ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 558

สรุปบท ตอนที่ 558 แก่แล้วจึงทนต่อการขบเคี้ยว: ชายาเกิดใหม่ของข้า

อ่านสรุป ตอนที่ 558 แก่แล้วจึงทนต่อการขบเคี้ยว จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่

บทที่ ตอนที่ 558 แก่แล้วจึงทนต่อการขบเคี้ยว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 558 แก่แล้วจึงทนต่อการขบเคี้ยว

หลางฟงติ่งในตอนนี้ ว่านเหลียงเปลี่ยนภูมิประเทศที่ตนได้สำรวจมาแล้วเป็นภาพสเก็ต และเตรียมใช้ช่องทางอ๋องจิ่วส่งข้อมูลนี้ออกไป

เธอมาอยู่หลางฟงติ่งเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้รู้ข้อสรุปของหลี่อวิ๋นลี่ ในที่สุดเธอก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้แล้ว กลับไปหาเจ้าสำนักของเธอ

เธอเริ่มคิดถึงเจ้าสำนักแล้ว แม้ตอนอยู่หลางฟงติ่งรักกับอ๋องจิ่วปานจะกลืนกลิ่น แต่เธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้หญิงที่หวังพึ่งแต่สามีไม่ได้ เธอยังคงต้องการกลับไปอยู่ข้างๆเจ้าสำนัก ต้องการสู้ไปกับเจ้าสำนัก คอยทำหน้าที่สนับสนุนจักพรรค

เธอสเก็ตภาพภูมิประเทศของหลางฟงติ่งที่ตนเข้าใจอย่างตื่นเต้น จากนั้นปิดซองจดหมาย และไปหาอ๋องจิ่วอย่างรีบเร่ง แต่คิดไม่ถึงว่าอ๋องจิ่วจะเป็นคนมาหาเสียเอง

“ช่วยส่งข้อมูลส่วนนี้ให้เจ้าสำนักด้วยเถิด หลวี่หนิงและผู้อาวุโสเชียนซานพวกเขาต้องการข้อมูลส่วนนี้มากที่สุด” ระหว่างที่พูดอ๋องจิ่วได้ยื่นมือไปรับเอกสารนั้นมาถือไว้แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ทำตามที่ว่านเหลียงบอก ที่ให้รีบส่งข้อมูลส่วนนี้ออกไป แต่เขากลับเก็บมันเข้าไปในแขนเสื้อ จากนั้นเดินเข้าไปในห้อง ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นยังไงอย่างงั้น

พักนี้ชินกับการที่อ๋องจิ่วปฏิบัติตามทุกสิ่งที่พูด แต่จู่ๆเขาก็ทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่ตนพูด ในความตกใจก็มีความสงสัยแฝงมาด้วย

“อ๋องจิ่ว เจ้าชอบเจ้าสำนักของพวกข้าใช่หรือไม่ ท่านน่าจะรู้ดีว่าสิ่งที่เจ้าสำนักพวกข้าต้องการที่สุดก็คือสิ่งนี้” ในที่สุดว่านเหลียงก็เก็บความสงสัยในใจไม่ได้ จึงพลันถามขึ้นด้วยเสียงเบา

“ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่า คนที่ข้าชอบไม่ใช่เจ้าสำนักของพวกเจ้า คนที่ข้าชอบคือเจ้าต่างหากล่ะ” อ๋องจิ่วพูดกับว่านเหลียงอย่างจริงจัง ราวกับว่าสิ่งที่กำลังคุยกันอยู่นี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย

“มันไม่ต่างกันเลย เพราะสิ่งที่ข้าและท่านเจ้าสำนักคิดนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน” ว่านเหลียงยังไม่รู้สึกถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของอ๋องจิ่ว เพียงแต่เน้นว่าข้อมูลส่วนนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเป็นท่านเจ้าสำนักหรือตนเอง สิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือเส้นทางในหลางฟงติ่ง พวกเขาต้องรู้จุดอ่อนของหลางฟงติ่งก่อน จึงจะสามารถจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็วได้

“อื้ม แต่อย่างไรเสียคนที่ข้าชอบก็คือเจ้า ต่อไปนี้ห้ามพูดว่าข้าชอบเจ้าสำนักของพวกเจ้าอีก เจ้าสำนักพวกเจ้าไม่ชอบฟังอะไรแบบนี้หรอก หลี่เฉินเย่นเองก็คงไม่ชอบใจเหมือนกัน” อ๋องจิ่วมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า พลันหัวเราะและพูดขึ้น

“แต่นี่เป็นความจริง หากท่านไม่ได้ชอบเจ้าสำนักพวกข้า ทำไมต้องทรยศหลี่อวิ๋นลี่ล่ะ ไม่ใช่ว่าท่านคิดดีแล้วที่จะเป็นกบฏ ทำเพื่อเจ้าสำนักถึงขั้นนี้ ความดีเหล่านี้ที่ท่านมีต่อเจ้าสำนักพวกข้า ควรให้เธอได้รับรู้ และควรให้ฝ่าบาททรงรับรู้ด้วย อย่างนี้ฝ่าบาทถึงจะมีความหวั่นวิตก และดีกับเจ้าสำนักพวกข้าในอนาคต” ว่านเหลียงสั่งสอนอ๋องจิ่วด้วยรอยยิ้ม

“ว่านเหลียง ที่ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อต้องการไถ่บาป ไม่ได้เป็นเพราะว่าชอบใคร” อ๋องจิ่วไม่สามารถใช้ภาษามาบรรยายตรรกะของว่านเหลียงแล้ว เขาทำได้เพียงพูดความจริง แม้จะเป็นความจริงก็ต้องถูกว่านเหลียงบิดเบือนอยู่ดี

“แต่การที่ท่านชอบเจ้าสำนักพวกข้าก็เป็นความจริงเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องที่ท่านแก้ตัวแล้วก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะข้าใจกว้างจึงไม่สนใจว่าท่านเคยชอบเจ้าสำนักพวกข้า แต่จะว่าไปแล้ว คิดไปคิดมาไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจ แต่เป็นเพราะว่าข้าเข้าใจดีว่า เจ้าสำนักพวกข้าไม่มีทางเจ้าท่านหรอก ดังนั้นข้าจึงไม่สนใจ ข้า......” ว่านเหลียงบิดเบือนประเด็นการสนทนาของพวกเขาสำเร็จจนได้ แต่เมื่อถึงประเด็นหลักจริงๆ อ๋องจิ่วกลับดูเหนื่อยและง่วง

“วิกฤตอยู่ตรงหน้าแล้วเจ้ายังกล้านอนหลับอีก เจ้านี่ช่าง......” ว่านเหลียงเห็นอ๋องจิ่วกำลังจะหลับ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธไว้อีกแล้ว จึงตบไปที่ไหล่ของอ๋องจิ่ว

“เจ้ารู้ด้วยรึว่าวิกฤตอยู่ตรงหน้า วิกฤตอยู่ตรงหน้าแต่เจ้าก็ยังพูดถึงแต่ความใจกว้างของตนเอง เจ้าสนใจสถานการณ์ที่ไหนกันล่ะ” อ๋องจิ่วพูดเตือนแบบยิ้มๆ ว่านเหลียงเพิ่งรู้ตัวว่าตนนอกประเด็นไปไกลเกินไปแล้ว และลืมเรื่องที่จะให้อ๋องจิ่วช่วยส่งข่าวไปโดยสิ้นเชิง

แต่การจากลาครั้งนี้ เป็นการจากตาย เป็นการตายที่ไม่มีใครสามารถขวางกั้นได้ แม้ฝีมือการแพทย์ของหล่อนจะเหนือกว่าใคร แต่ก็น่าจะไม่สามารถช่วยให้คนๆหนึ่งที่เสียเลือดมากเกินไปมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

เขาเพียงแต่ไม่ต้องการให้วินาทีสุดท้ายนั้นมาถึง เพราะเข้าใจดี ดังนั้นยิ่งรู้สึกทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้กับวินาทีนั้นที่จะมาถึง

“ทำไมจึงดีต่อทุกฝ่ายล่ะ เจ้าทำอย่างนี้ไม่ดีต่อข้าเลย เจ้าไม่รู้รึว่าช่วงเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่หนึ่งวันผ่านไปนานเหมือนหนึ่งปี ตอนนี้ข้าเพียงอยากกลับไปอยู่ข้างเจ้าสำนัก ข้าไม่อยากยุ่งกับชายชราอย่างท่านอย่างไม่หยุดไม่หย่อนหรอก......” เป็นเพราะความโมโหในใจ ว่านเหลียงจึงใช้คำผิดๆถูกๆ

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ ชายชรา......” เดิมทีอ๋องจิ่วยังรู้สึกละลายต่อว่านเหลียงเรื่องข่าวสาร แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะให้คำนิยามตนเองว่าชายชรา และยังพูดอีกว่าอยู่ที่นี่หนึ่งวันผ่านไปนานเหมือนหนึ่งปี

เขาคิดว่าตนได้ตามใจว่านเหลียงมากพอแล้ว เขาคิดว่าการที่ว่านเหลียงอยู่ข้างเขาแม้จะไปไหนมาไหนแค่บริเวณหลางฟงติ่ง แต่เขาก็ได้สร้างยิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระ

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ความจริงแล้ว การอยู่ที่นี่หนึ่งวันจะนานเหมือนหนึ่งปี ความจริงแล้วตนเป็นเพียงชายชรา......

“อื้ม เมื่อเทียบกับฝ่าบาทแล้ว ท่านชราแล้วจริงๆ ดังนั้นเจ้าสำนักพวกข้าจึงไม่ชอบท่าน แต่ความชอบของข้าและเจ้าสำนักข้าไม่เหมือนกัน ข้าชอบอะไรที่มันแก่ๆ ไม่ว่าเนื้อหรือผัก แก่แล้วถึงจะมีความมันในการคบเคี้ยว แก่แล้วถึงจะมีรสชาติ พูดจริงๆนะ นี่ไม่ได้พูดยอ สิ่งที่ข้าพูดคือความจริง” แม้ว่านเหลียงจะพึ่งพาไม่ได้ แต่ก็เป็นผู้พูดที่มีไหวพริบดีเยี่ยม เมื่อรู้สึกถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของอ๋องจิ่ว เธอดับไฟในใจของตนในทันที พลันยิ้มและรีบพูดเอาใจอ๋องจิ่ว

อ๋องจิ่วเห็นหล่อนไม่คิดถึงเรื่องข่าวสารแล้ว พลันรู้สึกโล่งอกไปที ยอมให้เธอตามตนไป ราวกับเด็กที่ทำความผิด แล้วมาขอโทษ อธิบาย......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า