน้ำฝนหยุดยั้งเอาไว้แล้ว ดีใจจนปรบมืออกมาอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษผู้นั้น
“อืม” เพียงตอบกลับมาอย่างง่ายๆ สำหรับการทำเรื่องง่ายๆโดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงก็สามารถทำให้เด็กสาวดีใจจนกลายเป็นเช่นนี้ เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าต้องไปแล้ว ขอบคุณท่านมาเจ้าคะ” จิงโม่เอ่ยพูดกับบุรุษผู้นั้นด้วยความรู้สึกละลายใจบางส่วน
แต่ตอนนี้จิงโม่ที่บินทะยานไปยังเขาเฟลหลงก็ได้พบกับชูเซี่ยเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าบนร่างกายของชูเซี่ยถูกเผาไหม้จนขาดเป็นรูไปบางส่วน แสดงถึงการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก แต่ความชื่นบานภายในสีหน้ากลับไม่สามารถปิดปังได้เลย
เมื่อพบกับจิงโม่ ชูเซี่ยก็ดีใจจนเข้าโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วเอ่ยว่า “แม่รู้ดีว่าจะต้องเป็นพวกเจ้าแน่นอนใช่หรือไม่ ลูกของแม่ช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว”
“ท่านแม่ ไม่ใช่ข้า แต่เป็นพี่ชายรูปงามเป็นเขาที่ทำให้กลีบเมฆเชื่อฟังคำพูดของข้า” จิงโม่เอ่ยบอกกับท่านแม่อย่างตรงไปตรงมา ชูเซี่ยมองจิงโม่อย่างประหลาดใจรอให้จิงโม่เอ่ยพูดออกมาต่อ จิงโม่ที่เดิมทีเข้าใจความหมายของชูเซี่ยนางจึงเพียงเอ่ยพูดอธิบายว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคือใครเจ้าคะ ตอนที่ข้าไร้สิ้นหนทางเขาก็ปรากฏตัวขึ้น ข้าขอร้องเขาเอ่ยพูดว่าข้ายินดีที่จะมอบชีวิตให้กับเขา เขาจึงรับปากข้าเจ้าคะ”
ชูเซี่ยพูดอะไรไม่ออก เด็กผู้หนึ่งที่เพิ่งอายุห้าขวบพูดว่ายอมมอบกายถวายชีวิตให้กับผู้อื่น นี่ช่างเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างมาก แต่ทำไมยังมีคนที่ยอมตกลง คนผู้นั้นสมองผิดปกติหรือว่า....
“ท่านแม่ เขาหล่อเหลามากเลยเจ้าคะ เขาล้วนเก่งกาจกว่าข้าและฉองเหล่า ตอนนั้นสิ่งที่ข้าคิดคือเพียงให้เขาช่วยเหลือท่านแม่ ข้าก็สามารถแต่งให้กับเขาได้เจ้าคะ ข้า....” จิงโม่เห็นสีหน้าของชูเซี่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ว่าชีวิตนี้ช่างไร้ความหมายก็รีบอธิบาย กลับไม่รู้ว่ายิ่งนางอธิบายการสูญเสียการควบคุมตนเองของชูเซี่ยก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“เช่นนั้นเขามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไรกันหรือ อาศัยอยู่ที่ใด ทำไมถึงสามารถทำให้กลีบเมฆเชื่อฟังได้ เขามีความชอบพิเศษที่ติดเป็นนิสัยหรือไม่ เขา...” ชูเซี่ยยังคิดอยากที่จะอธิบายให้กับจิงโม่ได้ฟัง แต่เพิ่งเอ่ยพูดได้แค่ไม่กี่ประโยคนางก็พูดไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปอีกแล้ว นางเพิ่งหลบหนีจากความตายมาได้ หลังจากที่เพิ่งพบกับบุตรสาว ก็ต้องเอ่ยคำพูดเช่นนี้กับเด็กเช่นนางที่อายุเพียงห้าขวบ ชูเซี่ยคิดว่าสมองตนเองคงผิดปกติอย่างแน่นอน
“สิ่งใดเขาล้วนไม่บอกกับข้า แต่สิ่งที่เขาพูดจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอนเจ้าคะ ข้าจะรอเขาเจ้าคะ” จิงโม่เพิ่งคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เมื่อครู่ตนเองรีบร้อนมาพบท่านแม่ แน่นอนย่อมลืมเอ่ยถามเรื่องราวมากมาย แต่นี้จะมีความสำคัญเช่นไรอีกหรือ ในเมื่อนางยอมมอบกายถวายชีวิตให้กับเขาแล้ว ก็รอให้เขามาแต่งตนเองเป็นภรรยาก็เพียงพอแล้ว
“แต่ว่า....” ชูเซี่ยยังคิดอยากที่เอ่ยพูดขึ้น แต่นางก็เข้าใจดีว่าตอนนี้เอ่ยพูดเรื่องราวพวกนี้กับจิงโม่นั้นเร็วเกินไป เพียงแต่ชูเซี่ยอย่างไรก็ล้วนไม่อาจคิดถึงมันได้ ความดื้อรั้นที่มีในตัวของจิงโม่ได้มีมากเกินกว่าในจินตนาการของเขา ส่วนที่ว่าในช่วงเวลาต่อมาภายหลังที่แสนนานนั้น นางและหลี่อวิ๋นเซี่ยนล้วนกังวลเรื่องการแต่งานของจิงโม่ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทุกข์ใจที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่ว่าจะออกจาเขาเฟลหลงนี้ไป มิฉะนั้นถึงแม้จะดับไฟที่ไหม้ลงแล้ว พวกเขาก็ยังคงมีทางตันเช่นเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...