ตอนที่ 59 หัวใจผู้ชายที่อ่อนแอ
จูเก๋อหมิงรู้สึกพอใจในคำตอบนี้ของนางยิ่งนัก ท่านหมอหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “เจ้าสามารถเริ่มงานได้เมื่อไหร่”
ชูเซี่ยคลี่ยิ้มสดใส “ตอนนี้เลย เริ่มงานได้เลยเจ้าค่ะ”
“ตอนนี้หรือ ที่นี่พวกข้าไม่มีรวมที่พักอาศัย เจ้ามีที่ลงหลักปักฐานแล้วหรือ ได้ยินว่าเจ้าจูงลามาด้วยหนึ่งตัว แสดงว่าคงเพิ่งจะเข้ามายังเมืองหลวงไม่ใช่หรือ เจ้าไปหาที่พักก่อนเถิดหาได้แล้วไม่กี่วันค่อยมาเริ่มงานอีกทีก็ได้”
“ไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ โรงเตี๊ยมมีอยู่มากมาย ข้าหาโรงเตี๊ยมไว้พักชั่วคราวก่อนก็ได้เจ้าค่ะ” ชูเซี่ยลุกขึ้นกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปบอกลาเจ้าลาของข้าเสียหน่อย จากนั้นเราก็สามารถเริ่มงานกันได้เลยเจ้าค่ะ”
จูเก๋อหมิงนิ่งอึ้ง “บอกลาเจ้าลาเนี่ยนะ ลาของเจ้า เป็นแค่ลาธรรมดาๆเท่านั้นใช่หรือไม่”
ชูเซี่ยเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ “ใช่สิเจ้าคะ แม้ว่าจะเป็นลา ทว่ายามนี้ก็เป็นเหมือนญาติสนิทเพียงคนเดียวที่ข้ามีเจ้าค่ะ”
สีหน้าของจูเก๋อหมิงอ่อนโยนยามจ้องมองหญิงสาวที่แน่วแน่และสดใสคนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกทั้งเอ็นดูและสงสารหญิงสาวผู้นี้นัก
การหาที่พักชั่วคราวใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดเพราะเพียงไม่นานจูเก๋อหมิงก็สามารถหาที่พักให้ชูเซี่ยได้แล้ว
ห้องพักอยู่ละแวกเดียวกันกับโรงหมอ เป็นบ้านเช่าหลังเล็กมีสองห้องนอน ห้องโถงนับว่าใหญ่กว่าห้องนอนมากอยู่ ใน
บ้านไม่มีเครื่องเรือนใดๆให้แม้กระทั่งเตียงนอนก็ต้องไปหาซื้อมาเอง จูเก๋อหมิงไม่ทราบว่าชูเซี่ยมีเงินติดตัวมากี่มากน้อย ดังนั้นเขาจึงเป็นคนออกค่าใช้จ่ายพวกเครื่องเรือนและข้าวของที่จำเป็นให้แก่นางทั้งหมด ทั้งยังจัดแต่งวางข้าวของให้เสียเรียบร้อยดูดี
ชูเซี่ยสร้างพื้นที่ในโรงเก็บของสำหรับเป็นบ้านให้นายท่านเหมา(ชื่อลา)ของนาง และเพื่อไม่ให้เจ้าลาของนางเหงามากเกินไปนักนางยังเก็บสุนัขจรจัดกลับมาอยู่เป็นเพื่อนายท่านเหมาของนางอีกด้วย ในบ้านหลังนี้จึงมีคนหนึ่งคน สุนัขจรจัดและลาอีกอย่างละหนึ่งตัวใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
สุนัขที่นางเก็บกลับมาเป็นสุนัขขนสีดำขลับทั้งตัว ยามที่นางเห็นมันที่ข้างถนนครั้งแรก ทั้งตัวมอมแมมสกปรกทั้งยังมีรอยถูกน้ำร้อนลวกเกือบทั้งตัว ตอนที่นางพยายามจะอาบน้ำทำความสะอาดให้มันก็วิ่งหนีไปรอบบ้านทั้งยังส่งเสียงเห่าขมขู่นางอีกด้วย ทว่าหลังจากที่ชูเซี่ยโยนเศษกระดูกไปให้มัน เจ้าสุนัขตัวนี้ก็ยอมศิโรราบและเชื่อฟังนางแต่โดยดี
ความจริงแล้วพวกสุนัขก็มีสัญชาตญาณเช่นกัน มันเป็นเพียงสุนัขที่หาเช้ากินค่ำอยู่ข้างทาง หากวันใดพบเจอพวกคนใจร้ายที่อารมณ์ไม่ดีก็มักจะลงไม้ลงมือทำร้ายมัน ไม่เคยมีผู้ใดใจดีมอบอาหารให้พวกมันเลยสักครั้ง
ชูเซี่ยช่วยอาบน้ำให้มันทั้งยังเช็ดขนของมันให้อย่างเบามืออีกด้วย จากนั้นนางก็เริ่มจับแขนขามันไว้และหาพวกเห็บหมัดให้
เจ้าสุนัขที่อยู่ตรงหน้าชูเซี่ยช่างว่าง่ายยิ่งนัก ชูเซี่ยตั้งชื่อให้มันว่าเจ้าถ่าน เพราะตัวของมันเป็นสีดำสนิทตลอดทั้งตัวเหมือนก้อนถ่านอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากที่ชูเซี่ยเข้ามาทำงานที่โรงหมอกังหยูเวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้ว นางรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านไปแต่ละวันของนางช่างคุ้มค่าอย่างยิ่ง ตอนที่นางเริ่มทำงานวันแรกทุกคนในโรงหมอต่างก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาคิดว่าทักษะการแพทย์ของนางนั้นธรรมดา แต่ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่านางมีฝีมือด้านการฝังเข็มพวกเขาก็ค่อยๆยอมรับนางอย่างช้าๆ
จูเก๋อหมิงเฝ้าสังเกตนางอยู่ตลอดเวลา ทุกการเคลื่อนไหวของนางจะมีคนมาคอยรายงานให้เขาฟังอยู่เสมอ เขาหวังเหลือเกินว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นคนเดียวกันกับพระชายาชูเซี่ย มีอย่างที่ไหนจะมีเรื่องบังเอิญได้ถึงเพียงนี้ นางชื่อชูเซี่ย สามารถฝังเข็มได้เหมือนกันอีก ทั้งยังเป็นหญิงสาวที่สดใสร่าเริงราวกับแสงอาทิตย์ และที่สำคัญที่สุดคือนางทำให้ผู้อื่นมีความรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือชูเซี่ย
แต่ทว่าไม่ว่าเขาจะพยายามสืบหาข้อมูลมากมายเพียงใดก็ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถจำเรื่องราวในอดีตได้เลยแม้แต่น้อย สีหน้าท่าทางของนางก็ดูไม่มีพิรุธเลยสักนิด เขาเป็นคนรู้จักมองดูสีหน้าของคน แต่ทว่าสีหน้าของนางกลับไม่มีร่องรอยของการโกหก ดังนั้นหลังจากลองคิดไตร่ตรองดูอย่างถี่ถ้วยแล้วเขาก็ลงความเห็นว่านางคงไม่ใช่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาจงใจเล่าเรื่องของหลี่เฉินเย่นที่แทบเสียสติยามที่พระชายาของตนเองเสียชีวิตนางก็เพียงแค่ชื่นชมสรรเสริญในความรักที่ท่านอ๋องมีต่อภรรยาของเขาก็เท่านั้นจากนั้นก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาอีกเลย หากนางเป็นพระชายาจริงๆและทราบเรื่องที่หลี่เฉินเย่นทำเพื่อนางถึงเพียงนี้ก็จะต้องเผยสีหน้าหรือท่าทางอะไรออกมาบ้างแล้ว
แต่ทว่านางไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว!
หากไม่ใช่ว่านางจิตใจด้านชาเหมือนก้อนหินก็คงเป็นเพราะนางไม่ใช่พระชายาชูเซี่ยจริงๆ
ตามหลักความเป็นจริงแล้วใครจะสามารถตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้เล่า เขาเป็นหมอ รับรู้ดีเสียยิ่งกว่าใครว่าชีวิตคนเรามีค่ายิ่งนัก ชีวิตเมื่อแตกดับแล้วก็ยากจะฟื้นคืนกลับมาเริ่มต้นใหม่ เมื่อก่อนเขาไม่เคยเข้าใจว่าเหตุใดนางจึงสามารถเข้ามาอยู่ในร่างของหลิวหยิงหลงได้ อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่ามันบางทีมันอาจเป็นอุบัติเหตุที่อาจบังเอิญเกิดขึ้นได้น้อยมาก หรือความจริงแล้วนางอาจจะไม่มีวิญญาณของผู้หญิงที่ชื่อว่าชูเซี่ยเข้าสิ่งด้วยซ้ำ แต่เรื่องทั้งหมดเขาก็ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น
เขาคาดหวังอยากให้มีเรื่องวิญญาณสลับร่างได้จริงๆ ทว่าหลายปีมานี้เขาต้องเผชิญกบความผิดหวังมากี่ครั้งแล้ว ยังจะเหลือความคาดหวังอะไรให้เขาผิดหวังอีกเล่า โชคดีที่เขายังไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้ให้เฉินเย่นฟังก่อน มิฉะนั้นหากหลี่เฉินเย่นต้องผิดหวังเพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ชูเซี่ยของตนก็อาจจะสิ้นหวังและท้อแท้เกินกว่าตัวเขาจะรับได้
และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เขายังไม่ทราบถึงฝีมือด้านการแพทย์ของหญิงสาวแน่ชัดเท่าใดนัก
ดังนั้นหลังจากผ่านมาได้ครึ่งเดือน ในช่วงบ่ายวันนี้ท่านหมอหนุ่มก็ได้เชิญให้หญิงสาวเข้ามาในห้องหนังสือส่วนตัวเพื่อปรึกษาหารือถึงวิธีการรักษาอาการป่วยของฉ่ายเวิน
“ผู้ป่วยคนนี้ นอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรามาถึงสี่ปี สี่ปีมานี้ต้องคอยอาศัยพวกโสมและเครื่องดื่มบำรุงเพื่อพยุงชีวิตให้อยู่ได้นานจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นท่านหมอ หรือเหล่าหมอหลวงก็เคยรักษานางแล้วแต่สุดท้ายก็จนปัญญา ดังนั้นข้าเลยอยากให้เจ้าลองหาวิธีรักษานางดูดูสักหน่อยเถิด เผื่อเจ้าจะมีความสามารถมากพอที่จะช่วยให้ฉ่ายเวินฟื้นขึ้นมาได้”
ชูเซี่ยนั่งฟังอย่างเงียบๆ หญิงสาวขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา “แต่ว่าขนาดหมอหลวงยังจนปัญญา ข้าเกรงว่าความสามารถของข้าจะไม่มากพอ”
จูเก๋อหมิงเอ่ย “เจ้าก็ลองพยายามอย่างสุดความสามารถเสียก่อน อย่างไรเยฉ่ายเวินก็มีสภาพเช่นนี้แล้ว ต่อให้เจ้าไม่อาจรักษานางได้สภาพนางก็ไม่อาจแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ”
ชูเซี่ยพยักหน้าหงึกๆ “เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะลองดูสักครั้ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...