ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 375

ตอนที่ 375 ศาลา

“จิงโม่ เจ้าเข้าได้อย่างไรหรือ พบทางออกแล้วใช่หรือไม่” เชียนซานไม่รู้ว่าชูเซี่ยและจิงโม่พูดกระซิบเสียงเบาอะไรกัน เห็นทั้งสองคนไม่พูดอะไรอีก นางจึงรีบเอ่ยถามจิงโม่ขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ

การถลันเข้ามาอย่างกะทันหันของจิงโม่ทำให้ทุกคนล้วนเห็นถึงความหวัง พวกเราหวังว่าจะได้ทราบเรื่องการพบทางออกจากปากของจิงโม่ ดังนั้นหลังจากที่เชียนซานเอ่ยถามออกมา พวกเขาล้วนจ้องมองยังจิงโม่ จิงโม่ก็มองยังชูเซี่ย ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยตอยอย่างไรไปชั่วขณะ

ท่านแม่ได้เคบกำชับพวกเขาว่าไม่สามารถให้ผู้ใดรู้ถึงพลังวิเศษในร่างกาย แต่ทว่าตอนนี้นอกจากเหตูผลเรื่องพลังวิเศษในร่างกายของนางนี้แล้ว นางยังคิดไม่ได้ว่าจะอธิบายเช่นไรดี

เชียนซานเห็นชูเซี่ยดูวิตกกังวลจึงเข้าใจขึ้นมาทันที นางเสียใจอย่างมากกับความวู่วามเมื่อครู่ของตน จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เจ้าปีนเขาเล่นแล้วจึงตกลงมาที่นี่ใช่หรือไม่ เคราะห์ดีที่ข้าและท่านแม่ของเจ้าอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นตกลงมาแล้วจะเป็นเช่นไร”

จิงโม่ยังไม่ตอบโต้กลับมา เชียนซานก็ก้าวเข้าไปแสร้งทำเป็นตรวจสอบร่างกายของจิงโม่ จิงโม่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที จึงร้องไห้โฮออกมาเสียงดังแล้วซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเชียนซาน แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านน้าในที่สุดข้าก็ตามหาพวกท่านพบแล้ว ข้าปีนขึ้นมาบนเขานี้อย่างยากลำบาก แต่เมื่อฝนตกแล้ว ทางบนภูเขาราบเรียบไปหมด ข้ายังตามหาเส้นทางลงเขาไม่พบก็ตกกลงมาเสียก่อน เคราะห์ดีที่พวกท่านอยู่ที่นี่ มิฉะนั้นจิงโม่ก็ต้องตายแล้วเป็นแน่เจ้าคะ ”

จิงโม่ร้องไห้แล้วเอ่ยพูดออกมาทำให้ความหวังของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นความสิ้นหวัง ใจของเชียนซานและชูเซี่ยก็ค่อยๆสงบลงมา

เคราะห์ดีที่จิงโม่เป็นเพียงเด็กน้อยผู้หนึ่ง เมื่อหลังจากนางร้องไห้แล้วเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ความสงสัยในใจของทุกคนก็ค่อยๆจางหายไป เพราะการปรากฏตัวก่อนนี้ของจิงโม่นำมาซึ่งความชื่นบานก็ค่อยๆ ลดต่ำลง

“ตามหาต่อไปกันเถอะ หาทางออกไม่พบ พวกเราตามหาเส้นทางที่สามารถปีนขึ้นไปบนเขาได้ก็ดีมากแล้ว” ว่านอันเอ่ยกำชับคนของพรรคมังกรเหินด้วยเสียงทุ้มต่ำ แม้พวกเขาก็คิดว่าการปรากฏตัวของจิงโม่นั้นแปลกประหลาดเกินไป แต่ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของนายท่านและเชียนซาน เขาก็ทำได้เพียงแต่ปฏิบัติตาม หลังจากนั้นก็ย้ายความสนใจที่มีในตอนแรกของทุกคน

“ท่านแม่ ข้าง่วงแล้วอยากนอนเจ้าคะ ท่านพาข้าไปนอนในถ้ำดีหรือไม่เจ้าคะ” จิงโม่เห็นผู้คนยังคงมองดูที่ร่างกายของตนไม่หยุด ก็เอ่ยเบาๆกับชูเซี่ยขึ้น

ชูเซี่ยเข้าใจจุดประสงค์ของจิงโม่อยู่แล้ว นางจึงอุ้มจิงโม่เข้าไปในถ้ำที่อยู่ออกไปไม่ไกล จิงโม่จึงเอ่ยพูดกับชูเซี่ยอย่างทุกข์ใจว่า “ท่านแม่ข้าผิดไปแล้ว ข้าเพียงเป็นห่วงพวกท่านมากเกินไปจึงเขามาดู ตอนนี้ข้าจะออกไปเปิดภูเขากับฉองเหลา” จิงโม่เอ่ยพูดเสียงเบา

“เปิดภูเขาหรือ เขาลูกนี้ไม่มีทางออกจริงๆหรือ” ชูเซี่ยแทบจะไม่กล้าเชื่อหูของตน นางคิดตลอดเวลาว่าทางออกที่มีอยู่ก่อนหน้านี้นั้นคือกลไกอย่างหนึ่ง เพียงหากลไกนั้นพบพวกเขาก็จะสามารถออกไปได้

“ท่านแม่ นั่นเป็นกลไกแน่นอนเจ้าคะ แต่หลังจากที่นำกลไกมารวมกันแล้วเขาก็ต้องผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับภูเขา ดังนั้นพวกเจ้าต้องการออกไป มีแต่ต้องเปิดภูเขาทางเดียวเท่านั้น”

“พวกเจ้าสองคน....” ชูเซี่ยเพิ่งเข้าใจถึงความร้ายแรงของปัญหานี้ ให้เด็กน้อยทั้งสองเปิดภูเขา เรื่องเหล่านี้ช่างเกินไปเสียจริงๆ .....

“ท่านแม่โปรดวางใจ พวกเราจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้เจ้าคะ” ชูเซี่ยเอ่ยรับประกันอย่างหนักแน่น หลังจากนั้นก็แฝงกายหายตัวไปเงียบๆ ชูเซี่ยยังอยากที่จะสั่งกำชับจิงโม่อีกหลายประโยค แต่ไม่รอให้นางได้เปิดปากก็ไม่เห็นตัวจิงโม่แล้ว

ชูเซี่ยคิดว่าใจของตนล้วนถูกฉีกออกมาแล้ว เจ็บปวดจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาอธิบายได้

นางคิดโดยตลอดว่าสามารถให้คู่แฝดแข็งแกร่งขึ้น แต่ผลลัพธ์กลับเป็นว่าทุกครั้งเด็กน้อยล้วนไม่สนใจถึงอันตราย บุกตะลุยโจมตีข้าศึกช่วยเหลือนตนเอง

แต่ไหนแต่ไรมานางไม่ได้คิดเลยว่าตนเองจะไร้ประโยชน์เช่นนี้ ความทุกข์ที่มีต่อเหล่าเด็กน้อยนั้นเหมือนดั่งเช่นภูเขาคำรามทะเลบ้าคลั่งที่พัดพาทุกอย่างบนตัวนางไปหมด

ชูเซี่ยเข้าใจดี ตอนนี้สิ่งที่นางสามารถทำได้ก็มีเพียงแต่ช่วยบุตรของตน ให้พวกเขาไม่ต้องลำบากเพื่อตนเองมากเกินไป ดังนั้นหลังจากที่นางเดินออกมาจากถ้ำก็เอ่ยกำชับว่านอันว่า “ให้พวกเขาไปนำเครื่องมือที่ทำจากเหล็กมาให้หมด ได้ยินเสียงจากด้านนอกอยู่ที่ใดก็ให้ดำเนินการขุดเจาะที่นั้น ถึงจะขยับเคลื่อนย้ายแค่ก้อนเดียวก็ไม่ต้องกลัว พวกเราจะต้องเคลื่อนย้ายเขาลูกนี้หาช่องทางออกไปได้แน่”

“นายท่าน.....” ว่านอันมีความลำบากใจอยู่บางส่วน เขาคิดว่าการตันสินใจเช่นนี้ของชูเซี่ยนั้นช่างใจกล้าเกินไป อีกทั้งตอนนี้พวกเขาที่เหลืออยู่ในตอนนี้ ที่ยังเหลือรอดมาก็มีพละกำลังเหลืออยู่กันไม่มาก เขาจะมีแรงกายมากพอที่จะเคลื่อนย้ายก้อนหินได้กี่ก้อนกันเชียว

“ไม่อยากที่จะนั่งรอความตายอยู่ก็ออกไปลงมือทำ ให้เชียนซานแจ้งคนของพรรคมังกรเหินที่อยู่ด้านนอกให้ร่วมมือกับการดำเนินการของจิงโม่และฉองเหล่า” คำพูดของชูเซี่ยนั่นแผ่วเบาอย่างมาก แต่กลับหนักแน่นอย่างมาก เมื่อได้ยินชูเซี่ยเอ่ยพูดถึงจิงโม่และฉองเหล่าทั้งสองชื่อนี้ ว่านอันก็รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาชั่วขณะ

จิงโม่ไม่ได้อยู่ภายในถ้ำ นางได้ออกไปด้านนอกแล้ว สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างเทือกเขาได้อย่างอิสระ จิงโม่มีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจะต้องได้รับการช่วยเหลือแน่นอน และตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการช่วยเหลือตัวเอง

ว่านอันออกคำสั่งให้แจกจ่ายเครื่องมือที่ทำจากเหล็กลงไปให้กับผู้คนในพรรคมังกรเหินที่อยู่ในภูเขา หลังจากนั้นก็ให้นำคนไปตามหาสถานที่ที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก เมื่อตามหาพบแล้วก็ออกคำสั่งให้คนรีบเร่งขุดอุโมงค์

เห็นสีหน้าที่แน่วแน่ของว่านอัน ทั้งยังได้ยินเสียงจากด้านนอกของภุเขา การซักถามข้อสงสัยที่มีอยู่เดิมก็ล้วนเปลี่ยนเป็นความหวัง

พวกเขาเข้าใจดีว่ามีคนที่พยายามเช่นกันกับพวกเขา ที่ต้องการช่วยเหลือพวกเขาออกไป ถึงแม้ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาขุดภูเขาลูกนี้นานเพียงใด แต่ก็ยังมีความหวัง พวกเขาจึงต้องหันมาพยายามหาความหวัง

ชูเซี่ยก็ยังเคลื่อนย้ายหินอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา ใบหน้าที่สวยงดงามเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่สายตากลับแน่วแน่ดังดวงดาวที่เจิดจ้า

ชูเซี่ยสามารถรับรู้ได้ถึงระยะห่างของนางและเด็กน้อยทั้งสองว่าเข้าใกล้กันยิ่งขึ้นแล้ว เพราะในใจของนางเด็กน้อยทั้งสองคนนั้นทั้งรู้ความและรอบคอบ ในใจของชูเซี่ยจึงล้วนเต็มไปด้วยความอบอุ่น

ชูเซี่ยไม่รู้ว่าตอนที่พวกเขาได้มองเห็นแสงอรุณของความหวัง ตอนที่นางต้องการพบกับเด็กน้อยทั้งสองคน สองมือของเด็กน้อยก็ล้วนถูกภูเขาหินที่แหลมคมเฉือนทำลายและพบกับปัญหาที่แก้ยาก

“พวกเจ้ากล้าที่จะทำลายหุบเขา หรือจะไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้ว” เป็นใต้เท้าอวี๋เจิ้งหมิ่นนายอำเภอเก้อโจว ที่เอ่ยพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก เขาได้ให้คนเข้ามาล้อมขัดขวางการเปิดภูเขาแล้ว

“ภูเขาลูกนี้ไม่ใช่บ้านของพวกเจ้า ข้ายินยอมให้เปิดภูเขา แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้ากันเหรือ” เมื่อได้ยินคำพูดของอวี๋เจิ้งหมิ่น จิงโม่ก็ไม่พอใจขึ้นมา

“เจ้าหน้าที่ของท้องที่ได้ออกกฎมาว่าภูเขาลูกนี้ไม่สามารถขุดโดยไม่ได้รับอนุญาต” อวี๋เจิ้งหมิ่นเห็นเด็กน้อยผู้หนึ่งที่เอ่ยพูดกับตนอย่างหยิ่งยโส ด้วยสีหน้านที่ดูถูกดูแคลนอย่างยิ่ง

“จิงโม่ เจ้าหน้าที่ในท้องที่คือผู้ใด ล้วนต้องใหญ่กว่าเสด็จพ่ออีกใช่หรอไม่” เมื่อฉองเหล่าได้ยินอวี๋เจิ้งหมิ่นพูดถึงเจ้าหน้าที่ในท้องที่ ในใจก็รู้สึกดีใจอย่างมากอยู่ก่อนแล้ว เขาเอ่ยถามจิงโม่ด้วยน้ำสียงที่ตื่นเต้น ยามเมื่อเอ่ยพูดก็ตั้งใจพูดคำว่าเสด็จพ่ออกมาเสียงดังชัดเจนเป็นพิเศษ

“ฉองเหล่า เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าภูเขาลูกนี้ต่อไปเจ้าต้องยกให้กับข้า ดังนั้น ข้าอยากที่จะทำเช่นไรกับภูเขานี้ก็ทำเช่นนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ในท้องที่อะไรทั้งนั้น” จิงโม่ยังจดจำเรื่องการแบ่งแยกแผ่นดินเจียงชานของนางและฉองเหล่าได้ ดังนั้นเดิมทีแล้วเขาลูกนี้ก็คือสิ่งของของนาง ทำไมจะต้องฟังเจ้าหน้าที่ในท้องที่ กระทั่งเสด็จพ่อนางก็ล้วนไม่อยากที่จะให้ทราบ

อวี๋เจิ้งหมิ่นได้ยินคำพูดของเด็กน้อยทั้งสองคน ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะคำว่าเสด็จพ่อนั้น และโดยเฉพาะคู่แฝดที่อยู่ตรงหน้าที่ยังมีอายุที่ไล่เลี่ยกัน รูปร่างหน้าตาก็คล้ายกันอีกด้วย

แท้จริงแล้วพวกเขาอาจจะเป็นบุตรของฮ่องเต้ก็เป็นได้ แต่ว่า....

อวี๋เจิ้งหมิ่นลังเลอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดจิตใจก็มั่นคง เอ่ยกับเจ้าหน้าที่ของทางการด้านหลังของตนว่า “ไปจับกุมตัวนำเด็กน้อยสองคนที่สวมรอยเป็นองค์ชายและองค์หญิงนั้นมาให้ข้า”

หยาเหยินที่เดิมทีไม่รู้แผนการของอวี๋เจิ้งหมิ่น พวกเขาก็เพียงรับคำสั่งเดินเข้าไป ต้องการท่จะจับกุมตัวเด็กน้อยทั้งสองเอาไว้ แต่คนของพรรคมังกรเหินจะให้พวกเขาจับกุมตัวคู่แฝดไปได้อย่างไรกัน เมื่อถึงตอนที่เจ้าหน้าที่ของทางการเดินเข้ามาใกล้พวกเขาก็รีบเข้ามาปกป้องเด็กน้อยทั้งสอนคนทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า