สรุปเนื้อหา ตอนที่ 462 เห็นการเติบโตของเด็กๆ – ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บท ตอนที่ 462 เห็นการเติบโตของเด็กๆ ของ ชายาเกิดใหม่ของข้า ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 462 เห็นการเติบโตของเด็กๆ
“ท่านอาจารย์ ข้าแค่รู้สึกตั้งใจไปหน่อยจนลืมไปเลย ต่อไปข้าจะระวังมากกว่านี้”อานเหยียนพูดอธิบายด้วยรอยยิ้ม พูดจบจึงเดินจากไป
ชูเซี่ยพอเห็นอานเหยียนเดินจากไป ในใจมีคำพูดมากมายที่พูดไม่ออก เค้าได้ลูกศิษย์ที่ดีมากจริงๆ แต่อานเหยียน
ผู้ที่หลงใหลในวิชาแพทย์ แต่กลับใช้ร่างกายตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ชูเซี่ยรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่ที่จะต้องสั่งสอนอานเหยียน
ต้องพูดกับเค้าว่า มีเพียงร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้นจึงจะไปรักษาผู้คนได้อีกมากมาย
หลังจากที่รับอานเหยียนมาเป็นลูกศิษย์เค้าจึงพบว่า แท้จริงแล้วในการสอนลูกศิษย์นั้น ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดวิชาแพทย์ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องสอน
พอเห็นอานเหยียนค่อยๆเติบโต ความกังวลจึงกลายเป็นความชื่นใจ
อานเหยียนเห็นชูเซี่ยไม่พูดอะไร ไม่โดนออาจารย์ด่าว่าอะไรจึงเดินออกไปด้วยความดีใจ ชูเซี่ยจึงหันหลังไปพูดกับหมอเทพจูเก๋อ
ว่า “ต่อไปสอนเค้าอย่าให้เค้าทำอะไรมั่วอีก เค้ายังเป็นเด็กอยู่”ชูเซี่ยบอกหมอเทพจูเก๋อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก หากเป็นอาจารย์พอเห็นลูกศิษย์ตังใจเรียนรู้วิชาก็รู้สึกชื่นใจ อานเหยียนไม่เพียงแต่เป็นแค่ลูกศิษย์ของเค้า แต่เป็นลูกบุญธรรรมของเค้าด้วยเหมือนกัน เป็นชีวิตเล็กๆที่เค้าช่วยไว้อย่างยากลำบาก
“ข้าจะระวัง แต่ก็ยินดีกับเจ้าด้วยที่ได้ลูกศิษย์ที่ดีแบบนี้ ความฉลาดและใฝ่เรียนอย่างเขา ใช้เวลาไม่กี่ปี สำนักข้าจะมีหมอเทพอย่างอานเหยียน”หมอเทพจูเก๋อพูดด้วยความจริงใจ วิชาแพทย์พวกเขาก็ค่อนๆเรียนรู้เหมือนอานเหยียน ค่อยๆเก็บประสบการณ์ ก็ใช้ร่างกายตัวเองค่อยๆหนึ่งเข็มหนึ่งเข็มทดลองมาได้ ชัดเจนมากเลยอานเหยียนนั้นโหดกว่าพวกเขาและโหดกับตัวเองเช่นกัน
“ที่จริงแล้วข้าอยากให้เขาเป็นเพียงหมอธรรมดา แต่ถ้าหากวิชาเข็มทองนี้มีผู้มาสืบทอดวิชาอย่างเขา ข้าเองก็ชื่นใจ”ชูเซี่ยพูดออกมาจากใจจริง ในใจนั้นกลับรู้สึกเจ็บแทน
สุดท้ายชูเซี่ยถึงจะหายห่วงอานเหยียนและปรึกษาหารือกับหมอเทพจูเก๋อจนถึงยามดึก จูฟางหยวนจึงพาเด็กสองคนกลับมา
จิงโม่ยิ้มอย่างได้ใจบอกกับชูเซี่ยเรื่องที่ตัวเองไปแกล้งเฉินหยวนชิ่งแล้วไปปลอบใจเค้าจนสำเร็จ ชูเซี่ยมองมาที่จิงโม่โดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรดี
จิงโม่กำลังใช้วิธีของตัวเองในการช่วยเขา เพียงแต่เฉินหยวนชิ่งในแกนลึกนั้นเป็นผู้ชายที่หยิ่งยโส หากตั้งมั่นที่จะทำเรื่องไดแล้วไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ แต่จิงโม่เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง……
“ต่อไปพวกเจ้าทั้งสองจงเชื่อฟังและอยู๋กับพ่อบุญธรรมที่ตำหนักของท่านอา ท่านพ่อบุญธรรมของพวกเจ้าจะอยู่ดูแลกพวกเจ้า อย่าเข้าไปในวังบ่อย และอย่าเข้าใกล้เฉินหยวนชิ่ง” ชูเซี่ยพูดกับเด็กสองคนเบาๆ
“แม่ ท่านแม่ทัพเฉินเป็นคนดี เขาไม่ใช่คนร้าย”จิงโม่นึกกว่าชูเซี่ยจะเป็นห่วงตัวเอง จึงพูดตอบกลับไปด้วยความจริง
แม้ว่าเฉินหยวนชิ่งจะพูดว่าแม่ไม่ดี แต่สิ่งที่เขาทำให้กับจิงโม่ทั้งการแสดงความดีและความน่าเชื่อถือทำให้จิงโม่ซึ้งใจมาก ฉะนั้นถึงแม้รู้ว่าเขาเป็นศัตรูของแม่ จิงโม่ก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนดี
“จิงโม่ เจ้ายังเล็กเกินไป”
ชูเซี่ยอยากจะบอกจิงโม่ ไม่ใช่คนดีทุกคนบนโลกใบนี้ที่จะคุ้มค่าแก่การทำดีด้วย ตัวอย่างเช่น เฉินหยวนชิ่ง ความเกลียดชังที่เขามีต่อชูเซี่ยนั้นลึกจนฝังราก ไม่มีทางที่จะเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งทำให้มันเปลี่ยนแปลงไปได้
“ท่านแม่ ต่อไปถ้ามีโอกาส ข้าจะเตือนเขานะ”จิงโม่มองเห็นความกังวลในสายตาของชูเซี่ย จึงไม่ยื้อต่อ แค่พูดออกมาเบาๆ
ถ้าหากเข้าใกล้ เฉินหยวนชิ่งตอนแรกเพียงเพื่ออยากได้ความรู้สึกดีๆจาก เฉินหยวนชิ่ง ถึงตอนนี้ จิงโม่น่าจะหวังว่าพวกเขาจะปล่อยวางลง
ชูเซี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก ถึงแม้จิงโม่จะยีนยันก็ดี เดี๋ยวรอเค้าได้พบเจอแบบนี้ ก็จะรู้เองว่ามันลำบากและถอยออกมาเอง
นึกย้อนไปถึงตอนนั้น ตนเองก็เคยคิดที่จะคิดดีกับ เฉินหยวนชิ่ง แต่ว่า
ถ้าหากเป็นไปได้ ใครจะอยากมีศัตรูเพิ่มล่ะ
ชูเซี่ยหันไปมองหลี่เฉินเย่น ได้ยินเพียงหลี่เฉินเย่นพูดเบาๆว่า “ชูเซี่ย ข้ารอไม่ไหวแล้ว ข้าอยากจัดการพวกเขาให้แล้วเสร็จ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรอีก
“แต่ฐานะของหลันกุ้ยเฟยล่ะ?ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ว่าเมื่อก่อนเคยให้คนไปตามสืบ แต่ไม่ได้อะไรเลย”ชูเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาๆ ถึงแม้การที่หลันกุ้ยเฟยจะแสดงออกมาทำดีด้วย แต่ก่อนลงมือทำไปสืบก่อนก็ไม่เสียหายอะไร
“เค้าน่าจะไม่มีปัญหา หลายวันที่ผ่านมานี้เค้าพยายามทำดีด้วยหลายรอบ แต่ถ้าข้ายังไม่ไปอีก กลัวเดี๋ยวเค้าจะเปลี่ยนใจ”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงระวังตัวด้วย ทางพรรคมังกรเหินถ้าหากได้เบาะแสอะไร ข้าจะรีบมารายงานเจ้าคนแรก”ชูเซี่ยพูดตอบกลับ
“เพียงแค่วันนี้ข้าไม่อาจอยู่เพื่อนเจ้าได้ ต่อไปข้าจะมาหาเจ้าอีก เจ้าวางใจได้”หลี่เฉินเย่นอธิบายให้ชูเซี่ยฟังด้วยน้ำเสียงเบาๆ ชูเซี่ยมองหลี่เฉินเย่นโดยที่ไม่พูดรู้จะพูดอะไร หลี่เฉินเย่นกลับยิ้นแล้วบอกว่า“หลันกุ้ยเฟยบอกแล้ว ว่าเค้าชอบพระตำหนักหลันจือ พรุ่งนี้ข้าจะให้นางย้ายไป ที่นั้นมีทางลับไปถึงตำหนักฉ่ายเหว่ยได้ ฉะนั้น……”
“พอมาคิดดีๆ อย่างข้าแม้แต่อยู่กับผู้หญิงที่ชอบยังต้องหลบซ่อน มันช่าง……”หลี่เฉินเย่นตอนพูดก็ไม่ได้ที่จะอุทานออกมา แต่ในสายตาที่เติมไปด้วยความอบอุ่นและความสุขนั้นมันปิดไม่อยู่
ในใจลึกๆของเค้านั้น การได้อยู่กับชูเซี่ย เค้ายอมที่จะทำทุกอย่าง
“เจ้าไม่ต้องรีบร้อนมาอยู่เป็นเพื่อนข้า เรื่องวังหลังและราชสำนักทำให้ดีที่สุดก่อน ระหว่างเรา ระยะทางข้างหน้ายังอีกไกล”ชูเซี่ยเข้าใจว่าการที่เขาไปพระตำหนักหลันจือแล้วแอบมาหาตัวเองเพราะความเป็นห่วง แต่การแสดงก็ต้องทำให้เนียบกว่านี้ ไม่เช่นนั้นคนอาจจะสงสัยได้
“แต่เด็กในท้องเจ้ามีเพียงสิบเดือนเท่านั้น คนเป็นพ่ออย่างข้า ควรจะอยู๋กับเจ้าทั้งสิบเดือนนี้”
คำพูดของหลี่เฉินเย่น ทำให้ชูเซี่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เค้าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาปฏิเสธคนเป็นพ่อที่ต้องการอยู่ดูแลลูกเติบโต ถึงแม้เค้าจะพลาดตอนฉองเหลาและจิงโม่ แต่เค้าไม่อยากจะพลาดครั้งนี้อีก เด็กคนนี้อาจจะเป็นลูกคนสุดท้ายของพวกเขาได้
ความลับเหล่านั้นที่ไม่อาจจะบอกหลี่เฉินเย่นได้มาคลอด ทำให้วันนี้หลังจากที่ได้ยินหลี่เฉินเย่นพูด ลึกๆในใจของเค้าคือความเศร้า น้ำตาจู่ๆก็ไหลไม่หยุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...