สรุปเนื้อหา ตอนที่403เพื่อใคร – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บท ตอนที่403เพื่อใคร ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่403เพื่อใคร
“ท่านพี่เกาการที่แม่ทัพของพรรคมังรเหินสามารถนำทัพพวกเราหาญบุกพิชิตข้าศึกนั้นเป็นเกียรติยศที่หลายคนใฝ่หาแต่ก็ไม่มีทางได้มันมาทำไมเจ้า......”ซูเหย่นลุกขึ้นเห็นแววตาของเกาเต๋อกวางยังคงลังเลเขารู้สึกโมโหมากแทบอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปตบเกาเต๋อกวางผู้ไม่รู้สถานการณ์สักยก
“แต่ว่า......”เกาเต๋อกวางยังคงลังเลแม้ลึกๆแล้วเขาก็เข้าใจดีว่าการยอมทำตามคำสั่งของหลี่ฉางอันนั้นเป็นเพียงทางเลือกเดียวในตอนนี้
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าอยู่ที่นี่ต่อเถอะ”หลี่ฉางอันเองก็ไม่บังคับพูดจบพลันยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้คนของพรรคมังกรเหินเดินตามเขา
คนของซูเหย่นเองก็เดินตามข้างหลังอย่างว่าง่ายคนของเกาเต๋อกวางนั้นเดิมทีก็มีความลังเลเพราะเกาเต๋อกวางแต่เมื่อเห็นคนของซูเหย่นจากไปหมดแล้วคนของเกาเต๋อกวางก็เริ่มเดินตามพวกเขาไป
ตอนนี้ทหารเก้อโจวตกอยู่ในอันตรายไม่ใช่เวลาที่จะมาเถียงกันว่าใครจะนำทัพจริงๆอีกอย่างแม้จะส่งคนเหล่านี้ให้เกาเต๋อกวางหมดเขาจะมีปัญญาช่วยทหารเก้อโจวทางนู้นจริงๆรึ
เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือไม่ผู้ซึ่งยังไม่เข้าใจแม้กระทั่งสถานะของตนยังไงก็ไม่มีทางที่จะมีอนาคตที่สวยงาม
ดังนั้นเกาเต๋อกวางทำได้เพียงยืนมองทหารของตนเดินตามซูเหย่นไปสุดท้ายตรงประตูลานเล็กก็เหลือเพียงตนคนเดียว
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ไปเสียหน่อยข้าเพียงแต่รู้สึกว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของทหารเก้อโจวเราคนของทหารเก้อโจวเรานำทัพเองจะดีกว่า”เห็นได้ชัดว่าเกาเต๋อกวางรู้สึกว่าความคิดของตนสมเหตุสมผลพวกมีทหารห้าพันคนพรรคมังกรเหินมีเพียงสามพันคนเท่านั้นทำไมจึงให้คนของพรรคมังกรเหินเป็นแม่ทัพล่ะ
แน่นอนว่าความสังสัยในใจของเกาเต๋อกวางมีคำตอบทันทีในสงครามที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ไม่นานคนของพรรคมังกรเหินนั้นสามารถใช้กำลังที่น้อยกว่าชนะข้าศึกที่มีกำลังมากกว่าไร้เทียมทานจริงๆ
หลังสงครามจบลงเกาเต๋อกวางเคยพูดตอนเมาว่าพรรคมังกรเหินนั้นแม้จะเหลือเพียงคนเดียวก็ต้องให้เขาเป็นผู้บัญชาการ
แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดหลังจากนั้น
แผลตรงแขนของซูเหย่นยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดแต่เขากลับไม่รู้อะไรตอนนี้ในใจเขามีเพียงเหล่าเพื่อนยากในกองทัพเก้อโจว
“ซูเหย่นท่านนายหญิงของพวกข้าต้องการพบเจ้า”ไม่รู้ว่าว่านสู่นมาอยู่ตรงหน้าซูเหย่นตั้งแต่เมื่อไหร่พูดด้วยเสียงเบาแต่สีหน้าเยือกเย็นกับคนที่แทงท่านนายหญิงของตนบาดเจ็บนี้หล่อนไม่อยากแสดงสีหน้าดีๆเขาต่อเลยสักนิด
“ท่าน......ข้า......”ซูเหย่นคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ชูเซี่ยยังอยากพบตนหล่อนเจ็บหนักมากตอนนี้ควรดูแลอาการดีๆแต่เขา......ราวกับว่าเขามีเรื่องมากมายจะคุยกับชูเซี่ย
“เลิกพูดเหลวไหลได้แล้วรีบมาเถอะ”ว่านสู่นเห็นเขาทำท่าเหมือนจะพูดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและลังเลกระอักกระอ่วนพลันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดขึ้น
“ได้ข้าจะไปรีบเดี๋ยวนี้”ซูเหย่นพูดจบพลันเดินตามว่านสู่นอย่างว่าง่าย
“ขึ้นม้าเถอะ”เมื่อถึงหน้ารถม้าของชูเซี่ยซูเหย่นหยุดฝีเท้าลงเขารอชูเซี่ยพูดแต่คิดไม่ถึงว่าว่านสู่นจะเป็นคนพูดก่อน
“ไม่ได้หรอกนายหญิงชูเซี่ยเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทเกล้ากระหม่อมมิกล้าล่วงเกิน”ซูเหย่นตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของว่านสู่นหลังได้ยินพลันรีบถอยหลังไปสองก้าว
“วางใจเถอะมีฝ่าบาทอยู่ทั้งคนท่านนายหญิงไม่สนใจไก่อ่อนอย่างเจ้าหรอก”ว่านสู่นอดไม่ได้ที่จะพูดประชดหากไม่ใช่เป็นเพราะว่าชูเซี่ยได้ยินเสียงของหล่อนหล่อนจะบอกว่าซูเหย่นโง่เง่ามาก
“ข้า......”เห็นได้ชัดว่าซูเหย่นไม่เคยถูกใครประชดอย่างนี้แต่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นบ่าวรับใช้ของชูเซี่ยเขารู้สึกละอายต่อชูเซี่ยไปทั้งใจดังนั้นจึงทำได้เพียงเคืองอยู่ในใจยืนก้มหน้าอยู่ตรงนั้นและไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ว่านสู่นให้เขาขึ้นมา”ชูเซี่ยไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งสองหรอกหล่อนได้ยินเสียงของว่านสู่นดังอยู่ข้างนอกก็รีบพูดขึ้น
“ท่านนายหญิงเจ้านี่กังวลว่าท่านเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทเขาไม่กล้า”ว่านสู่นเห็นว่าซูเหย่นได้ยินเสียงของชูเซี่ยแล้วถอยหลังไปอีกก้าวพลันอดขำไม่ได้แต่ก็ไม่ลืมที่จะสัพยอก
“แม่ทัพซูสถานการณ์พิเศษฝ่าบาทเข้าใจได้น่ะเจ้าขึ้นมาเถอะ”เสียงอ่อนโยนเต็มไปด้วยความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิไม่ว่าซูเหย่นจะยืนกรานอย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ไปกับประโยคนี้เขาตอบรับเสียงเบาจากนั้นขึ้นรถไปอย่างไม่ลังเล
แต่มาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วแม้ว่าเขาแค่อยากใส่ใจชูเซี่ยเสียหน่อยก็รู้สึกค่อยข้าง......ไม่เหมาะสม
พวกเขาควรจะเป็นศัตรูกันแต่กลับกลายเป็นพันธมิตรที่มีศัตรูคนเดียวกันในเวลาอันสั้น
“แผลของข้าไม่เป็นอะไรแต่แผลของเจ้าหนักมากครั้งนี้ไม่ต้องเข้าสนามรบแล้วไม่เช่นนั้นแขนของเจ้าจะใช้การไม่ได้อีก”ชูเซี่ยล้างแผลให้ซูเหย่นเสร็จพลันพูดกับเขาอย่างจริงจัง
บนตัวของซูเหย่นเป็นแผลทะลุทะลวงไม่เพียงแต่ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บกระดูกก็หักแล้วด้วยแต่นี้หล่อนสามารถช่วยยึดกระดูกของเขาไว้แต่หากไปถือปืนเข้าสนามรบอีกอาจจะ......
“หายนะครั้งนี้ทหารเก้อโจวเราเป็นคนสร้างเข้าไม่เข้าสนามรบไม่ได้หรอก”ซูเหย่นฟังชูเซี่ยพูดจบพลันมองชูเซี่ยนิ่งๆจากนั้นจึงตัดสินใจพูดออกมา
“แม้แขนของเจ้าจะใช้การไม่ได้อีกต่อไปก็ไม่เป็นไรรึ”ชูเซี่ยไม่ค่อยเข้าใจการยืนกรานของเขาหล่อนคิดมาตลอดว่าซูเหย่นยังถือว่าเป็นคนว่าง่ายแต่คิดไม่ถึงว่ากับเรื่องนี้เขาจะดื้อรั้นอย่างนี้
หล่อนเรียกซูเหย่นขึ้นรถม้าเพื่อตรวจเช็คอาการของเขาอีกข้อหนึ่งก็คือต้องการบอกเขาว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าร่วมการรบแต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“ซูเหย่นเจ้าไม่ใช่พระเจ้าเจ้าคนเดียวเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้าไม่ได้หรอกดังนั้นปกป้องตนเองเถอะ”สำหรับพลทหารที่มีความมุทะลุและความฉลาดเหลียวคนนี้ชูเซี่ยเริ่มรู้สึกชื่นชมหล่อนเตือนด้วยเสียงเบาแต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ซูเหย่นได้ฟังหล่อนพูดแล้วพลันถามขึ้นเบาๆว่า“ท่านก็ไม่ใช่พระเจ้าเหมือนกันแผลของท่านก็หนักเช่นกัน”
“มันไม่เหมือนกัน”ชูเซี่ยอธิบายเสียงเบา
“สำหรับข้าแล้วล้วนแล้วแต่เหมือนกันทั้งนั้น”ซูเหย่นพูดอย่างมั่นใจแต่ชูเซี่ยกลับหัวเราะในทันใดหล่อนมองดูซูเหย่นดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาวบนฟ้า
“ไม่เหมือนกันน่ะที่ข้ามาในวันนี้ไม่เพียงแต่เพื่อทหารเก้อโจวเท่านั้นแต่มาเพื่อพระสวามีและลูกของข้าด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...