ตอนที่ 76 ลำบากใจ
แม้ว่าหลี่เฉินเย่นจะไม่ชอบสุนัขแต่ทว่าในยามนี้เจ้าถ่านป่วย ดังนั้นชูเซี่ยจึงต้องรับมันมาเลี้ยงในเรือนหรูอี้ชั่วคราว
ตลอดสองวันมานี้หลี่เฉินเย่นไม่ยอมมาที่เรือนหรูอี้เลยสักครั้งทำให้ชูเซี่ยรู้สึกประหลาดใจนัก แต่ทว่านางก็คิดว่าเขาคงมีเรื่องยุ่งที่ต้องจัดการหรืออาจจะหาหนทางในการขอสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทอยู่ก็เป็นได้นางจึงไม่คิดจะสนใจอะไรมากนัก
เสี่ยวฉิงชื่นชอบเจ้าถ่านอย่างยิ่ง ตอนที่อาการของเจ้าถ่านดีขึ้นแล้วนางก็ใช้น้ำอุ่นอาบน้ำให้เจ้าถ่านอย่างดี ระหว่างอาบน้ำก็อาบไปเล่นไป มองดูเจ้าถ่านสะบัดขนที่เปียกปอนนางก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
ในวันที่สามมีคนจากวังหลวงมาหานางถึงจวนอ๋องกล่าวว่าโรคลมตะกังของฝ่าบาทกำเริบ มีรับสั่งให้ชูเซี่ยเข้าวังทำการรักษาให้ฮ่องเต้โดยด่วน
ชูเซี่ยรู้สึกหวาดกลัว หากว่ากันตามจริงแล้วอาการของฝ่าบาทก็ดีขึ้นมากแล้ว ต่อให้อาการจะกำเริบก็ไม่สมควรจะกำเริบในช่วงนี้ นางรู้ดีว่านี่อาจเป็นแผนแต่ทว่าต่อให้รู้นางก็ไม่อาจถอยหนีได้ ตอนนี้คงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากหลี่เฉินเย่น
แต่วันนี้หลี่เฉินเย่นเข้าค่ายทหารไปตั้งแต่เช้าแล้วกว่าจะกลับมาก็คงช่วงหัวค่ำ นางไม่มีทางเลือกนอกจากจำต้องตามข้าหลวงเดินทางเข้าวัง
นางข้าหลวงนำทางชูเซี่ยมาจนถึงหน้าห้องพระอักษร สีพระพักตร์ของฝ่าบาทไม่สู้ดีนัก ยามที่ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมายังนางก็มีแต่ประกายเย็นเยียบ
ชูเซี่ยย่อกายถวายบังคมรอให้ฝ่าบาทตรัสอะไรออกมาสักอย่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮ่องเต้จึงจะค่อยๆตรัสคำพูดขึ้นมา “สองวันมานี้เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าวังมาหาข้า”
ชูเซี่ยเอ่ยทูล “หม่อมฉันเห็นว่าอาการของฮ่องเต้ดีขึ้นมากแล้วอีกทั้งยังไม่มีผู้ใดมารายงาน หม่อมฉันจึงคิดว่าวรกายของฮ่องเต้แข็งแรงดียิ่ง ช่างเป็นเรื่องดี!”
ฮ่องเต้ส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก คงเป็นเพราะโรคลตะกังกำเริบอีกแล้วเป็นแน่ เจ้ามาช่วยข้านวดสักหน่อยเถิด”
สรุเสียงของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความเผด็จการและไม่พอพระทัยทำให้ชูเซี่ยไม่รู้จะทำเช่นไรดี ร่างบอบบางเดินไปหยิบกระเป๋าเข็มออกมาจากกล่องยาของตนแต่กลับถูกฮ่องเต้ตรัสห้ามไว้ “ไม่จำเป็นต้องใช้เข็ม เจ้าแค่มานวดให้ข้าก็พอ”
“หากโรคลมตะกังของฝ่าบาทกำเริบจริงการนวดอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เลือดลมไหลเวียนได้เพคะ หม่อมฉันจำเป็นต้องฝังเข็มควบคู่ด้วย”
ฮ่องเต้ขมวดพระขนง “ข้าบอกว่าไม่จำเป็นก็คือไม่จำเป็น!”
ชูเซี่ยยืนกรานดังเดิม “ฝ่าบาทเพคะ ตอนนี้ฮ่องเต้ให้หม่อมฉันเข้าวังมาก็เพื่อรักษาอาการให้ฮ่องเต้ ในเมื่อเป็นการรักษาก็ขอให้ฮ่องเต้โปรดฟังคำที่หม่อมฉันเอ่ยออกมาด้วยเพคะ”
ฝ่าบาทขมวดพระขนงจากนั้นก็ตรัสถามเสียงเย็น “ข้าขอถามเจ้า เจ้ากับเฉินเย่นเป็นอะไรกัน”
ชูเซี่ยนิ่งงันไป ในใจก็คิดว่าฮ่องเต้จะต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สงสัยนางมาตลอดตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรกเช่นนี้ หญิงสาวก้มหน้าลง จากนั้นก็ทูลตอบฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ “หม่อมฉันและท่านอ๋องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเพคะ”
ฝ่าบาททอดพระเนตรนางอย่างพิจารณา “เงยหน้าขึ้นมองข้า!”
ชูเซี่ยหายใจลึกๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบพระเนตรของฮ่องเต้
ฮ่องแต่เพ่งพินิจมองหญิงสาวตรงหน้าเป็นสตรีที่อ่อนโยนแต่ก็ดื้อรั้น นางไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสาวงามเลยด้วยซ้ำ ในวังหลังแห่งนี้มีหญิงสาวที่งดงามเฉิดฉายกว่านางมากมาย แต่ทว่านางกลับเป็นสตรีที่ทำให้ฮ่องเต้เฝ้าฝันถึงทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อท่านราชครูมาทำนายว่าฮ่องเต้จะรักใคร่ในตัวหญิงผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่าก็ในวันนั้นเองที่อวิ่นกังเข้าเฝ้าฮ่องเต้และบอกว่าพบเห็นนางและหลี่เฉินเย่นสนิทสนมกันอย่างยิ่ง ดวงตาของทั้งคู่ต่างก็แสดงความรักใคร่ชอบพอซึ่งกันและกัน นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้ฮ่องเต้อดตกพระทัยไม่ได้ จากนั้นความตกใจก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ
ฮ่องเต้พยายามหักห้ามใจไม่ให้โกรธกริ้วโดยไร้เหตุผลถึงสองวัน แต่ในสองวันมานี้นางก็ไม่เข้าวังมาอีกเลย ฮ่องเต้ครองบัลลังก์มาเกือบยี่สิบปี ตลอดระยะเวลายี่สิบปีมานี้ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฮ่องเต้ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์กระวนกระวายเช่นนี้ ดังนั้นแม้ว่าฮ่องเต้จะพยายามรักษาศักดิ์ศรีแห่งความเป็นกษัตริย์มากเพียงใดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความห่วงหานาง ท้ายที่สุดก็แสร้งป่วยเพื่อหลอกล่อให้นางเข้าวังมาหาตัวฮ่องเต้เอง วรกายสูงยืนขึ้นก่อนจะสาวพระบาทไปหยุดอยู่ตรงหน้านางคล้ายกับวันนั้นที่ฮ่องเต้ตั้งใจจะบีบบังคับนางให้หนีไปไหนไม่ได้
ชูเซี่ยจ้องมองฮ่องเต้ ตลอดเวลาที่ผ่านมานางเอาแต่ถอยหนีไม่ยอมเผชิญหน้ากับปัญหาตรงหน้า แต่ในเมื่อฮ่องเต้มีพระทัยให้นางจริงๆดูท่าแล้วนางคงต้องเอ่ยออกไปตามตรงจะดีที่สุด
“ความหมายของฝ่าบาทหม่อมฉันเข้าใจดี หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระทัยที่ฮ่องเต้มอบให้แก่หม่อมฉัน แต่ทว่าครั้งหนึ่งหม่อมฉันเคยเอ่ยคำสาบานไปแล้วว่าชีวิตนี้จะขออุทิศให้แก่ผู้ป่วย อุทิศให้แก่วิชาการแพทย์ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวเรื่องรักใคร่ของหนุ่มสาวเพคะ”
ฮ่องเต้ตกพระทัยอย่างยิ่ง “เหตุใดจึงได้เอ่ยถ้อยคำสาบานเช่นนี้ออกมาได้กัน ยิ่งไปกว่านั้นคำสาบานเช่นนี้ดูจะไร้สาระเกินไปหน่อยกระมัง เจ้ายังเป็นหญิงสาวอายุยังน้อยนักจะไม่คิดออกเรือนเลยได้อย่างไร”
ชูเซี่ยทูลตอบ “แต่สำหรับหม่อมฉันแล้ว ความรักของบุรุษต่างก็เหมือนๆกันหมด ในวังหลังมีพระสนมมากมายนับไม่ถ้วน ครั้งหนึ่งพวกนางแต่ละคนต่างก็เคยมีช่วงเวลาความรักที่หอมหวาน เป็นหญิงสาวอ่อนวัยที่แสนน่ารักและงดงาม พวกนางต่างก็มอบกายถวายใจให้แก่ฝ่าบาท ได้แต่เฝ้าภาวนาให้ฝ่าบาทชายตามองสงสารพวกนางบ้าง แต่เมื่อนานวันเข้าความหวังเหล่านั้นก็ดับไปพร้อมกับความสาวและความงดงามของพวกนาง พวกนางยอมสละชีวิตทั้งชีวิตของตนเองเพื่อฮ่องเต้ เหตุใดจึงต้องใช้ชีวิตที่น่าสงสารถึงเพียงนี้กันนะ สำหรับหม่อมฉันแล้ว ชีวิตคนข้ามีค่านัก ชีวิตที่มีค่ามักจะสั้นและคาดเดาไม่ได้อยู่เสมอ หม่อมฉันไม่ต้องการเสียคุณค่าทั้งชีวิตเพื่อบุรุษเพียงผู้เดียว เสียเวลาอันมีค่าเพื่อความรักในช่วงสั้นๆเพียงเท่านั้น หม่อมฉันอยากใช้ชีวิตที่แสนสั้นของตนเองทำในสิ่งที่หม่อมฉันรักและมีคุณค่ามากกว่าเพคะ ขอให้ฝ่าบาทเมตตาหม่อมฉัน ให้หม่อมฉันได้เลือกทางเดินของตนเองด้วยเพคะ อย่าได้พระทัยร้ายกังขังหม่อมฉันไว้ในกรงทองที่แสนล้ำค้าแต่น่าหดหู่เช่นนี้เลย”
เมื่อฝ่าบาทสดับฟังเช่นนั้นพระทัยก็กระตุก ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองชูเซี่ยอยู่นานแต่ก็ไม่อาจตรัสอะไรออกมาได้
ชูเซี่ยไม่ได้เอ่ยคำพูดที่อยู่ในใจของนางออกมาจนหมด นางเพียงแค่เอ่ยคำพูดที่ตนเองตระเตรียมมาไว้อย่างดีแล้วต่างหากเล่า เพราะว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรฮ่องเต้ไม่เพคยต้องพบเจอการถูกปฎิเสธมาก่อนและคงไม่ยินยอมที่จะถูกปฎิเสธเป็นแน่ แต่ทว่าเมื่อนางเอ่ยปากออกไปแล้วนั่นก็เท่ากับว่านางเองก็ต้องยอมรับว่านางได้ลงมือตัดเส้นทางในอนาคตของนางและหลี่เฉินเย่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เป็นเวลาเนิ่นนานฝ่าบาทจึงค่อยๆตรัสออกมาอีกครั้ง “ถ้าเช่นนั้นแล้ว เจ้าคิดว่าการที่เจ้าอยู่กับข้าจะเป็นการทำให้เจ้าต้องเสียเวลา เสียช่วงเวลาชีวิตอันมีคุณค่าของตนเองโดยเปล่าประโยชน์งั้นหรือ เจ้าไม่มั่นใจหรือว่าข้าจะให้ความสุขกับเจ้าได้ เจ้าคิดจึงหรือว่าสักวันข้าจะเบื่อหน่ายเจ้า ข้ารับรองได้ว่า...”
“ฝ่าบาท!” ชูเซี่ยเอ่ยขัดขึ้นมา “อย่าได้ขัดขวางความตั้งใจของหม่อมฉันอีกเลย หม่อมฉันชื่นชอบชีวิตที่เรียบง่ายของตนเองอยู่แล้ว หม่อมฉันไม่ต้องการความสงสารของบุรุษมาทำให้หม่อมฉันต้องทำเรื่องที่ดูถูกตนเองเช่นนี้ หม่อมฉันไม่ต้องการแบบนี้”
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าต้องผิดหวัง!” ฮ่องเต้ตรัสสุรเสียงทุ้มต่ำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...