ตอนที่ 390 เด็กที่หายไป
“ข้าสามารถช่วยเจ้าและลูกหนีออกไปจากที่นี่ได้แต่เจ้าห้ามให้ความร่วมมือกับหลี่อวิ่นลี่เป็นอันขาด” คำพูดของว่านเหลียงตรงไปตรงมายิ่งนัก นางอยากช่วยเหลือหลิวเยนก็จริงแต่นางอยากช่วยนายหญิงของตนเองมากกว่า หากว่าอ๋องเก้าคาดการณ์ไม่ผิด หลี่ซี่ต้องนำทหารแคว้นหนานจ้าวทั้งสามพันคนไปเมืองเก้อโจวแน่
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหลี่อวิ่นลี่จะใช้สามีข้าทำอะไร”หลิวเยนมองว่านเหลียงอย่างใจจดใจจ่อ ความจริงนับตั้งแต่ที่นางรับปากหลี่อวิ่นลี่นางก็กังวลมาตลอด นางแค่อยากช่วยลูกของนางเท่านั้น จริงอยู่ที่หลี่ซี่เป็นคนเห็นแก่ตัวน่ารังเกียจแต่นางก็ไม่ได้เกลียดเขาจนอยากให้เขาไปตายเสียหน่อย
“ข้าเองก็ยังไม่รู้แต่หากว่าคาดเดาไม่ผิดเรื่องที่หลี่อวิ่นลี่ต้องการให้เขาช่วยเหลือก็คงเป็นเรื่องที่เขากำลังนำทัพทหารไปเมืองเก้อโจว ข้าคิดว่าเขาน่าจะต้องการให้ทหารแคว้นหนานจ้าวสามพันนายมาต่อกรกับนายหญิงของข้าที่อยู่ที่เมืองเก้อโจวในเวลานี้แน่” คำพูดของว่านเหลียงทำให้แผ่นหลังของหลิวเยนเย็นวาบ
แม้ว่านางจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับราชสำนักเท่าใดนักแต่นางก็รู้ว่าฮ่องเต้ทรงรักชูเซี่ย ถ้าหากว่าหลี่ซี่ช่วยหลี่อวิ่นลี่ต่อกรกับชูเซี่ยจริงๆ หากเป็นแบบนั้นต่อให้ชูเซี่ยจะเป็นหรือไม่เป็นอะไรฝ่าบาทก็ไม่มีวันยกโทษให้หลี่ซี่แน่
“ข้ารับปาก ขอเพียงเจ้าช่วยข้าตามหาลูก ข้าจะหาวิธีพูดกับหลี่ซี่ไม่ให้เขาทำอะไรหัวหน้าของพวกเจ้า” ภายใต้น้ำเสียงนุ่มนิ่มของนางว่านเหลียงสามารถสัมผัสได้ถึงความมั่นคงหนักแน่นในนั้น
“ขอเพียงพรุ่งนี้เจ้าสามารถทำให้หลี่อวิ่นลี่ยอมให้เจ้าพบลูกชายที่แท้จริงของเจ้าได้ข้าก็จะพาเจ้าและลูกหนีออกไปจากที่นี่เอง แต่ว่าเจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถทำให้หลี่ซี่เปลี่ยนใจได้” ความจริงแล้วว่านเหลียงไม่ค่อยเชื่อมือของหลิวเยนเท่าใดนักเพราะหากว่าหลี่ซี่เชื่อฟังคำพูดของนางจริงมีหรือลูกชายของนางจะมาตกอยู่ในมือของหลี่อวิ่นลี่เช่นนี้
“วางใจเถิด หากว่าเจ้าสามารถช่วยเหลือข้ากับลูกได้จริงๆ ข้าจะไม่มีวันยอมให้หลี่ซี่ตกเป็นเครื่องมือของหลี่อวิ่นลี่เด็ดขาด”หลิวเยนกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ ตอนนี้นางมีหนทางที่จะปกป้องคนที่นางรักแล้ว นางย่อมไม่มีวันทำผิดพลาด
“หากว่าเจ้าได้พบลูกของข้า ช่วยบอกเขาได้หรือไม่ว่าแม่ของเขารักเขามาก พ่อของเขาก็เช่นกัน” เมื่อเห็นว่าหลิวเยนตัดสินใจแล้วว่านเหลียงก็หันหลังตั้งใจจะเดินจากไปเพราะอย่างไรที่นี่ก็เป็นแหล่งที่อยู่ของศัตรูหากนางอยู่นานกว่านี้อาจถูกจับได้ก็เป็นได้
“คำพูดนั้นเจ้าเก็บไว้บอกเขาเองเถิด ไอคำว่าพ่อแม่รักเจ้ามากอะไรทำนองนี้ ผู้อื่นพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ย่อมมีแต่เจ้าที่พูดแล้วเด็กจะเชื่อ” ว่านเหลียงมองหลิวเยนอย่างไม่เข้าใจว่าจู่ๆทำไมหญิงสาวจึงกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา
เรื่องรักหรือไม่รักมันตัดสินกันได้ด้วยคำพูดเสียที่ไหน เวลาต่างหากเล่าที่พิสูจน์ทุกอย่าง และอย่างหลี่ซี่ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าในสายตาของเขาลูกชายคนนี้ไม่สำคัญแม้แต่นิดเดียว ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดปัญหาวุ่นวายอย่างตอนนี้หรอก!
ผู้หญิงโง่งมคนนี้ช่างยุ่งยากเสียจริง! ว่านเหลียงอดถอนหายใจไม่ได้ แต่เอาเถิดอย่างน้อยในเวลาเช่นนี้นางก็ยังฉลาดที่จะติดสินใจอยู่บ้าง
ว่านเหลียงไม่ยอมตอบรับคำขอของหลิวเยนหลิวเยนในแต่มองตามหลังของว่านเหลียงไปก่อนจะค่อยๆผุดรอยยิ้มออกมาและตามด้วยหยดน้ำใสๆที่ร่วงลงมาไม่ขาดสาย
“หากว่าข้าสามารถบอกเขาได้ด้วยตนเองข้าก็คงไม่ไหว้วานคนนอกหรอก ข้าเองก็รู้ว่าไม่ว่าผู้ใดบอกก็ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับตัวข้าบอก พ่อของเขาก็ละทิ้งเขาตั้งแต่เด็กๆ แต่ว่าในภายภาคหย้าเขาก็คงเหลือเพียงพ่อที่คอยเลี้ยงดูเขาแล้ว หากว่าสายสัมพันธ์ของพวกเขายังมีปัญหาแล้วจะให้ข้าทำเช่นไรต่อไปเล่า”
หลิวเยนเอ่ยกับตนเองเบาๆ ความจริงก็แค่อยากฝากว่านเหลียงให้บอกกับลูกนางว่าการที่พ่อของเขาทำเช่นนั้นเป็นเรื่องจำเป็น นางแค่เพียงไม่อยากให้พวกเขาเกิดปัญหาต่อกันในภายหน้าเท่านั้น
หลิวเยนไม่ได้นอนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นางเอาแต่โอกอดร่างของเด็กน้อยบนเตียงไว้ในอ้อมแขน ดวงตาของนางที่จ้องมองเด็กน้อยคล้ายกับกำลังจ้องมองลูกแท้ๆของตนอย่างไรอย่างนั้น
ในเช้าวันที่สองก็มีคนเรียกหลิวเยนให้ออกไปหลิวเยนจึงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนและเดินไปยังห้องโถง
หลี่อวิ่นลี่ยังคงแต่งกายเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด ร่างทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยเสน่ห์อันร้ายกาจที่ชวนให้ผู้คนลุ่มหลงและตื่นกลัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...