ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 385

สรุปบท ตอนที่ 385 ข้อเรียกร้องของหลี่ซี่: ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนที่ 385 ข้อเรียกร้องของหลี่ซี่ – ตอนที่ต้องอ่านของ ชายาเกิดใหม่ของข้า

ตอนนี้ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่ ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 385 ข้อเรียกร้องของหลี่ซี่ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 385 ข้อเรียกร้องของหลี่ซี่

“แต่ว่าฝ่าบาท หลี่ซี่ผู้นี้กับหรูกุ้ยเฟย...” เห็นท่าทางไม่แยแสของหลี่เฉินเย่นก็ทำให้ลู่กงกงรู้สึกไม่สบายใจเท่าใดนัก เขากลัวว่าความคิดเห็นของเขาจะนำมาซึ่งความผิดพลาดอันใหญ่หลวง

“หลังการประชุมขุนนางวันพรุ่งนี้เจ้าก็ไปเรียกหลี่ซี่มาก็แล้วกัน เราอยากหารือกับเขาเสียหน่อย” หลี่เฉินเย่นเอ่ยรับสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คำพูดของเขาทำให้ลู่กงกงตกตะลึง ราวกับว่าที่ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยเช่นนี้ไม่ได้มาจากการคิดใคร่ครวญอย่างรอบคอบแต่มาจากความคิดเห็นของลู่กงกงเพียงประโยคเดียวมากกว่า

ลู่กงกงยังคิดจะกล่าวอะไรต่อแต่จนแล้วจดรอดก็ไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไปดี ท้ายที่สุดก็ได้แต่เดินคอตกออกไปสั่งคนให้เตรียมพร้อม พรุ่งนี้ให้เรียกตัวหลี่ซี่เข้าเฝ้าฝ่าบาทหลังการประชุมขุนนางช่วงเช้าเสร็จสิ้นแล้ว

ในเช้าวันที่สองก่อนเวลาประชุมขุนนางหลี่เฉินเย่นก็เห็นว่าหลี่ซี่มาขอเข้าเฝ้าที่หน้าพระตำหนักของเขาเสียแล้ว เมื่อฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นหลี่ซี่คำกล่าวแรกก็คือ “เราจำได้ว่าเราให้เจ้าเข้าเฝ้าเราหลังจากประชุมขุนนางช่วงเช้าเสร็จสิ้นแล้วไม่ใช่หรือ”

“เป็นกระหม่อมเองที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลา...” หลี่ซี่นึกไม่ถึงว่าหลี่เฉินเย่นจะกล่าวเช่นนี้กับตน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยคงามสับสน แต่เพียงชั่วพริบตาก็กลับไปสุขุมเช่นเดิม

“ยามนี้เรารีบไปประชุมขุนนาง เจ้าก็ไปรอเราที่ห้องอักษรก่อนก็แล้วกัน เสี่ยวลู่จื่อ นำทางใต้เท้าหลี่ไป” ทันทีที่กล่าวจบหลี่เฉินเย่นก็หมุนกายเดินจากไป เดิมทีลู่กงกงคิดจะตามเสด็จฝ่าบาทแต่ในเมื่อเป็นรับสั่งของฮ่องเต้เขาจึงหันกลับมาหาหลี่ซี่ “ใต้เท้าหลี่โปรดตามข้าไปที่ห้องอักษร”

“ลำบากกงกงแล้ว” หลี่ซี่วางตัวอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนจะเดินตามลู่จ่งก่วนไปเงียบๆ

“ท่านก็รออยู่ที่นี่ก่อนเถิด ข้าน้อยจะตามฝ่าบาทไปประชุมขุนนางก่อนล่ะ” ลู่กงกงกล่าวกับอีกฝ่ายทันทีที่มาถึงห้องทรงอักษรของฝ่าบาท

“ไม่ทราบว่ากงกงพอจะรู้หรือไม่ว่าฝ่าบาททรงรับสั่งให้ข้าเข้าพบด้วยเหตุใด ข้า...” สีหน้าของหลี่ซี่เต็มไปด้วยความกังวลทำอะไรไม่ถูก

“ฝ่าบาทมีรับสั่งเรียกหาท่านเพราะมีเรื่องจะมอบหมายให้ท่านทำต่างหากเล่า หากว่าครั้งนี้ท่านสามารถทำผลงานได้ดีวันหน้าหน้าที่การงานของใต้เท้าหลี่ก็มีแต่เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น” ลู่กงกงกล่าวยิ้มๆก่อนจะหันกายเดินจากไป เหลือเพียงหลี่ซี่ที่ยืนนิ่งๆพลางกวาดตามองห้องอักษรที่กว้างขวางด้วยสีหน้าวิตกกังวลเช่นเดิม

เดิมคิดว่าการรอคอยอยู่ที่บ้านก็กังวลมากอยู่แล้วแต่การต้องมารอคอยอยู่ที่ห้องอักษรเช่นนี้กลับยิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

หลายปีมานี้ไม่ว่าเขาจะทำหน้าที่อะไรก็ล้วนทำมันอย่างขยันและเต็มที่ขอเพียงให้ความสามารถของเขาเข้าพระเนตรของฝ่าบาทบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฝ่าบาทจึงไม่เคยเห็นความดีความชอบของเขาเลยสักครั้งจนตัวเขาเองยังเฝ้าถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าแท้จริงแล้ววิธีการทำงานของเขามันมีอะไรผิดพลาดหรือไม่หนอ

เขาไม่เชื่อว่าฝ่าบาทจะทรงไม่เคยทอดพระเนตรเห็นผลงานของเขาสักครั้ง จริงอยู่ที่ลำดับขั้นขุนนางของเขาจะไม่ได้สูงอะไร แต่คดีใหญ่ๆในสิงปู้ส่วนใหญ่ที่คลี่คลายได้เขาเองก็มีส่วนร่วมไม่น้อยเช่นกัน

เพราะเหตุใดจู่ๆฝ่าบาทจึงเพิ่งมาตระหนักถึงเขาในยามนี้ และดันมาเป็นเวลาเช่นนี้เสียด้วย

ในยามนี้เขาไม่ต้องการให้ฝ่าบาททรงเห็นถึงความดีความชอบของเขาแม้แต่น้อย ดังนั้นนับตั้งแต่เมื่อคืนที่ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เขาเข้าเฝ้าพระองค์ เขาก็กินไม่ได้นอนไม่รับเร่งรุดมาเข้าเฝ้าพระองค์แต่เช้าเพราะอยากทราบเหตุผลในการเรียกเข้าเฝ้าครั้งนี้ให้เร็วที่สุด

ช่วงเวลารอคอยไม่กี่ชั่วยามสำหรับหลี่ซี่ราวกับเป็นการรอคอยนานนับปี ในสมองคาดเดาสิ่งต่างๆมากมายที่ฝ่าบาทจะทรงมอบหมายให้เขาทำไม่หยุด การประชุมขุนนางในท้องพระโรงก็ไม่มีที่ท่าว่าจะเสร็จสิ้นเสียที รอจนกระทั่งการประชุมขุนนางในท้องพระโรงเสร็จสิ้นและหลี่เฉินเย่นเดินทางมาถึงห้องอักษรก็ล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยงเสียแล้ว

“เสี่ยวลู่จื่อ แจ้งห้องครัวหลวงว่าสำรับเที่ยงวันนี้เพิ่มหัวสิงห์ซอสน้ำแดงและปลาจีนนึ่งมาอีกสองอย่าง วันนี้เราจะให้ใต้เท้าหลี่อยู่กินมื้เที่ยงกับเราที่นี่” หลังจากที่หลี่เฉินเย่นเข้ามาในห้องอักษรเห็นหลี่ซี่ก็หันไปรับสั่งกับลู่กงกงที่อยู่ข้างพระวรกายทันที

ลู่กงกงปรายตามองหลี่ซี่เล็กน้อยทำท่าจะเอ่ยปากพูดแต่หลี่เฉินเย่นก็เอ่ยขึ้นมาอีก “เจ้าไปสั่งด้วยตนเองก็แล้วกัน ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว เรามีเรื่องจะคุยกับใต้เท้าหลี่เล็กน้อยเท่านั้น”

ลู่กงกงได้ยินเช่นนั้นก็รีบร้อนถอยหลังออกไป หลี่ซี่ก็ได้แต่ยืนตัวตรงแข็งทื่ออยู่เบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทรอให้พระองค์เปิดปาก

“เมื่อเช้ามาเสียเร็วเป็นเพราะฮูหยินรบเร้าหรืออย่างไร” น้ำเสียงของหลี่เฉินเย่นยังคงราบเรียบแต่ก็ฟังดูผ่อนคลายลงมาก

“กระหม่อมทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวังในตัวกระหม่อม กระ...” หลี่ซี่ทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้นด้วยท่าทางกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งใบหน้าของชายหนุ่มยามนี้ยังผุดพรายไปด้วยเหงื่อ

หลี่เฉินเย่นมองดูท่าทางลนลานของอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเฉยชา “ครั้งนี้พวกเขามีแผนจะให้เจ้าไป เราก็อยากรู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใด”

“โปรดอย่าให้กระหม่อมไปเลยพะย่ะค่ะ กระหม่อม...” หัวใจของหลี่ซี่เหลือความหวังอันน้อยนิด ความหวังที่เขาจะสามารถหลบหลีกภาระหน้าที่ครั้งนี้ได้

“เหตุผล?” สองคำนี้ของหลี่เฉินเย่นแม้จะเย็นชาเพียงใดแต่สำหรับหลี่ซี่แล้วมันเป็นเหมือนความหวังที่จุดประกาย ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหลี่เฉินเย่นอย่างยินดี “ทูลฝ่าบาท บุตรของกระหม่อมอยู่ในกำมือของพวกเขา ในครั้งนี้พวกเขาจะต้องนำตัวลูกกระหม่อมมาใช้เป็นเครื่องมือในการบีบบังคับกระหม่อมให้ทำตามคำสั่งของพวกเขาแน่ กระหม่อม...”

“ไม่ใช่ว่าเจ้าละทิ้งเขาไปแล้วหรือ” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

ตัวเขาเองนับตั้งแต่ที่มีลูกแฝดก็เริ่มเข้าใจว่าความรักของพ่อเป็นเช่นไร แต่เขาไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของพ่อที่ละทิ้งบุตรของตนได้เลย ต่อให้ไม่ได้เกิดจากหญิงสาวที่ตนเองรักแต่พวกเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่ดีไม่ใช่หรือ

“ไม่ใช่พะย่ะค่ะ ยามนั้นกระหม่อมเพียงหลงผิดไป เป็นกระหม่อมที่เห็นผิดเป็นชอบ กระหม่อมไม่อาจสูญเสียเด็กคนนั้นได้จริงๆ หากว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาฮูหยินของกระหม่อมนางคง...” เมื่อกล่าวมาถึงประโยคสุดท้ายน้ำตาก็เอ่อคลอออกมา ดวงตาของเขาฉายแววร้าวรานจนแม้แต่ตัวหลี่เฉินเย่นเองก็ไม่กล้าสบตา

“ฝ่าบาท ยามนี้กระหม่อมรู้แจ้งแก่ใจแล้วว่าใครเป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของกระหม่อม กระหม่อมจะไม่มีวันทำผิดเป็นครั้งที่สอง ไม่มีวันอีกแล้ว...” น้ำเสียงของหลี่ซี่สั่นพร่า เขาจ้องมองหลี่เฉินเย่นเหมือนกับคนที่พลัดตกลงน้ำและเห็นฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิตของเขาก่อนจะจมน้ำตายได้

“หลี่ซี่ ที่แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าเล่ามาให้เราฟังเถิด” หลี่เฉินเย่นอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา แม้เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถพูดคุยกับหลี่ซี่อย่างใจเย็นได้แต่ความตั้งใจของเขาก็พังทลายทันทีที่เห็นสายตาเจ็บปวดของหลี่ซี่ยามที่เอ่ยถึงภรรยาของตนเองเสียนี่

หลี่ซี่รู้ได้ในทันทีว่านี่เป็นโอกาสที่ฝ่าบาททรงมอบให้แก่เขาอีกครั้ง ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นจากนั้นก็เอ่ยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดให้พระองค์ฟัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า