ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 397

ตอนที่ 397 บาดเจ็บ

“ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่พวกเจ้าที่มาปิดล้อมที่นี่เลย ทั้งกองทัพเมืองเก้อโจวก็คงต้องรับผิดชอบในการกระทำในวันนี้ของพวกเจ้าด้วยเช่นกัน” ชูเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆแต่ว่าทุกคนต่างก็รู้ดีว่านางกำลังพูดเรื่องจริง

หากฝ่าบาททรงกริ้วเมื่อใดทหารหลายพันนายต้องถูกประหารทันที

ไม่ว่าจะเป็นหลี่เฉินเย่นหรือว่าที่รัชทายาทอย่างหลี่ฉองเหลา หากว่าพวกเขาพลั้งมือสังหารผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา สังหารหญิงสาวที่ฮ่องเต้รัก สังหารมารดาของว่าที่รัชทายาท ไม่ว่าอย่างไรแค้นนี้ก็ต้องได้รับการชำระ พวกเขาไม่มีทางปล่อยพวกทหารเหล่านี้ไว้แน่

“เรื่องที่จะพูดข้าก็ได้พูดไปแล้ว หากว่าพวกเจ้ายังคิดที่จะสังหารข้าอีกงั้นก็ลงมือเถิด” ในช่วงที่ทุกคนกำลังนิ่งงันกันอยู่ชูเซี่ยก็ค่อยๆปล่อยนายทหารคนเมื่อครู่ช้าๆทั้งยังส่งหอกยาวกลับเข้ามือนายทหารผู้นั้นอีกด้วย

การเคลื่อนไหวของชูเซี่ยลื่นไหลราวสายน้ำ ทุกคนในที่นี่ต่างก็ประจักษ์ในฝีมือของนางทั้งนั้น หากว่านางไม่ยินยอมแล้วล่ะก็พวกเขาต่างก็ไม่มีใครเอาชีวิตนางได้แน่

อีกทั้งเหล่าคนในพรรคมังกรเหินคนอื่นๆที่คอยยืนสนับสนุนชูเซี่ยอยู่เบื้องหลังก็ล้วนเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธสูงส่ง หากว่าชูเซี่ยคิดจะสู้ขึ้นมาจริงๆพวกนางก็ย่อมสู้จนฝ่าออกไปได้ไม่ยากเย็นเช่นกัน

นายทหารคนเมื่อครู่ที่ถูกชูเซี่ยปล่อยตัวและส่งอาวุธคืนให้ก็ไม่ได้มองมาทางชูเซี่ยอย่างเคียดแค้นเหมือนก่อนแล้ว ตรงกันข้ามใบหน้าของเขากลับดูหวาดกลัวอยู่หลายส่วน

แม้จะไม่อยากยอมรับแต่อย่างไรก็ต้องยอมเพราะทุกอย่างที่ชูเซี่ยกล่าวมาล้วนเป็นเรื่องจริง

ในวันนี้หากว่าพวกเขาลงมือสังหารชูเซี่ยขึ้นมา กองทัพเก้อโจวทั้งกองทัพ ทหารอีกหลายพันนายก็ต้องจบชีวิตลงด้วยเช่นกัน

แล้วพวกเขาทั้งกองทัพต้องมาตายเพื่อแลกชีวิตกับชูเซี่ยแค่ชีวิตเดียว มันคุ้มค่าหรือ

ถึงแม้ว่านางจะเป็นตัวกาลกิณี ถึงแม้ว่านางจะเป็นนางปีศาจ ถึงแม้ว่านางจะผิดต่อฝ่าบาท ถึงแม้ว่านางจะผิดต่อแว่นแคว้นจริง แล้วการกระทำของพวกเขาในวันนี้เป็นการทำเพื่อแคว้นเหลียงจริงน่ะหรือ

ชูเซี่ยรู้สึกพึงพอใจเมื่อเห็นท่าทางตื่นกลัวของนายทหารคนนั้น นางค่อยๆถอยออกมาจากหอกที่กำลังจ่อมาที่หน้าอกของนางช้าๆ ในเมื่อเขาลงมือสังหารได้แต่นายทหารผู้นี้กลับไม่กล้าลงมือ

นายทหารผู้นั้นเห็นชูเซี่ยไม่กลัวแม้กระทั่งความตายจิตใจก็สับสนไปหมด เขาหันมามองชูเซี่ยก่อนเอ่ยถามเสียงตื่น “พวกเราทำเช่นนี้ก็เพราะเจ้าบีบบังคับพวกข้าไม่ใช่หรือไง เงินเดือนทหารของพวกเราถูกเจ้านำไปให้ทหารแคว้นหนานจ้าวและแคว้นจื่อสวี้ผลิตอาวุธหมดแล้ว เจ้ามันจิตใจชั่วช้า ข้า...ข้าจะต้องฆ่าเจ้าแน่!” ถึงจะพูดออกมาเช่นนั้นว่าจะลงมือสังหารชูเซี่ย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังรวบรวมความกล้าที่จะลงมือไม่ได้เสียที

“ดูท่าแล้วเจ้าเองก็คงมียศเป็นแม่ทัพใช่หรือไม่ เช่นั้นก็ลองใช้หัวคิดเอาเองเถิดว่าหากพรรคมังกรเหินของพวกข้าสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแคว้นหนานจ้าวและแคว้นจื่อสวี้แล้วจะมีผลดีกับพวกข้าอย่างไร นายหญิงของพวกข้าเป็นคนรักของฮ่องเต้ ลูหของนางก็เป็นว่าที่รัชทายาทของแคว้นเหลียง แล้วพวกเจ้าคิดหรือว่านางจะหาทางทรยศบ้านเมืองทรยศคนรัก ทรยศลูกของนาง คิดว่านางเสียสติงั้นหรือ!”

เมื่อครู่ที่เชียนซานยินชูเซี่ยกล่าวถึงฮ่องเต้และว่าที่รัชทายาทขึ้นมา เชียนซานก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นแผนการของหลี่อวิ่นลี่ที่ตั้งใจจะบีบให้ทหารใรกองทัพเมืองเก้อโจวมาสังหารนายหญิงของนาง

เขาพยายามออกอุบายให้ชูเซี่ยกลายเป็นหญิงสาวที่ทรยศบ้านเมืองทรยศแคว้น ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วชูเซี่ยเป็นคนที่มีความเป็นไปได้น้อยที่สุดด้วยซ้ำ

หลี่อวิ่นลี่เป็นคนที่สามารถอ่านใจคนได้ขาดก็จริงแต่ทว่าเขาเองก็ลืมไปว่าความรักเป็นสิ่งที่เขาคาดเดาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักระหว่างหนุ่มสาวหรือความรักของมารดาที่มีต่อลูก

“ผู้ใดบอกกันว่าลูกชายของนางเป็นว่าที่รัชทายาท ยามนี้ฮ่องเต้ก็ยังทรงยังหนุ่มยังแน่น...”

“หากพวกเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าต่อไปฝ่าบาทจะยกบัลลังก์ให้ผู้ใด แต่หากพวกเจ้าฆ่าข้าล่ะก็ ข้าก็มั่นใจว่าบัลลังก็มังกรต้องตกเป็นของลูกชายข้าแน่” ชูเซี่ยกล่าวยิ้มๆโดยไม่สนใจท่าทางแตกตื่นของเหล่าทหารที่ได้ฟัง

“ฮ่องเต้จะต้องมีโอรสอีกแน่ พระองค์...” แม่ทัพผู้นี้พยายามจะตอบโต้กลับแต่ก็ไม่รู้จะตอกหน้านางกลับอย่างไรดีเพราะเรื่องที่ฝ่าบาททรงรักและรอคอยชูเซี่ยผู้นี้มาตลอดห้าปีโดยไม่สนใจหญิงใดเรื่องนี้เหล่าประชาชนและทหารอย่างพวกเขาต่างก็รู้กันหมด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าชูเซี่ยไปเอาความมั่นใจถึงเพียงนี้มาจากที่ใด แต่น่าแปลกที่คำพูดของนางทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อเต็มหัวใจ

“นางกำลังทำให้พวกเราสับสน คิดจริงหรือว่ากล่าวออกมาเช่นนี้ ยกฝ่าบาทขึ้นมาอ้างจะทำให้พวกเราไม่กล้าสังหารเจ้า พรรคมังกรเหินยักยอกเงินของพวกเรา ทำให้ครอบครัวของเราไม่มีจะกินอยู่แล้ว พวกเราต้องสังหารนางเพื่อระบายความแค้นของพวกเราจึงจะถูก!” มีทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาลเพราะไม่เชื่อในสิ่งที่นางพูด ชูเซี่ยจึงได้แต่ลอบถอนหายใจอย่างระอาที่จู่ๆก็มีคนมายั่วยุให้ก่อความรุนแรงขึ้นอีกแล้ว

“หากว่าพรรคมังกรเหินริบเอาเงินเดือนของพวกเจ้ามาจริงราชสำนักย่อมไม่นิ่งเฉยปล่อยให้พวกเจ้าเกิดการต่อต้านขึ้นมาเช่นนี้หรอกนะ คิดบ้างหรือไม่ พวกเจ้าคิดจะปล่อยไปความโกรธเข้าครอบงำตนเองจนสุดท้ายต้องมาสังเวยชีวิตอย่างนั้นหรือ!” อาหมั่นที่เงียบอยู่นานตะโกนออกมาบ้าง

เรื่องเงินบัญชีและการจัดการทุกอย่างในพรรคล้วนเป็นตัวเขาที่รับผิดชอบ เขาย่อมชัดเจนที่สุดว่ากองคลังของราชสำนักไม่เคยผ่านมือของพรรคมังกรเหินเลยแม่แต่ตำลึงเดียวแต่พวกทหารเหล่านี้กลับมาโหวกเหวกโวยวายทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานด้วยซ้ำ

ทุกคนต่างก็ถูกการกระทำของชูเซี่ยที่จัดการกับแม่ทัพเมื่อครู่ทำให้ตื่นตกใจกันไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะโกรธแค้นมากเพียงใดแต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่พวกโง่เขลาเบาปัญญาที่จะไม่รู้จักรักษาเอาชีวิตรอด เมื่อมาคิดดูแล้วดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะปล่อยให้ความโกรธเข้าครอบงำสำนึกคิดเสียแล้ว

“ข้าจำได้ว่ากองทัพเมืองเก้อโจวเคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเจิ้นหยวนอ๋องไม่ใช่หรือ เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็เชื่อว่าหลายท่านในที่นี่ต่างก็ต้องเคยร่วมต่อสู้เพื่อแว่นแคว้นเคียงข้างกับท่านอ๋องใช่หรือไม่ ไม่รู้ว่าเจิ้นหยวนอ๋องจะคิดเช่นไรกับการกระทำของพวกเจ้าในวันนี้ จะผิดหวังบ้างหรือไม่นะ ไม่รู้ว่าหากว่าท่านอ๋องทราบว่าพวกเจ้าสังหารหญิงสาวที่น้องชายของเขารักพี่ชายกับน้องชายจะมองหน้ากันต่อไปได้อย่างไรเช่นกัน กองทัพทหารที่เคยจงรักภักดีต่อเขากลับสังหารคนที่น้องชายเขารักมากที่สุด” เมื่อชูเซี่ยเห็นว่านายทหารไม่หลงเหลือเค้าความโกรธจึงกล่าวต่อไป

ถ้าเมื่อครู่เป็นเพียงความโกรธเพียงชั่วครู่แล้วล่ะก็ ยามนี้เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดและเหตุผลของนางก็คงจะพอเข้าใจและสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้วล่ะนะ

“แน่นอนว่าหากวันนี้เจ้าสังหารนายหญิงของพวกข้านั่นก็ยิ่งกลายเป็นว่าพวกเจ้าได้สังหารอาจารย์และแม่บุญธรรมของท่านอานเหยียนบุตรชายเพียงคนเดียวของเจิ้นหยวนอ๋องเสียด้วย ทุกอย่างก็จะกลายเป็นว่าพวกเจ้ากำลังทำให้สายสัมพันธ์พ่อลูกของท่านอานเหยียนและเจิ้นหยวนอ๋องต้องสั่นคลอนไปด้วย” เชียนซานเห็นว่าคำพูดของนายหญิงทำให้พวกเขาเริ่มฉุกคิดขึ้นได้บ้างแล้วนางจึงรีบกล่าวสนับสนุนไปอีกสองสามประโยค

เรื่องของท่านอานเหยียนพวกเขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ชูเซี่ยเป็นมารดาบุญธรรมเรื่องนี้พวกเขาก็รู้เช่นกัน แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่านางจะเป็นอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาการแพทย์ให้แก่ท่านอานเหยียนด้วยเช่นกัน

เหล่านายทหารที่ปิดล้อมบ้านหลังนี้เริ่มมองมาที่ชูเซี่ยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป หากเทียบกับท่าทางเกลียดชังเมื่อครู่ก็นับว่าอ่อนลงมากจนแทบไม่เหลือ ท่านอ๋องเป็นวีรบุรุษที่พวกเขาต่างก็ยกย่องสรรเสริญ การที่ท่านอ๋องยอมมอบลูกชายเพียงคนเดียวให้ติดตามเรียนวิชาแพทย์กับหญิงสาวผู้นี้ก็แสดงว่าหญิงสาวผู้นี้ไม่ใช่คนนิสัยเลวร้ายไม่ใช่หรือ การกระทำของท่านอ๋องก็ชี้ชัดอยู่แล้ว เช่นนั้นวันนี้พวกเขาก็ทำเรื่องผิดพลาด...

เหล่าทหารต่างก็ยอมล่าถอยกลับไปในที่สุด ชูเซี่ยกำลังตั้งใจจะเอ่ยปากพูดอะไรออกไปก็มีหอกยาวแทงตรงเข้ามากลางอกของนาง

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่างของนางในทันที ชูเซี่ยทรุดร่างลงกับพื้นและกุมบาดแผลของนางเอาไว้ แม่ทัพผู้เป็นเจ้าของหอกตกใจจนใบหน้าถอดสีก่อนจะรีบเอ่ยปฏิเสธพัลวัน “ไม่ใช่ข้านะ ข้าไม่ได้อยากฆ่าเจ้า เจ้นหยวนอ๋องเองก็เคยช่วยชีวิตข้า ข้ายิ่งไม่อาจสังหารอาจารย์ของท่านอานเหยียนได้เช่นกัน ข้าไม่ได้...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า