ตอนที่ 377 สูญเสียพลังวิเศษ
“แต่ท่านเซียนขอรับ พลังวิเศษนี้ไม่ใช่เรื่องที่มอบหมายให้พวกเรา ข้าว่า......”
“เจ้ากำลังจะบอกกับข้าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจ้าไม่สามารถทำได้ใช่หรือไม่” สีหน้าที่ไม่เร่งรีบกับมีความเย็นชาปรากฏขึ้นมาบางส่วน บริวารเห็นใบหน้าที่เย็นชาดังน้ำแข็งกว่าหมื่นปีนั้น สุดท้ายแล้วก็ถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้ากลัวว่าจะรบกวนผู้อาวุโสเหล่านั้น ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่สาวน้อย ยังรวมถึงมารดาของนาง กลัวว่า......”
“เรื่องราวของพรรคมังกรเหิน ถือได้ว่าได้รบกวนยมบาลและเหล่าผู้อาวุโสอยู่แล้ว แต่นั้นคือชีวิตของคนกว่าพันคน” หาได้ยากที่บุรุษชุดขาวจะอธิบายด้วยอารมณืที่ดีเช่นนี้
ในที่สุดตอนนี้บริวารก็เพิ่งเข้าใจว่าทำไมจิงโม่ที่มพลังวิเศษติดตัวจึงไม่มีวิธีควบคุมเมฆฝน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนมากมาย กลัวว่าทั้งสภาสวรรค์และนรกล้วนได้รับทราบแล้ว ดังนั้นเหล่ากลีบเมฆจึงไม่กล้าดำเนินการโดยพละการ
“ชูเซี่ยนั้น....”
“แต่เดิมแล้วนั้นก็ไม่ใช่ชีวิตของตนเองของนาง ช้าเร็วล้วนต้องตาย เพียงแต่ข้าทำให้นางตายช้าไปช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น”
น้ำเสียงที่สมเหตุสมผล ยังคงเย่อหยิ่งไม่มองชีวิตของผู้ใดอยู่ในสายตาทั้งสิ้นเช่นเดิม
“แต่กลัวว่าสาวน้อยนั้นจะ....” บริวารคิดถึงจิงโม่ที่ใช้การปั่นกลีบเมฆให้รวมตัวกันเป็นประโยชน์เพื่อช่วยมารดา ภายในสายตาก็อดสงสารอย่างมากไม่ได้
“เดิมทีตัวข้าเองก็จะต้องรีบไปจุติบนโลกมนุษย์แล้ว มีข้าคุ้มครองนางก็ต้องแข็งแกร่งกว่า ไม่เหมือนกับเขาแม่ที่ไม่มีประโยน์ผู้นั้นอยู่แล้วมิใช่หรือ”
ยังคงสมเหตุสมผล ทั้งหมดนี้ล้วนลืมความรู้สึกระหว่างชายหญิงว่าแต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบกับความผูกพันที่มีของมารดาและบุตรได้ ยิ่งไปกว่านั้นท่านเซียนของพวกเขาต้องลงไปจุติก็ต้องเริ่มต้นจากการเป็นเด็กน้อยก่อน ต้องให้เด็กน้อยที่ยังดื่มนมผู้หนึ่งคุ้มครองสาวน้อยที่อายุห้าขวบผู้หนึ่ง บริวารคิดไปคิดมาแล้วล้วนคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ไว้วางใจได้อย่างมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าท่านเซียนของพวกเขานั้นไม่ยินยอมที่จะพูดจาไร้สาระกับเขาเป็นแน่ เขายืดตัวขึ้นเตรียมตัวเข้าสู่โลกมนุษย์ ที่จะได้พบกับสาวน้อยผู้น่ารักนั้นอีกครั้งหนึ่ง
บริวารได้แต่ยอมรับชะตากรรมมองดูท่านเซียนของเขาที่ห่างจากตนยิ่งนานยิ่งห่างไกลออกไป คำพูดที่ลังเลอยู่นาน ถึงอย่างไรก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้
ตอนที่ท่านเซียนดูบุพเพสันนิวาศของตนอย่างคร่าวๆ อยู่นั้น เขาดูอย่างละเอียดแล้วว่าท่านเซียนของพวกเขาและจิงโม่อยู่ในแคว้นเดียวกันก็ล้วนไม่ใช่ แล้วเขาต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะคุ้มครองสาวน้อยผู้นั้นได้กันละ....
แม้ว่าจะไม่ได้ตักเตือนท่านเซียนของตนเอง แต่เขายังคงเชื่อฟังเรื่องราวที่ท่านเซียนได้กำชับสั่งให้จัดการ
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อถึงตอนที่จิงโม่และฉองเหล่าพวกเขาทั้งสองพยายามที่จะเปิดภูเขาอีกครั้ง อวี๋เจิ้งหมิ่นที่ถูกคนของพรรมังกรเหินมัดตัวไว้ก็ถูกฟ้าผ่าโดยไม่มีใครคาดคิด
ภายในท้องฟ้าที่ฝนหยุดตกแล้วนั้นก็พลันเกิดฟ้าร้องและฟ้าแลบขึ้น หลังจากที่ฟ้าร้องและฟ้าแลบหายไป ฝนเม็ดเดียวก็ล้วนไม่ตกลงมา มีเพียงแต่คนที่เฝ้าตัวอวี๋เจิ้งหมิ่นที่ร้องตะโกนเรียกขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
คนที่เพิ่งจะยังมีชีวิตอยู่ กลับเปลี่ยนไปเป็นถ่านที่ดำทะมึนไปเสียแล้ว
“สวรรค์ท่านช่างตาบอดเสียจริง ตอนที่ยังไม่ได้จับกุมตัวคนผู้นี้ไว้ท่านไม่ผ่าเขา ที่ข้าจับกุมเขาเอาไว้เพราะเขามีประโยชน์ ท่านมอบฟ้าแลบให้กับข้าก็ผ่าตาบไปแล้ว ท่านกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำเลยหาเรื่องทำ โดยเฉพาะกับข้าจิงโม่ทำถูกแล้วใช่หรือไม่ ที่ดีสุดท่านอย่าฝ่าฝืนยุ่งเรื่องของข้า มิฉะนั้นข้าจะทำให้ท่านอยู่ดีขึ้นดี” จิงโม่ชี้ตะโกนด่าขึ้นไปที่ท้องฟ้าสีครามเสียงดัง
ในเมื่ออวี๋เจิ้งหมิ่นตายก็ยังไม่สาสมแก่ความผิด แต่เด็กน้อยผู้หยึ่งเช่นนางก็ล้วนรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาตายของเขา แต่สวรรค์กลับ....
จิงโม่ไม่รู้ว่ามีคนที่อยู่บนสวรรค์กำลังฟังนางพูดอยู่ ที่จำเป็นต้องพูดว่าคำพูดของนางนั้นมีเหตุผลบางส่วน เป็นตนเองที่เลือกเวลาปฏิบัติงานตามคำสั่งไม่เหมาะสมเอง
เขาได้แต่อธิษฐานเงียบๆในใจ รอให้เจ้านายของเขาลงไปจุติบนโลกมนุษย์กลับมาอาจจะลืมสิ่งที่ตนเองได้กำชับก่อนหน้านี้ไปแล้ว มิฉะนั้นเมื่อถึงตอนนั้นดูเหมือนว่าตนอาจจะตายอย่างสลดใจอย่างมากเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...