ตอนที่ 386 ความจริงใจไม่สมควรถูกทรยศ
“ตอนนั้นกระหม่อมทราบดีอยู่แก่ใจว่าแม่นางฉ่ายเวินไม่ได้ชอบกระหม่อมแต่ทว่าแม่นางฉายเวินก็นับว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามสดใสคนหนึ่งตราตรึงใจกระหม่อมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบนางดังนั้นกระหม่อมจึงเฝ้าปกป้องคุ้มครองนางอย่างลับๆ ตอนนั้นกระหม่อมทั้งสงสารนางและปรารถนาจะได้พบนางทุกๆวัน คิดเพียงว่าหากไม่ใช่หญิงสาวผู้นี้แล้วก็คงไม่มีหญิงใดที่สามารถเข้ามาในหัวใจของกระหม่อมได้อีกแล้วจนกระทั่งกระหม่อมได้พบกับนางหลิว นางเป็นหญิงสาวที่คล้ายกับฉ่ายเวินมากถึงเจ็ดแปดส่วน นางเป็นหญิงคณิกาเพราะบิดามารดาทอดทิ้งไม่สนใจ กระหม่อมเห็นว่าชีวิตนางรันทดน่าสงสารจึงได้ยื่นมือไปช่วยเหลือและแต่งหน้าเข้าเรือน”
“ความจริงแล้วนางหลิวเป็นหญิงสาวที่ดีมากคนหนึ่ง นางเชื่อฟังแม่สามีทำหน้าที่อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง กับตัวกระหม่อมเองนางก็อ่อนหวานเอาใจใส่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจกระหม่อมในการทำงานอยู่เสมอ จนกระหม่อมคิดว่าจะต้องมีสักวันหนึ่งที่ตัวกระหม่อมจะสามารถลืมฉ่ายเวินผู้นั้นและเปิดใจรับนางหลิวเข้ามาในหัวใจได้สักวันหนึ่ง” เมื่อกล่าวถึงชีวิตหลังการแต่งงานของตนเอง ใบหน้าของหลี่ซี่ก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าถวิลหา
หลี่เฉินเย่นมองหลี่ซี่เงียบๆ ยามที่หลี่ซี่พูดถึงช่วงเวลาชีวิตหลังการแต่งงานของเขาที่เรียบง่ายและสงบสุข ตัวเขาพอจะรู้แน่ชัดแล้วว่าแท้จริงหลี่ซี่ผู้นี้หลงรักนางหลิวภรรยาของตนเองมานานแล้ว แต่เป็นตัวของหลี่ซี่ต่างหากที่ไม่เคยรู้หัวใจของตนเอง
“กระหม่อมนึกไม่ถึงจริงๆว่าวันหนึ่งจู่ๆฉ่ายเวินจะมาปรากฏตัวตรงหน้ากระหม่อมทั้งยังบอกว่าแท้จริงแล้วชายในดวงใจของนางก็คือกระหม่อม หลายปีมานี้นางเอาแต่เฝ้าคิดถึงกระหม่อมทั้งนางยังบอกว่าคนเช่นกระหม่อมสมควรที่จะมีหน้าที่และผลงานใหญ่โตไม่สมควรที่จะต้องมาจมปลักอยู่กับสิงปู้คอยสะสางคดีอาญาไปวันๆแต่ก็ไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากเสียที” หลี่เฉินเย่นที่เห็นสายตาของอีกฝ่ายเขาก็พอจะรู้ว่ายามนั้นหลี่ซี่ก็คงเลือดลมสูบฉีดน่าดู ดวงตาของหลี่ซี่ยามเอ่ยถึงเรื่องราวในตอนนั้นเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความหวัง หัวใจของเขายามนั้นอิ่มเอมเต็มไปด้วยความสุขเสียจนไม่เผื่อแผ่ใจไว้สำหรับความผิดหวัง
“ตอนนั้นกระหม่อมโง่เขลาเบาปัญญาคิดเพียงแค่ว่าทำอย่างไรก็ได้เพื่อที่จะสามารถสร้างชื่อเสียงและก้าวหน้าทางการงานก็พอแล้ว การได้แต่งกับหญิงสาวในดวงใจถือว่าเป็นความประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของบุรุษดังนั้นยามนั้นไม่ว่านางจะร้องขออะไรกระหม่อมก็ล้วนรับปากและทำตามคำขอของนางอย่างไร้ข้อกังขา”
“แต่ที่กระหม่อมนึกไม่ถึงก็คือคำขอข้อแรกของนาง นางขอให้กระหม่อมมอบลูกของกระหม่อมให้แก่นาง นางกล่าวว่านางย่อมดีต่อเขาเพราะลูกของกระหม่อมก็คือลูกของนางเช่นกัน อีกทั้งนางยังกล่าวว่านางจะคอยเลี้ยงดูเขาอย่างดีเพื่อที่กระหม่อมจะสามารถทำการใหญ่ได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังใดๆ ตอนนั้นกระหม่อมคิดเพียงว่านางหลิวอย่างไรก็เคยเป็นเพียงหญิงคณิกาจะมีความสามารถเลี้ยงดูบุตรได้ดีเท่าหญิงสาวที่เพียบพร้อมอย่างฉายเวินได้อย่างไร ดังนั้นแล้วกระหม่อมจึง...”
หลี่เฉินเย่นนั่งนิ่งๆฟังหลี่ซี่พูดเองเออเองอยู่นานสองนาน สีหน้ารู้สึกผิดของหลี่ซี่ที่แสดงออกมาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารเห็นใจแม้แต่น้อยเพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะยกเหตุผลข้ออ้างมามากมายเพียงใดก็ไม่อาจหนีความจริงที่ว่าตนเองทอดทิ้งบุตรชายของตนเองไปได้
“ในวันที่นางหลิวให้กำเนิดลูกน้อยนั้นกระหม่อมก็จัดการนำเด็กไปส่งมอบให้แก่ฉ่ายเวินทันที ในระหว่างทางที่กระหม่อมเดินทางไปหานางหัวใจของนางมีแต่ความสุขคิดเพียงว่าระยะห่างของกระหม่อมและฉ่ายเวินใกล้มากขึ้นทุกที กระหม่อมส่งตัวลูกชายของตนเองให้นางด้วยมือของตนเองหวังให้นางได้รับรู้ถึงความจริงใจที่กระหม่อมมีให้แก่นางและในภายภาคหน้ากระหม่อมจะต้องดีต่อนางมากแน่ แต่กระหม่อมนึกไม่ถึงว่าทันทีที่มอบเด็กให้แก่ฉ่ายเวินนางไม่เพียงไม่ชายตามองสักครั้งทั้งยังจัดการส่งให้คนข้างกายให้เขานำไปมอบแก่หลี่อวิ่นลี่ทันที” กล่าวถึงตรงนี้ใบหน้าหลี่ซี่ก็เจ็บปวดรวดร้าว ตอนนั้นให้คิดอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายมันจะออกมาเป็นเช่นนี้
“ในตอนนั้นเองที่กระหม่อมเพิ่งจะตาสว่าง คนอย่างฉ่ายเวินมีหรือจะยอมเลี้ยงดูบุตรของกระหม่อม นางเพียงแค่ต้องการได้บุตรชายกระหม่อมเป็นตัวประกันเพื่อบีบให้กระหม่อมกลายเป็นคนของหลี่อวิ่นลี่มากกว่า กระหม่อม...” นึกถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยของฉ่ายเวินในตอนนั้น คิดถึงเสียงร้องให้ของลูกน้อยที่ส่งเสียงร้องไห้ยามที่ถูกพรากออกไปจากอ้อมอกพ่อแม่น้ำตาของหลี่ซี่ก็ไหลลงมาด้วยความละอายใจ
“ยามนั้นนางหลิวคิดว่ากระหม่อมเพียงแค่อุ้มบุตรของนางไปให้สหายได้ดูเท่านั้น นางนึกไม่ถึงว่ากระหม่อมจะกล้านำบุตรชายของตนเองไปมอบให้แก่ผู้อื่นด้วยมือตนเอง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไปนางก็โกรธแค้นกระหม่อม กระหม่อมไม่รู้จริงๆว่าเพียงเด็กคนเดียวจะทำให้นางเสียสติได้ถึงเพียงนี้ นางไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนโยนดุจสายน้ำอีกต่อไปแล้ว ยามนี้สายตาของนางที่มองมายังกระหม่อมมีแต่ความเกลียดชัง ไม่เหลืออีกแล้วหญิงสาวที่เขินอายยามที่กระหม่อมพูดคำหวานใส่ ไม่มีอีกแล้วหญิงสาวที่ว่าง่ายอ่อนหวาน ท่าทางมีความสุขของนางยามที่ตั้งครรภ์และกล่าวถึงเรื่องราวในครอบครัวภายภาคหน้าไม่มีวันปรากฎขึ้นในสายตาของกระหม่อมอีกแล้ว เป็นกระหม่อมที่ทำให้นางผิดหวัง เป็นกระหม่อมที่ทำผิดต่อลูกของตนเอง กระหม่อม...” เสียงของหลี่ซี่แหบพร่าเสียจนไม่อาจกล่าวต่อไปได้ เขาจะไม่ขอให้ฝ่าบาททรงเห็นพระทัยเขา เขาเพียงต้องการให้มีใครสักสนที่รับฟังเขาได้ เขาอยากให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเขาเองก็เป็นเพียงชายที่ถูกล่อลวงผู้หนึ่งเช่นกัน เขารู้ว่าต่อให้เขาจะเอ่ยคำแก้ตัวไปมากมายมีเหตุผลเพียงใด ต่อให้ผู้อื่นสามารถให้อภัยเขาได้แต่เขาก็ไม่อาจให้อภัยตนเองได้อยู่ดี
เป็นตัวเขาเองที่ละทิ้งความสุขในชีวิตของตนเองไป เป็นเพราะเขาละโมบโลภมากทำให้สุดท้ายแล้วตัวเขาต้องสูญเสียความสุขทั้งชีวิตของตนเองไปจนหมด
ยามนี้สิ่งที่เขาทำได้คือเพียงอยู่เฉยๆและใช้ชีวิตอย่างเดิมต่อไป เขาไม่ต้องการให้ฉ่ายเวินและหลี่อวิ่นลี่หลอกใช้เขาและเขายิ่งไม่ต้องการให้ลูกชายของตนเองต้องตายเพราะเขาขัดขืน
ความจริงแล้วสถานะของเขายามนี้ก็ดีอยู่แล้ว หลี่อวิ่นลี่และฉ่ายเวินจะได้ไม่ต้องนึกถึงเขา ฮ่องเต้จะได้ไม่ต้องสนพระทัยเขา เขาเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็กๆอยู่ในสิงปู้เท่านั้น เพราะในสายตาของผู้อื่นเขาเป็นเพียงแค่ชายที่ใจไม้ไส้ระกำที่ทอดทิ้งบุตรของตนเองจนภรรยาเป็นบ้าเท่านั้น สำหรับคนนอกชีวิตของเขาอาจจะย่ำแย่แต่สำหรับเขามันก็นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีมากแล้ว
หากว่าเขาต้องทำงานใหญ่ครั้งนี้ให้หลี่อวิ่นลี่และฉ่ายเวินจริงๆ ฝ่าบาททรงทราบเรื่องเขาก็ต้องโทษประหารชีวิตทันที แต่หากว่าเขาไม่ทำตามคำสั่งของหลี่อวิ่นลี่ ลูกของเขาก็ต้องตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...