ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 52

ตอที่ 52 ไม้แข็งไม้อ่อนล้วนไม่มีผล

เมื่อหลี่เฉินเย่นกลับไปเขาก็สั่งให้เสี่ยวซานจื่อไปสืบเรื่องราวจากเรือนหรูอี้ เสี่ยวซานจื่อเป็นองครักษ์ประจำกายของเขา มีหน้าที่คอยอารักขาความปลอดภัยของท่านอ๋องในช่วงกลางคืน

จนกระทั่งช่วงค่ำเสี่ยวซานจื่อก็กลับมารายงานต่อเขา “เรียนท่านอ๋อง เรื่องราวเป็นดังเช่นที่โหร่วเฟยกล่าวมาจริงพะย่ะค่ะ วันนี้พระชายาใช้เข็มฝังที่บาดแผลบริเวณขาของตนเองจริงๆทั้งนางยังใช้มีดเฉือนเนื้อบริเวณแผลอีกด้วย”

หลี่เฉินเย่นบันดาลโทสะออกมา “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง!”

เสี่ยวซานจื่อรู้สึกลังเลเล็กน้อย “ข้าน้อยไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดพระชายาจึงได้ทำเช่นนี้ นางดูไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยทั้งยังดูคุ้นชินอย่างยิ่ง การฝังเข็มของนางยังดูละเอียดไม่ใช่เพียงแค่ฝังลงไปบนแผลลวกๆ ข้าน้อยคิดว่าที่พระชายาทำเช่นนี้ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่”

“เหตุผลอะไรกันเล่า” หลี่เฉินเย่นดูไม่พอใจเล็กน้อย “บาดแผลของนางจนป่านนี้ก็ยังไม่ตกสะเก็ด แม้กระทั่งจูเก๋อหมิงยังไม่อาจรักษานางให้หายได้ เห็นได้ชัดว่านางจงใจทำให้บาดแผลของตนเองเป็นเช่นนั้น”

“ทว่าหากพระชายาทำเช่นนี้เพียงเพื่อต้องการแก่งแย่งท่านอ๋องจริง แต่นางก็ไม่เคยเอ่ยถึงอาการบาดเจ็บของตนเองต่อ หน้าท่านอ๋องเลยสักนิด ทั้งยังไม่ได้พยายามทำตัวให้เป็นที่รักใคร่ชอบพอของท่านเลยสักครั้ง หากที่นางทำไปทั้งหมดไม่ใช่เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากท่านแล้วล่ะก็การที่นางทำร้ายร่างกายตนเองเช่นนี้เป็นเพราะอะไรกันแน่ หรือนางอาจจะเสียใจมากจนทนไม่ไหว” เสี่ยวซานจื่อคาดเดาตามที่เขาเห็น ใบหน้าของชูเซี่ยในสายตาของเขาช่างดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก ทั้งหลายวันมานี้นางก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยทั้งยังเก็บตัวอยู่ในเรือนหรูอี้ตลอดเวลา แต่เขาก็มองออกว่าในใจของนางคงมีความไม่สบายใจอยู่หลายส่วน

หลี่เฉินเย่นเอ่ยเสียงเย็นชา “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร การที่นางทำเช่นนี้ก็นับว่าใช้มารยาสาไถยทั้งสิ้น” เขาไม่ได้เอ่ย ความในใจของตนออกมาว่าทั้งหมดเป็นเพราะคืนนั้นเขาอยู่กับหลิวมี่เหอทำให้นางเกิดน้อยใจจนทำร้ายร่างกายตนเองเพื่อประท้วงเขา

เสี่ยวซานจื่อถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้นจะให้ทำเช่นไรต่อไปขอรับ”

หลี่เฉินเย่นใบหน้าหมองคล้ำก่อนเอ่ยเสียงต่ำ “ไม่ต้องสนใจนาง หากนางชอบทำเช่นนี้ก็ให้นางทำต่อไป!”

เสี่ยวซานจื่อรู้สึกกังวลใจนัก “แต่ว่า หากปล่อยให้พระชายาทำเช่นนี้ทุกวัน ข้าน้อยเกรงว่า...”

“จะกลัวอะไรเล่า นางเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเองแท้ๆ” หลี่เฉินเย่นไล่เสี่ยวซานจื่อให้ออกจากห้องไปก่อนที่จะเหลือเพียงเขาที่โมโหกระฟัดกระเฟียดอยู่เพียงผู้เดียวในห้อง

เขาโมโหมาก โมโหมากเสียจนไม่อยากจะสนใจนางอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นห่วงร่างกายของนางมาตลอดจนไม่อนุญาตให้นางลงจากเตียงโดยเด็ดขาดจนกว่าบาดแผลของนางจะหายดี แต่ทว่าเมื่อนางรู้ว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยนางกลับเลือกที่จะใช้วิธีทำร้ายตนเองมาเรียกร้องความสนใจของเขาเสียได้

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกดีกับชูเซี่ยก็จริงอยู่แต่ทว่าเมื่อเขารู้ความจริงว่านางทำร้ายตนเอง ทุกอย่างที่ผ่านมาก็สูญเปล่าแม้แต่

ความรู้สึกผิดที่นางมาเห็นเขาอยู่กับหลิวมี่เหอในคืนนั้นก็หายไปจนสิ้น

บางทีนางอาจจะเป็นหลิวหยิงหลงคนเดิมก็เป็นได้

เมื่อจูเก๋อหมิงมาหาชายหนุ่มในช่วงค่ำ เขาก็เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้หมอหนุ่มฟังโดยละเอียด เมื่อจูเก๋อหมิงได้ฟังก็

ประหลาดใจอย่างยิ่ง “ไม่แปลกเลยที่จนป่านนี้แผลของนางจึงไม่หายเสียที ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

หลี่เฉินเย่นเอ่ยออกมาอย่างสลดใจ “หรือว่าที่ผ่านมาพวกข้าถูกนางหลอกลวงมาตลอด”

“แม้ว่าการที่นางทำเช่นนี้แต่ข้าก็ยังมีข้อสงสัยอยู่ดี ไม่ว่าจะมองเช่นไรนางก็ไม่ใช่หลิวหยิงหลงอยู่ดี ข้าเคยไปปรึกษาเรื่องวิญญาณกลับชาติมาเกิดกับท่านราชครูมาแล้ว ท่านราชครูก็บอกกับข้าว่าในโลกใบนี้มีเรื่องราวเช่นนี้อยู่จริงอีกทั้งท่านยังเคยเห็นมากับตาตนเองอีกด้วย ตามคำกล่าวที่ว่าสันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้ ต่อให้นางจะเปลี่ยนแปลงตัวเองแค่ไหนก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงนิสัยได้อย่างสมบูรณ์หรอกนะ ข้าเชื่อว่าบางทีนี่อาจจะเป็นเพราะว่ามีวิญญาณดวงอื่นมาสิงร่างก็เป็นได้” จูเก๋อหมิงเอ่ย

หลี่เฉินเย่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนภูเขาระหว่างเขาและนางทั้งยังมีความใกล้ชิดของทั้งคู่ในห้องเมื่อหลายวันก่อน

ความสะนิดชิดเชื้อระหว่างเขาและนางค่อยๆเพิ่มขึ้นมาทีละนิด จริงอย่างทีจูเก๋อหมิงกล่าวมา แต่ทว่าขนาดเขาที่เห็นด้วยตาตนเองยังไม่เชื่อแล้วประสาอะไรกับเรื่องเหลือเชื่ออย่างการกลับมาชาติมาเกิดหรือวิญญาณสิงร่างพวกนี้ เขาไม่เคยรักหลิวหยิงหลงมาก่อน จนยามนี้แม้ว่านางจะเป็นชูเซี่ย ดียิ่งนัก ตอนนี้นางชื่อว่าชูเซี่ยจริงหรือไม่เขาก็ยังไม่รู้แน่ ต่อให้นางกลับชาติมาเกิดจริงๆ นางก็เป็นแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องให้ความสนใจไม่ใช่หรือไงเล่า

ดังนั้นในท้ายที่สุดเขาก็รู้สึกปลงขึ้นมาบ้างแล้ว “ช่างเถิด ไม่ต้องสนใจนางแล้วล่ะ นางอยากทำเช่นไรก็ปล่อยนางเถิด” เขาวางฝ่ามือลงบนเข่าของตนก่อนลองลูบดูเบาๆก็ยังไม่มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย “ยามนี้ข้าก็เป็นเพียงคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น ยังจะไปสนใจอาการบาดเจ็บของผู้อื่นให้ได้อะไรขึ้นมากัน ต่อให้นางเป็นหลิวหยิงหลงที่ทำร้ายฉ่ายเวินจริง ต่อให้นางพิการขาเดินไม่ได้ข้าก็ไม่สงสารนางแม้แต่น้อย ต่อให้นางไม่ใช่หลิวหยิงหลง เป็นเพียงแค่วิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น ต่อให้นางทำให้ขาตนเองบาดเจ็บแค่ไหนก็ไม่ใช่ร่างของนาง ไม่จำเป็นต้องเสียดายอะไร”

ชายหนุ่มกล่าวเช่นนี้ทั้งที่ใจไม่ได้คิดเช่นนั้นแม้แต่น้อย เมื่อเอ่ยออกมาหัวใจของตนเองก็ปวดหนึบขึ้นมาราวกับว่าชูเซี่ยจะหายไปจากชีวิตเขาจริงๆ

จูเก๋อหมิงสังเกตเห็นว่ายามนี้จิตใจของอีกฝ่ายเริ่มหดหู่ขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่บันดาลโทสะกับเก้าอี้รถเข็น

เช่นนั้นหรอก แม้แต่ในยามที่เขาเอ่ยถึงเรื่องที่นางทำร้ายตนเอง ปากก็พร่ำบอกว่าไม่สนใจนางแม้แต่น้อยแต่กลับปล่อยให้นางมีผลกระทบต่อจิตใจของเขาถึงเพียงนี้ ภายในใจของคนก็เหมือนกับกล่องลับใบหนึ่งที่บางครั้งแม้แต่เจ้าของมันจะพยายามสอดส่องมองหาเพียงใดก็ไม่แน่ว่าจะเจอ ก็เหมือนกับความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อชายาของตน ทั้งที่ชายหนุ่มตกหลุมรักหญิงสาวเข้าแล้วแต่ก็ไม่ยอมรับมันเสียอย่างนั้น

ดังนั้นหลายวันมานี้ชูเซี่ยไม่ได้มาเยี่ยมเยียนหลี่เฉินเย่น ทางด้านหลี่เฉินเย่นเองก็ไม่ได้มาหาชูเซี่ยอีกเลย

แต่กระนั้นเขาก็ยังคงให้เสี่ยวซานจื่อคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของชูเซี่ยอย่างใกล้ชิดและกลับมารายงานเขาทุกคืน ทุกครั้งที่เสี่ยวซานจื่อกลับมารายงานเขา หัวใจของเขาก็ด่ำดิ่งลึกลงไปทุกขณะ

ในคืนนี้ยามที่เขากำลังดื่มสุราขณะฟังเสี่ยวซานจื่อรายงานเรื่องของพระชายา วันนี้เกือบทั้งวันนางใช้เวลาไปกับการ

ฝังเข็มบนร่างของตนเอง ไม่เพียงแค่ขาทั้งสองข้าง แม้แต่หน้าผากของนางก็ยังกล้าฝังเข็มลงไป เมื่อชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็โกรธเสียจนขว้างขวดสุราจนแตกกระจาย ร่างกายของเขาเย็นเฉียบจนเลือดในกายแทบจะจับตัวเป็นก้อนน้ำแข็ง

ชายหนุ่มส่งเสียงคำรามออกมา “แท้จริงแล้วนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เพียงแค่คืนนั้นข้าร่มเตียงกับหลิวมี่เหอเท่านั้นงั้นหรือ เพียงเท่านั้นจริงๆนะหรือ”

เสี่ยวซานจื่อเห็นนายของตนเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้มีหรือจะกล้าส่งเสียงอะไรออกไป เขาทำแค่เพียงถอยหลังไปก้าวหนึ่งยืนนิ่งๆไม่เอ่ยหรือส่งเสียงอะไรออกไป

หลี่เฉินเย่นยิ่งมาก็ยิ่งทวีความเดือดดาลมากขึ้น ฝ่ามือหนากระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังอยากจะผุดลุกขึ้นมาแต่ทว่าขาของเขายังไล่เรี่ยวแรงจนทำให้ร่างกายเกือบจะทรุดลงไปกับพื้นแต่เสี่ยวซานจื่อก็มาพยุงร่างของเขาไว้ได้ทัน “ท่านอ๋องโปรดระงับโทสะก่อนเถิด อย่าได้ขยับกายส่งเดช หากท่านไม่อยากเห็นพระชายาทำเช่นนี้ท่านก็ไปดูนางหน่อยเถิดขอรับ!”

เสี่ยวซานจื่อจับตาดูพระชายาอยู่หลายวันก็มองไม่เห็นเหตุผลที่อีกฝ่ายทำเช่นนั้น จิตใจของเขาจึงเริ่มเอนเอียงว่าที่ชูเซี่ยทำเช่นนี้เพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากท่านอ๋องเพียงเท่านั้นจึงได้แสดงท่าทีแง่งอนอีกฝ่ายจนทำร้ายตนเอง มิฉะนั้นจะมีคำอธิบายแบบไหนที่ดูเข้าท่ากว่านี้อีกเล่า

หลี่เฉินเย่นเกรี้ยวกราดยิ่งนัก “เอาเก้าอี้นี่ไปทิ้งเดี๋ยวนี้ ข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณนาง!”

เสี่ยวซานจื่อตื่นตกใจยิ่งก่อนจะรีบร้อนเอ่ย “ท่านอ๋องได้โปรดอย่าวู่วาม รถเข็นคันนี้ทำงานได้ดีเลิศทั้งยังต้องใช้ความ

พยายามและใส่ใจอย่างมากกว่าจะทำออกมาได้ หาได้ยากนัก อีกทั้งรถเข็นนี้พระชายาก็สู้อุตส่าห์ลำบากหามาเพื่อท่าน...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า