สรุปตอน ตอนที่ 668 หนึ่งจุมพิตกลายเป็นความลุ่มหลง – จากเรื่อง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
ตอน ตอนที่ 668 หนึ่งจุมพิตกลายเป็นความลุ่มหลง ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ชายาเกิดใหม่ของข้า โดยนักเขียน ลิ่วเยว่ เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 668 หนึ่งจุมพิตกลายเป็นความลุ่มหลง
วาจาของหลี่เฉินเย่นเอ่ยได้อย่างอ่อนโยนและนิ่มนวล ถ้อยคำลึกซึ้งที่ไม่ผูกมัดทำให้องค์หญิงเวินซือใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่กลับเกิดหัวใจที่เตรียมป้องกัน....
“พวกเรามิคุ้นเคยกัน” องค์หญิงเวินซือเอ่ยเตือนหลี่เฉินเย่นเสียงเบา แต่ทว่าในหัวสมองของนางกลับเต็มไปด้วยถ้อยคำที่หลี่เฉินเย่นเอ่ยว่าสามารถไม่ให้เกียรติเขาได้
“ต่อไปก็คุ้นเคยกัน” หลี่เฉินเย่นไม่สนใจเกี่ยวกับระยะทางที่นางวาดไว้ หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไป ถึงแม้ว่าองค์หญิงเวินซือคิดอยากที่จะชัดเจนในความสัมพันธ์กับเขาล้วนไม่พอแล้ว
“ข้าอยากจะอาบน้ำ เจ้ากลับไปก่อนเถิด” ถ้อยคำที่มีความหมายลึกซึ้งของหลี่เฉินเย่นทำให้ใบหน้าขององค์หญิงเวินซือแดงก่ำ รู้สึกเพียงว่าความรุ่มร้อนในใจของตนเองก่อนหน้านี้นั้นกลับมาอีกครั้ง แม้แต่น้ำเย็นเฉียบนี้ล้วนไม่สามารถเรียกสติของนางกลับมาได้ นางทำได้เพียงหมุนตัวให้หลี่เฉินเย่นออกไป นางมิอยากให้หลี่เฉินเย่นเห็นด้านที่น่าอับอายที่สุดของตนเอง
“เจ้าเคยเรียนการแพทย์ สามารถทำยาแก้พิษได้ใช่หรือไม่?” แพทย์หลวงของข้าเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทค่อนข้างลำบาก” หลี่เฉินเย่นเอ่ยถามเสียงเบา นี่คือความผิดพลาดของเขา ตั้งแต่รู้ว่าองค์หญิงเวินซือก็ถนัดด้านการแพทย์ เขาก็มิเคยคิดหาวิธีส่งหมอหลวงที่ดีเข้ามาในจวนองค์รัชทายาทไว้เลย ในใจของเขาตัดสินใจแล้วว่าชูเชี่ยคือหมอหลวงที่ดีที่สุด แต่กลับมิคิดว่าจะถูกวางยาพิษเสียเอง การที่จะไปหาหมอหลวงในเพลานี้นั้นมิทันแล้ว สิ่งที่เขาคาดหวังได้ในเพลานี้ มีเพียงแค่วิชาการแพทย์ขององค์หญิงเวินซือ
“การที่ข้าถูกวางยาพิษได้ เป็นเพราะว่าสารพิษนี้มิมีสีและกลิ่น ข้าไปหยิบปากกาและกระดาษมา ข้าจะนำยาแก้พิษเขียนให้เจ้าดู” วาจาของหลี่เฉินเย่นทำให้ใบหน้าขององค์หญิงมีความกระดากอายเพิ่มมากขึ้นการที่ตนเองเป็นหมอหลวง แต่กลับถูกผู้อื่นใช้ยาแก้พิษมารักษา นี่ทำให้นางรู้สึกอับอาย แต่เป็นเพราะตนเองเพิกเฉยมากเกินไป และประเมินความไร้ยางอายของคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป
“พอษที่ไม่มีกลิ่นและสี เจ้ายังสามารถใช้ยาแก้พิษได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว” เมื่อได้ฟังวาจาขององค์หญิงเวินซือ เขาก็เข้าใจถึงความลำบากใจของนางในทันที เขาเอ่ยโน้มน้าวเสียงเบา ค่อนข้างผิดหวังที่เอ่ยคำพูดเมื่อครู่ออกไป นางเคยเรียนวิชาแพทย์ แต่เขากลับเอ่ยวาจาเหล่านี้
ชูเชี่ยของเขา ถึงแม้ว่าจะมิมีทักษาทางการแพทย์ เขาก็ยังคงรัก อีกทั้งยังจะต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความรักนี้ ก็เหมือนกันกับชูเชี่ย มิว่าตนเองจะเป็นกษัตริย์ของแคว้นหรือไม่ นางก็ยังคงรักตนเอง
องค์หญิงเวินซือมิได้เอ่ยอันใดออกมาอีก ความรุ่มร้อนในร่างกายของตนเองราวกับคลื่นซัด มันก่อกวนสติสัมปชัญญะของนาง แม้กระทั่งเสียงที่เย้ายวนใจที่อยู่ระหว่างฟันและริมฝีปากของตนเอง นางพยายามอย่างที่สุดที่จะมิแสดงสีหน้าที่ทนมิได้ต่อหน้าชายผู้นี้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของนางก่อนหน้านี้จะมิดีขึ้นกว่าตอนนี้เท่าใดนัก
หลี่เฉินเย่นมิวางใจที่จะปล่อยให้องค์หญิงเวินซืออยู่ในอ่างน้ำที่หนาวเหน็บเช่นนี้ อีกทั้งอยู่ในจวนองค์รัชทายาทแห่งนี้ ผู้ที่เขาไว้ใจเพียงคนเดียวเช่นเชียนซานก็ถูกยาพิษเช่นกัน เขาทำได้เพียงจากมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงหยิบกระดาษและปากกากลับมา
“ชูเชี่ย เจ้าเอ่ยมา ข้าจะเขียนเอง เร็วๆเข้า” หลี่เฉินเย่นจ้องมองหญิงที่ใบหน้ากลายเป็นสีคล้ำในอ่างน้ำ รู้สึกว่ามือที่เขียนหนังสือของตนเองนั้นสั่นเทา องค์หญิงเวินซือจ้องมองเขาก่อนจะยิ้มจางๆพลางเอ่ย “ข้ามิใช่ชูเชี่ย”
หลี่เฉินเย่นตกใจเล็กน้อย เขายิ้มอย่างเขินอาย ก่อนจะลงมือเขียนต่อไป ฟังองค์หญิงเวินซือที่เอ่ยชื่อของยาหลายชนิดออกมา
“ข้าจะสั่งให้คนไปเอายาบัดเดี๋ยวนี้ เจ้ารอก่อน อีกไม่นานก็จะดีขึ้น” หลังจากเอ่ยจบหลี่เฉินเย่นก็ออกไป องค์หญิงเวินซือยืนจ้องมองแผ่นหลังของหลี่เฉินเย่นกลางสายน้ำ ความรุ่มร้อนบนร่างกายของนางปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
การถูกวางยาครั้งนี้ของนางน่าเกลียดมาก ราวกับว่าไม่สามารถทำให้อารมณ์เคลื่อนไหว เพียงแค่คิดถึงผู้ที่เพิ่งเดินจากไป ความรุ่มร้อนบนร่างกายของตนเองก็สูงขึ้นกว่าเดิม
องค์หญิงเวินซือไม่มีเวลาคิดเกี่ยวกับมัน ก็ถูกความรุ่มร้อนบนร่างกายลากความสนใจไปทั้งหมด นางเพียงแค่สามารถใช้น้ำในอ่างเพื่อปลอบประโลมความตื่นตัวในร่างกายเพื่อให้มีสติขึ้นมา นางนำศีรษะของตนเองยื่นเข้าไปในน้ำ เพียงแต่ว่าสติก็กลับมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในหัวสมองคิดถึงเพียงแต่ผู้ที่ช่วยตนเอง ความอ่อนโยนที่จ้องมองมายังตนเอง เพลาที่เขามองนาง ดวงตาของเขาดูคุ้นเคยมาก ราวกับว่าพวกเขาเป็นสหายที่พรัดพรากจากกันไปนาน
หลี่เฉินเย่นจ้องมองท่าทีของนาง หัวใจของเขารู้สึก คิดถึง ในที่สุดก็ครอบครองริมฝีปากอุ่นของนางอย่างอดมิได้ เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขากลับมิได้ควบคุมสติของตนเอง เขาจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากเวินซืออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเกี่ยวกระหวัดลิ้นออกมาและลิ้มชิมรสของยาสมุนไพรในริมฝีปากของนางอย่างละเมียดละไม
ลมหายใจของนางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคย การตัดสินใจนี้ทำให้หลี่เฉินเย่นไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เขาจุมพิตองค์หญิงเวินซือครั้งแล้วครั้งเล่า ในหัวใจส่งเสียงที่พึงพอใจออกมา
ถึงแม้ว่าองค์หญิงจะไม่ได้สติ แต่กลับดูดเม้มรวงลิ้นของหลี่เฉินเย่นราวกับกำลังลิ้มชิมรสบางอย่างที่ แสนอร่อย เพียงแต่ว่าเป็นการดูดเม้มอย่างแผ่วเบาเท่านั้น หลี่เฉินเย่นก็ยังคงติดอยู่ที่นั่นและมิกล้าเคลื่อนไหว
ดังนั้น แม้ว่าในใจของเขาจะไม่เต็มใจ แม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็ผละออกจากริมฝีปากขององค์หญิงเวินซือ มองดูท่าทีขององค์หญิงอีกครั้ง เขาจึงเพิ่งนึกได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาตั้งใจเพียงแค่จะป้อนยาให้องค์หญิง ลืมไปแล้วว่าต้องเช็ดตัวนางให้แห้งด้วย
เขาหยิบผ้าเช็ดตัวมาอย่างรีบร้อน ก่อนจะเช็ดคราบน้ำบนร่างกายของนางจนแห้ง เพื่อมิให้อาภรณ์ที่เปียกชื้นติดอยู่กับร่างกายของนาง เขาจึงลงมือผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางและรอจนเช็ดผมของนางจนแห้ง ในที่สุดองค์หญิงเวินซือก็ฟื้นขึ้นมา นางจ้องมองหลี่เฉินเย่นที่เบื้องหน้า นางตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
ความทรงจำหลังจากถูกวางยาพิษประดังเข้ามา นางจำได้ว่าบุคคลที่เบื้องหน้านี้ช่วยตนเอง และจำได้ว่าตนเองเคยเอ่ยวาจาที่น่าละอายกับคนผู้นี้ และยังจำได้อีกว่ารูปร่างของคนผู้นี้ปรากฏอยู่ในหัวสมองของตน แล้วนางก็สูญเสียสติสัมปชัญญะไปโดยสิ้นเชิง....
“ขอบพระทัยเจ้าที่ช่วยชีวิตข้า” องค์หญิงเวินซือมิแน่ใจในความคิดของนาง แต่กลับเข้าใจว่าวันนี้คนพูดนี้ช่วยชีวิตของตนเอง
การถูกวางยาพิษครั้งนี้มิเหมือนกับครั้งก่อนๆ องค์หญิงเวินซือในเพลานี้ก็กลายเป็นผู้ที่ห่างไกลเหมือนก่อนหน้า ในใจของหลี่เฉินเย่นมีความผิดหวังเล็กน้อย แต่กลับมิได้เอ่ยอันใด เขาเพียงแค่หมุนตัวเดินจากไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...