ตอน ตอนที่649ลาก่อนเหล่าคนที่คุ้นเคย จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่649ลาก่อนเหล่าคนที่คุ้นเคย คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่เขียนโดย ลิ่วเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่649ลาก่อนเหล่าคนที่คุ้นเคย
เวินซือรู้ดีตนไม่เด็กแล้วหากก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องสมรสสร้างสันติภาพไท่จื่อเฟยอาจมุ่งเป้ามาที่ตนตั้งนานแล้ว
เรื่องเกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตของตนเวินซือไม่ต้องการให้ไท่จื่อเฟยทำลายลงเธอไม่ต้องการชีวิตแต่งงานที่ดีขอเพียงคนที่จะไม่เป็นภาระให้เสด็จพี่และสามารถช่วยเฉิงเอ๋อได้
ดังนั้นองค์หญิงเวินซือเข้าพบฮองเฮาแต่คืนนันไม่มีใครรู้ว่าสองแม่ลูกนั้นคุยเรื่องอะไรกันเพียงแต่ตอนที่องค์หญิงชูเซี่ยเดินออกมาจากพระตำหนักเฟิ่งชีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะเพราะทุกครั้งแต่องค์หญิงเวินซือเข้าวังตอนกลับมักแลดูมีความสุขใครให้เธอเป็นองค์หญิงที่ฮองเฮาและองค์รัชทายาทรักมากที่สุดล่ะ
องค์หญิงเวินซือไม่ได้รีบกลับไปที่พระตำหนักไท่จื่อเธอกลับไปที่ตำหนักของตนก่อนไปเอาอะไรสักอย่างจากนั้นไปเดินเล่นกับเสวียนเอ๋อในเมืองหรือที่เรียกกันว่าการพักใจ
เสด็จพี่ทรงประชวรหนักเธอติดอยู่ในพระตำหนักไท่จื่อจนเบื่อไปพบเสด็จแม่ที่พระตำหนักเฟิ่งชีแล้วสิ่งที่เสด็จแม่พูดก็คือความทุกข์ยากของเสด็จพ่อในราชสำนักเธอสงสารพวกเขามากแต่เธอเองก็ต้องพักผ่อนไม่อย่างนั้นหากถูกความรู้สึกลบเหล่านี้กดไว้เธอกลัวว่าตัวเองจะไม่ไหวในสักวัน
และคนที่สามารถช่วยเสด็จพ่อนั้นก็มีแค่ตนเท่านั้นคนที่สามารถยื้อชีวิตของเสด็จพี่ก็มีแค่ตนเช่นกัน
“ข้าจะไปซื้อของเล่นให้เฉิงเอ๋อเด็กอายุเพียงสองขวบจริงจังอยู่ทุกวี่ทุกวันเหมือนตาแก่คนหนึ่ง”องค์หญิงเวินซือพาเสวียนเอ๋อเดินไปทางร้านของเล่นร้านหนึ่งทันใดนั้นมีรถม้าคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจากแยกที่อยู่ไม่ไกลอย่างกะทันหันด้วยความเร็วที่สูงและมีเป้าหมายที่ชัดเจน
สัญชาตญาณแต่ตอนที่ม้ากำลังพุ่งเข้ามาหาพวกเขานั้นถูกคนกระชากหนึ่งทีเธอล้มลงกับพื้นและองค์หญิงชูเซี่ยที่เธอคิดจะปกป้องนั้นกลับลุกขึ้นมาปกป้องเธอ
ก่อนที่เกือกม้าจะเหยียบข้าตัวเวินซือม้าตัวนั้นกลับล้มลงข้างๆพวกเข้าอย่างกะทันหันเมื่อเวินซือตั้งสติได้มองดูม้าที่ล้มอยู่ตรงพื้นม้าตัวนั้นมีโฟมเต็มปากแขนขากระตุก
เอ๋อเองก็เพิ่งตั้งสติได้เธอตรวจเช็คร่างกายของเวินซืออย่างเคร่งเครียดดวงตามีแต่น้ำตาแห่งความซาบซึ้ง
องค์หญิงเวินซือไม่ได้พูดอะไรแต่เดินไปทางม้าที่ล้มอยู่ที่พื้นมีบูมเมอแรงสีเงินปักเข้าคอม้าเลือดสีดำสดไหลออก......
ชัดเจนว่าสามารถทำให้ม้าล้มลงกับพื้นในเวลาอันสั้นบูมเมอแรงนั้นมีพิษที่ร้ายแรงถึงขั้นชีวิต
“หากไม่มีความสามารถในการช่วยคนอื่นก็อย่าฝืนหลี่เฉินเย่นพูดกับหญิงสาวที่กำลังหันหลังให้ตนอย่างไม่พอใจนักน้ำเสียงเย็นดั่งน้ำแข็ง”
เมื่อลู่กงกงได้ยินเสียงของนายตัวเองพลันอดไม่ได้ที่จะพูดกล่อมหญิงสาวผู้นี้ก็ตกใจมากอยู่แล้วเขายังจะพูดอะไรแบบนี้อีกช่าง......
ตอนที่เจ้าสำนักชูเซี่ยยังอยู่นั้นเขาไม่รู้สึกว่านายคนตัวเองจะเยือกเย็นและปากร้ายอย่างนี้
“เจ้าไม่มีเหตุผลเสียเลยคุณหนูจะช่วยหรือไม่ช่วยข้ามันเกี่ยวอะไรกับเจ้า”เสวียนเอ๋อยังคงซึ้งใจในองค์หญิงเมื่อได้ยินคนมาว่าองค์หญิงของตนเธอเองก็ไม่ยอมเหมือนกันแต่การที่เธอปกป้องนายของตนอย่างภักดีนั้นลู่กงกงเองก็ไม่ยอมเหมือนกันแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการปากร้ายของนายแต่เมื่อเกลียดใครขึ้นมาก็ไม่มีความเมตตาเหมือนกัน
“เกี่ยวสิหากไม่ใช่ว่านายของเจ้าไม่รู้กำลังตนเองนายข้าจะต้องเสียบูมเมอแรงที่ไหนกันบูมเมอแรงนั้นทำมาจากเงินแท้ๆพิษที่อยู่ในบูมเมอแรงยิ่งหาค่าไม่ได้พิษร้ายแรงถึงขึ้นชีวิตไม่อย่างนั้นเจ้าจะยังสามารถยืนตำหนินายข้าอยู่อย่างนี้รึ”
“เป็นพระคุณยิ่งที่ช่วยชีวิตข้าไว้สองหมื่นเหรียญนี่ถือว่าเป็นของตอบแทนจากเราละกัน”องค์หญิงเวินซือดึงเสวียนเอ๋อไว้และเอาตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งใบหันได้ส่งให้ลู่กงกง
ในที่สุดหลี่เฉินเย่นก็ดึงสติตัวเองกลับมาได้เขาคิดว่าเพราะลู่กงกงเห็นจดหมายในมือเขาดังนั้นจึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาดังนั้นตอนที่เขาเงยหน้าและมองตามที่ลู่กงกงชี้นั้นเห็นเพียงเงาด้านหลังขององค์หญิงเวินซือและเสวียนเอ๋อ
พวกเขาได้มอบหมายให้คนไปสืบเรื่องของม้าจากนั้นก็เดินจากไป
เพียงแต่เงาหลังนั้นได้ติดตรึงในใจเขาตั้งนานแล้ว
“พวกเจ้ารอหน่อยรอหน่อยนายข้ามีเรื่องจะพูด”ลู่กงกงตะโกนไปยังองค์หญิงเวินซือและเสวียนเอ๋ออย่างร้อนรนองค์หญิงเวินซืออยากหันหลังกลับแต่ถูกเสวียนเอ๋อดึงไว้และเตือนอย่างจริงจังว่า“องค์หญิงตอนนี้บ้านเมืองวุ่นวายหลายคนมาเพื่อเงินในเมื่อเราได้ให้เงินเขาไปแล้วก็ไม่ได้ติดค้างอะไรพวกเขาแล้วล่ะอย่าให้โอกาสพวกเขาตอแยอีกเลย”
เสวียนเอ๋อพูดอย่างจริงจังและรู้สึกโมโหอย่างมากดูจากท่าทางของเธอแล้วองค์หญิงไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้
“ขอหญิงสาวผู้นี้โปรดหยุดข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”เห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่หยุดเดินหลี่เฉินเย่นพลันตามไปให้ทันและกระซิบข้างหลังพวกเขา
“เราไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเจ้าเงินสองหมื่นเหรียญเพียงพอต่อการช่วงชีวิตของพวกเจ้าแล้วอีกอย่างพวกเจ้าเป็นคนเข้ามาช่วยเองพวกข้าไม่ได้ขอร้องให้ช่วยแต่อย่างไรหากพวกเจ้าตอแยกับคุณหนูอย่างนี้ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงของคุณหนู”เมื่อเสวียนเอ๋อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังพลันรู้สึกโมโหจนไม่สามารถควบคุมได้เธอทนไม่ไหวและหันไปตะคอกใส่หลี่เฉินเย่น
องคืหญิงเวินซือเองก็ได้หันมาด้วยแต่ไม่ได้มองไปทางหลี่เฉินเย่นเพียงแต่พูดกับเสวียนเอ๋อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า“เสวียนเอ๋ออย่าโมโหไปเลยไม่คุ้มค่าหรอกไม่คุ้มค่าเสียเลย”
เวินซือน้ำเสียงนุ่มนวลแหบเล็กน้อยไม่เหมือนเสียงของชูเซี่ย
เพียงแต่ตอนที่เธอพูดนั้นทำให้หลี่เฉินเย่นนึกถึงเมื่อหลายปีก่อนในพระตำหนักฉ่ายเหว่ยชูเซี่ยก็เคยพูดกับเชียนซานอย่างนี้อ่อนโยนและสุขุมทั้งหมดนี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...