ตอน ตอนที่ 450 ความละอายใจของเฉินหยวนชิ่ง จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 450 ความละอายใจของเฉินหยวนชิ่ง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 450 ความละอายใจของเฉินหยวนชิ่ง
เช้าวันที่สองชูเซี่ยนำเชียนซานไปยังตำหนักโหรวหยี
บรรดาสาวใช้มิได้เห็นการปรากฏตัวของชูเซี่ย เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างแปลกประหลาด ในช่วงเวลาที่โหรวเฟยสลบไสลอยู่ ทุกๆวันเฉินหยวนชิ่งก็จะกลับมา ทุกๆวันเขาจะเฝ้าพูดคุยอยู่ที่ข้างใบหูของโหรวเฟย วาจาเหล่านั้นมักจะถูกคนที่คอยเฝ้าได้ยิน หลังจากนั้นก็จะเผยแพร่มาถึงหูของพวกเขา
สำหรับผู้ที่ทำได้เพียงคอยเฝ้าฟังคำพูดเหล่านั้นจากที่ไกลๆของนายหญิงแห่งพรรคมังกรเหิน พวกเขาค่อนข้างแน่ใจว่าหญิงผู้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจคับแคบและเห็นแก่ตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงมิเชื่อว่าชูเซี่ยจะเสด็จมาที่ตำหนักโหรวหยี โดยเฉพาะในเรื่องที่นางเอ่ยว่าจะช่วยถอนพิษให้โหรวเฟย
“ถวายบังคมเพคะนายหญิง ตำหนักแห่งนี้มิอนุญาตให้คนแปลกหน้าเข้ามาเพคะ” หญิงรับใช้ผู้นั้นจ้องมองชูเซี่ย ในดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ แต่วาจาที่เอ่ยออกมากลับเป็นถ้อยคำปฏิเสธ
เมื่อเชียนซานได้ฟังวาจาของหญิงรับใช้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในพระราชวังของฮ่องเต้นี้ ในตำหนักที่เหล่านางสนมอยู่เช่นตำหนักโหรวหยีของฮ่องเต้นี้ วาจาที่หญิงรับใช้เอ่ยออกมากลับเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพ เฉินหยวนชิ่งคิดว่าพระราชวังแห่งนี้เป็นสวนดอกไม้หลังเรือนของตนเองหรืออย่างไร?
หญิงรับใช้ผู้นั้นมองไปยังเชียนซาน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงแม้จะรู้ว่าผู้ที่เสด็จตามนายหญิงมาจะเป็นผู้อาวุโสของพรรคมังกรเหิน และเป็นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่ง แต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มเยาะของเชียนซาน นางจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “นี่คือคำสั่งของท่านแม่ทัพ ขอเชิญนายหญิงกลับไปเถอะเพคะ”
“พระราชวังแห่งนี้เป็นของฮ่องเต้ อีกทั้งผู้ที่บัญชาการทุกสิ่งอย่างในพระราชวังนี้ก็คือนายหญิงชูเซี่ย ดังนั้นทุกตำหนักในพระราชวังแห่งนี้นายหญิงของพวกข้าก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป ในส่วนของแม่ทัพอันใด ขอโทษทีเถิด เพราะข้ามิเคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้” เมื่อเชียนซานเห็นว่าหญิงรับใช้ยืนหยัดในความคิดของตนเช่นนี้ สีหน้าของนางก็กลายเป็นบูดบึ้ง
“แต่ทว่านี่คือตำหนักโหรวหยี เพลานี้โหรวเฟยกำลังสลบไสลไม่ได้สติ ท่านแม่ทัพเคยเอ่ยกำชับว่า ในตำหนักโหรวหยีแห่งนี้ นอกจากโหรวเฟยแล้ว พวกหม่อมฉันก็ฟังได้เพียงท่านแม่ทัพเท่านั้นเพคะ” หญิงรับใช้ค่อนข้างลำบากใจ นางรู้ว่าตำหนักโหรวหยีก็เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวัง แต่ทว่าท่านแม่ทัพเคยบอกแล้วว่าถ้าหากพวกเขาให้คนนอกเข้ามา พวกเขาก็จะถึงจุดจบของชีวิต!
“ตำหนักโหรวหยีก็เป็นของฮ่องเต้เช่นกัน นายหญิงแห่งพรรคมังกรเหินก็คือพระสนมเอก” เชียนซานเอ่ยเตือนผู้ที่มิเคารพอยู่ต่อหน้านายหญิงด้วยความหวังดี
หญิงรับใช้ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก นางเพียงแค่จ้องมองชูเซี่ยและเชียนซานอย่างตื่นตัว เนิ่นนานจึงเอ่ยออกมา “ผู้ใดจะรู้ว่าพวกพระองค์มาทำอันใดเพคะ ถ้าหากทำร้ายโหรวเฟยของพวกหม่อมฉัน หม่อมฉัน...”
ชูเซี่ยหัวเราะพลางจ้องมองหญิงรับใช้ที่ดื้อรั้น ก่อนจะเอ่ยกับเชียนซานเสียงเบา “ในเมื่อหญิงสาวผู้นี้เอ่ยออกมาว่าเป็นคำสั่งของแม่ทัพ ถ้าเช่นนั้นก็นำตัวนางส่งกลับไปที่เรือนแม่ทัพเถิด พระราชวังแห่งนี้ยังจะต้องฟังคำรับสั่งของข้าและฮ่องเต้”
น้ำเสียงของชูเซี่ยเรียบเฉย มิมีความโกรธเกรี้ยวใดใดแฝงอยู่ในวาจาของนาง เดิมทีนางไม่ได้ต้องการที่จะทำให้หญิงรับใช้อึดอัดใจ เพียงแต่ว่าหญิงรับใช้ผู้นี้ คำก็ท่านแม่ทัพสองคำก็ท่านแม่ทัพ ในสายตาของนางมีเพียงท่านแม่ทัพ มิได้มีชูเซี่ยและฮ่องเต้ พลันจิตใจของชูเซี่ยก็รู้สึกไม่สบายใจ
ดังนั้น การตาต่อตาฟันต่อฟัน คงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“พระองค์มิมีสิทธิ์เพคะ หม่อมฉันเป็นคนของจวนแม่ทัพ หม่อมฉัน...”
“เชียนซาน ให้คนนำตัวนางส่งไปที่เบื้องหน้าของเฉินหยวนชิ่ง นำว่าจะที่นางเอ่ยกับข้าในวันนี้ไปบอกกับเฉินหยวนชิ่ง” หลังจากเอ่ยจบ ชูเซี่ยก็มีสนใจหญิงรับใช้ผู้นั้นอีก นางเดินตรงเข้าไปยังตำหนักโหรวหยี
หญิงรับใช้ผู้นั้นถูกเชียนซานสั่งให้คนของพรรคมังกรเหินควบคุมตัวไว้ นางจ้องมองเบื้องหลังของชูเซี่ยอย่างร้อนใจ ก่อนจะตะโกนออกมา “ถ้าหากว่าเกิดอันใดขึ้นกับโหรวเฟย ท่านแม่ทัพของพวกหม่อมฉันมิปล่อยพระองค์ไปแน่เพคะ”
“ข้าบอกแล้วว่าข้ามาถอนพิษให้โหรวเฟย ถ้าหากข้ามีความคิดอันใดที่มิดีเกี่ยวกับโหรวเฟยของพวกเจ้า เช่นนั้นข้าก็มิจำเป็นต้องมาที่นี่ ก็ปล่อยให้นางนอนอยู่บนเตียงเป็นเจ้าหญิงนิทราเช่นนั้นมิดีกว่าหรือ?” เมื่อเอ่ยกับหญิงรับใช้ผู้นั้นแล้ว ชูเซี่ยก็มิมีอันใดจะพูดอีก นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนหญิงรับใช้ผู้นั้น
วาจาของนางเพิ่งเอ่ยจบ หญิงรับใช้ที่ดิ้นรนต่อต้านก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง นางจ้องมองชูเซี่ย เนิ่นนาน นานจนร่างของชูเซี่ยหายลับไป นางจึงจะสงบลงก่อนจะเอ่ย “ท่านแม่ทัพเคยเอ่ยว่าพระองค์ไม่ใช่คนดี มิสามารถให้พระองค์สัมผัสร่างกายโหรวเฟยของพวกหม่อมฉัน พระองค์....”
เฉินหยวนชิ่งคิดว่าเขาจะสามารถพูดคุยถึงเรื่องราวเก่าๆกับเฉินอวี่โหรวได้ทุกเมื่อเชื่อวัน และเมื่อคิดถึงว่านางจะสามารถเฝ้าอยู่ที่ข้างกายของตนเองอย่างเงียบเชียบ ในหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เฉินหยวนชิ่งเองล้วนไม่ได้สังเกตว่าตัวของเขาเองนั้นเชื่อใจชูเซี่ย เชื่อว่านางจะมิวางมือต่อน้องสาวเขา เชื่อว่านางจะสามารถรักษาน้องสาวของตนให้ดีได้
เฉินหยวนชิ่งยิ่งไม่ได้คิดว่าหลังจากที่ชูเซี่ยไปที่ตำหนักโหรวหยีเพื่อทำการถอนพิษให้น้องสาวของตนนั้น ในหัวสมองของเขากลับเต็มไปด้วยร่างเล็กๆของจิงโม่ ตั้งแต่เมื่อวานที่ต้องแยกกับจิงโม่ ในหัวสมองของเขาก็มีภาพที่ผิดหวังและเสียใจของจิงโม่ปรากฏออกมาอยู่เป็นระยะ
นางทำอย่างที่พูดจริงๆ ว่าจะบอกให้ท่านแม่มารักษาน้องสาวของเขาที่ตำหนักโหรวหยี แต่ทว่าตนเองกลับ...
เฉินหยวนชิ่งไม่มีประสบการณ์พูดคุยกับเด็กน้อย แต่เขาก็เข้าใจว่าวาจาที่เขาเอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัวนั้นโง่เขลาเพียงใด การให้ร้ายแม่ของเด็กคนหนึ่งต่อหน้านาง แต่ทว่าท่าทีที่นางปกป้องชูเซี่ยก็ทำให้คนใจสั่น
“ละอายใจ” ในยามที่เขาเดินตะบึงเข้าไปในพระราชวังคำๆนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขาอย่างไม่สามารถสลัดออกไปได้
สิ่งที่เฉินหยวนชิ่งยิ่งมิได้คิดถึงก็คือ เขากำลังคิดว่าควรจะทำเช่นไรให้จิงโม่พึงพอใจ ให้นางมิรู้สึกเกลียดในวาจาที่ตนเองเอ่ย เขารู้สึกชอบพอเด็กน้อยผู้ที่คล้ายถึงกับโหรวเฟยในวัยเด็กเป็นอย่างมาก เขามิต้องการให้จิงโม่ทำตัวห่างเหินเมื่อเห็นใบหน้าของตนเอง
เฉินหยวนชิ่งกระทั่งลืมไปแล้วว่าสิ่งที่ตนเองควรจะเป็นกังวลมากที่สุดก็คือน้องสาวที่มีร่างกายอ่อนแอที่สลบไสลอยู่ในตำหนักมาหลายคืนวัน
ผู้ที่เฝ้าอยู่ที่ข้างกายเฉินอวี่โหรวในเวลานี้เช่นชูเซี่ยมีใบหน้าที่เคร่งขรึม นางมิคิดว่ายาพิษในร่างกายของโหรวเฟยนั้นยุ่งยากซับซ้อนกว่ายาพิษที่อยู่ในร่างกายของตนเองมากนัก แต่ทว่ามันก็มีการเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้านี้....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...