ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 78

สรุปบท ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง: ชายาเกิดใหม่ของข้า

อ่านสรุป ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่

บทที่ ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 78 อนาคตเพรียวบาง

ใบหน้าของหลี่เฉินเย่นเต็มไปด้วยความอบอุ่น “พะย่ะค่ะ!”

“พวกข้าออกไปคุยกันข้างนอกเถิด ข้ากลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อนของนาง” ทอดพระเนตรไปที่ชูเซี่ยด้วยสายตาอ่อนโยน สายตาเช่นนั้นทำให้หลี่เฉินเย่นอดหวั่นเกรงไม่ได้ ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อครู่จางหายไป เขาแทบจะโยนความนับถือเสด็จพ่อทิ้งไปเสียด้วยซ้ำ

หลี่เฉินเย่นปรายตามองชูเซี่ยด้วยสายตาขมขื่น ชายหนุ่มกำหมัดแน่นหัวใจเต็มไปด้วยความอึดอัด

ฮ่องเต้สั่งให้คนไปจัดสำรับมาเล็กน้อยและสุราอีกจอก พอดีกับที่ขันทีนำถาดป้ายชื่อพระสนมเข้ามา “ฝ่าบาท คืนนี้ฮ่องเต้ยังไม่ได้เลือกป้ายพระสนมที่จะถวายงานเลยขอรับ”

ฮ่องเต้ขมวดพระขนม “ยังจะมาเลือกป้ายอะไรกันอีก เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังพูดคุยอยู่กับท่านอ๋อง?”

ขันทีจึงรีบถอยฉากออกไป

หลี่เฉินเย่นรู้สึกกระอักกระอ่วน แม้ว่าจะเป็นพ่อลูกแท้ๆ แต่เรื่องราวของเสด็จพ่อ เขาไม่ได้อยากฟังแม้แต่น้อย

เสี่ยวเต๋อจื่อที่ยืนถวายการรับใช้อยู่ด้านข้างก็รีบรินสุราให้กับนายทั้งสอง “ฝ่าบาทดื่มพะย่ะค่ะ! ท่านอ๋องดื่มพะย่ะค่ะ!”

ฝ่าบาทยกจอกสุราขึ้น เขย่าจอกสุราเล็กน้อยจนมันหกรดลงมาที่พระหัตถ์ของฮ่องเต้ ฝ่าบาทวางจอกสุราลง เสี่ยวเต๋อจื่อก็รีบร้อนถวายผ้าเช็ดหน้าให้ ฮ่องเต้เช็ดพระหัตถ์ไปพลางตรัสกับหลี่เฉินเย่นพลาง “สุราดี แต่เมื่อหกออกมาก็เสียของไม่ใช่หรือ แต่ทว่ามือของข้าก็ยังมีกลิ่นของสุราติดอยู่ดี”

แม้ว่าหลี่เฉินเย่นจะไม่เข้าใจในความหมายที่เสด็จพ่อตั้งใจจะสื่อ แต่ก็ทำทีเป็นพยักหน้าเข้าใจ “พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อสอนสั่งลูกด้วยพะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่เขา “ความหมายของข้าง่ายนิดเดียว ชูเซี่ยนางเป็นหญิงสาวที่ดีเลิศ แต่ทว่านางก็จากไปนานแล้ว ความจำระหว่างนางกับเจ้าก็จงเหลือไว้แต่ความจำที่ดีงามเสียเถิด อย่างน้อยมันก็ย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเจ้าเคยรักใคร่หญิงสาวผู้หนึ่งได้อย่างลึกล้ำเพียงใด เจ้าควรลืมนางแล้วเริ่มต้นใหม่ได้เสียที”

หลี่เฉินเย่นนั่งนิ่งๆอยู่เช่นนั้นสีหน้าราบเรียบไม่เปลี่ยน “ลูกเข้าใจแล้วพะย่ะค่ะ!”

“เจ้าเข้าใจ แต่กลับไม่เคยทำ ข้ารู้ว่าเจ้ารักเดียวใจเดียว แต่จวนอ๋องหนิงอานของเจ้าจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล เพียงแค่สตรีผู้เดียวเจ้าไม่อาจใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้ ข้าจะบอกให้ฮองเฮาเฟ้นหาสตรีที่มีคุณสมบัติงามพร้อมให้เจ้า เจ้าเป็นถึงหนิงอานอ๋องจะไม่มีพระชายาเคียงข้างได้อย่างไรกัน” ฮ่องเต้ไม่เห็นด้วย

หลี่เฉินเย่นเงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก “เสด็จพ่อ ลูกไม่ต้องการแต่งพระชายา!”

ฝ่าบาทไม่พอพระทัยอย่างยิ่ง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะอยากหรือไม่อยาก ข้าตัดสินใจแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก เจ้าเสียใจกับการจากไปของชูเซี่ยมาถึงสามปีก็เพียงพอแล้ว สมควรแก่การมีความสุขในชีวิตเสียที เจ้าไม่รู้หรือว่าเรื่องของเจ้าทำให้เสด็จแม่ของเจ้าเสียน้ำตามาเท่าไหร่ เจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนาง ความหวังและความฝันของนางขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าทั้งหมด เจ้าจะทำให้นางผิดหวังได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น เสด็จย่าของเจ้าก็อายุมากขึ้นทุกวัน คาดหวังจะอุ้มหลานที่มาจากเจ้ามาตลอด เจ้าจะให้ฮ่องเต้รอเจ้าจนตายตาไม่หลับงั้นหรือ”

สีหน้าของหลี่เฉินเย่นกลายเป็นมืดคล้ำ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของตน “ลูกยอมแต่งก็ได้ แต่ทว่าลูกอยากเป็นผู้เลือกพระชายาของลูกเองพะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเขา “เจ้ามีหญิงที่พึงใจแล้วหรือ เป็นคุณหนูตระกูลใด?”

หลี่เฉินเย่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ลูกมีหญิงที่ลูกพึงใจแล้ว หญิงผู้นั้นจนถึงตอนนี้ก็อยู่ที่จวน...”

จู่ๆก็มีเสียงของแตกแล้วตามด้วยเสียงกรีดร้องของชูเซี่ยดังขึ้นมาทำให้ฝ่าบาทและหลี่เฉินเย่นต่างก็ตื่นตระหนกจนใบหน้าถอดสี หลี่เฉินเย่นคิดจะพุ่งเข้าไปในห้องแต่ทว่าเสี่ยวเต๋อจื่อกับรั้งเขาไว้เพื่อให้ฝ่าบาทเสด็จเข้าไปเสียก่อน

จุดที่เสี่ยวเต๋อจื่อยืนอยู่นั้นสามารถเห็นร่างของชูเซี่ยที่นอนอยู่บนเตียงบรรทมได้อย่างชัดเจนยิ่ง เขาเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าชูเซี่ยจงใจที่จะขว้างของลงพื้น จุดประสงค์ของนางก็คงจะเป็นเพราะไม่ต้องการให้หลี่เฉินเย่นพูดต่อไป ดังนั้นยามที่หลี่เฉินเย่นพุ่งร่างเข้าไปเขาถึงได้ห้ามไว้ มิฉะนั้นดูจากท่าทางเป็นห่วงเป็นใยของท่านอ๋องในยามนี้ ฝ่าบาทจะต้องสงสัยแน่

แต่หลี่เฉินเย่นกลับทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาอยากจะบอกเสด็จพ่อออกไปเหลือเกินว่าคนที่เขารักและพึงใจก็คือชูเซี่ยหรือท่านหมอชูผู้นี้

ดังนั้นชายหนุ่มจึงผลักเสี่ยวเต๋อจื่อออกและวิ่งเข้าไปทันที

ฮ่องเต้มาถึงก่อนเขาเพียงก้าวหนึ่ง ทอดพระเนตรเห็นชูเซี่ยยืนเท้าเปล่าเปลือย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเล็กๆซีดขาวไร้สีเลือด บนพื้นมีเศษกระเบื้องของถ้วยยากระจายอยู่เต็มพื้น จุดที่นางยืนอยู่ข้างๆก็มีเศษกระเบื้องอยู่ตรงนั้น

ฮ่องเต้ปรามเสียงดุ “อย่าขยับ!”

ฝ่าบาทก้าวไปข้างหน้าและข้อนชูเซี่ยเข้ามาในอ้อมพระกร ฝ่าบาทอุ้มนางมาวางที่เตียงบรรทมดั่งเดิม ก่อนจะถามอย่างร้อนพระทัย “โดนบาดตรงไหนหรือไม่”

ชูเซี่ยส่ายหน้าเบาๆ ดวงตาเป็นกระกายของนางมองข้ามฝ่าบาทไปหยุดอยู่ที่หลี่เฉินเย่นที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในห้องบรรทม ดวงตาของนางสื่อคำพูดนับพันนับหมื่นแต่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้แม้แต่คำเดียว

หน้าผากของหลี่เฉินเย่นเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน ฝ่ามือหนาถูกกำไว้แน่น ดวงตาเต็มไปด้วยแววตาเย็นเยียบระคนแค้นเคือง

“เหตุใดจึงไม่รู้จักระวังเลย?” ฮ่องเต้ถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งอก “โชคดีเหลือเกินที่ไม่ได้บาดโดนตัวเองเข้า มิฉะนั้นข้าคงปวดใจน่าดู”

ชูเซี่ยเอ่ย “หม่อมฉันเพียงอยากจะดื่มน้ำสักหน่อย แต่มือไม้ไร้เรี่ยวแรงเผลอไปปัดถ้วยยาตกพื้นเพคะ”

“เจ้าสาบานว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตงั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะอยู่เช่นนี้กับเจ้าไปชั่วชีวิต อยู่ไปเช่นนี้ตลอดชีวิตตราบนานเท่านาน ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจมาพรากจากข้าสองคนได้” หลี่เฉินเย่นโอบกอดนางไว้พร้อมเอ่ยคำสัญญาอย่างหนักแน่น

“เรื่องที่เกิดขึ้นในภายภาคหน้าค่อยคิดเถิด ตอนนี้ข้าควรหาวิธีแก้ไขปัญหาตรงหน้ามากกว่า”

“เจ้ายังไม่รู้จักนิสัยของเสด็จพ่อมากพอ ของที่ฮ่องเต้ต้องการไม่มีสิ่งใดที่ฮ่องเต้ไม่เคยได้ เรื่องที่เจ้าทูลต่อเสด็จพ่อว่าจะไม่ยอมออกเรือนตลอดชีวิตอาจจะทำให้เสด็จพ่อเลิกล้มแผนการเพียงชั่วคราวเท่านั้น แม้ว่าฮ่องเต้จะตรัสว่าให้เวลาเจ้าในการตัดสินใจแต่ในที่สุดฮ่องเต้ย่อมต้องหาหนทางบีบบังคับให้เจ้าเข้าวังจนได้”

ชูเซี่ยแย้มรอยยิ้มอ่อนแรงในขณะที่เอนซบอยู่ในอ้อมกอดของเขา หากนางสามารถยื้อเวลาไปได้ถึงครึ่งปี ซึ่งดูจากร่างกายของนางในยามนี้แล้วนางก็คงเหลือพลังชีวิตอีกแค่เพียงเท่านั้น

ยามที่กลับมาที่จวนอ๋องชูเซี่ยยืนกรานจะเดินด้วยตนเองไม่ยอมให้หลี่เฉินเย่นพยุงนางเพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่วางยาสังเกตเห็นได้

คืนนี้หลี่เฉินเย่นเลือกที่จะนอนอยู่ที่เรือนหรูอี้ ชายหนุ่มโอบกอดร่างของชูเซี่ยเพื่อกล่อมให้ร่างบางนอน เมื่อชูเซี่ยหลับไปแล้วชายหนุ่มก็ยังขบคิดถึงแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้ หัวใจของเขาบังเกิดความสิ้นหวังขึ้นมา หากคนคนนั้นไม่ใช่เสด็จพ่อของเขาแต่เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาเขาก็คงไม่หวาดกลัวและเลือกที่จะต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อแย่งชิงนางกลับมา แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับเป็นองค์จักรพรรดิ์ เป็นฮ่องเต้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเสด็จพ่อของเขา

ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าฝ่าบาทจะสนิทสนมกับเขามากขึ้น แต่ทว่าก็ยังคงความเข้มงวดและเผด็จการไว้เช่นเดิม แต่เล็กจนโตเขาและเสด็จพี่ต่างก็หวาดกลัวในตัวฮ่องเต้อย่างยิ่ง แม้ว่าในหลายปีนี้ฮ่องเต้จะไว้วางพระทัยในตัวเขามากขึ้นแต่ก็ไม่อาจลบล้างความหวาดกลัวที่เขาเคยมีต่อฮ่องเต้ตั้งแต่วัยเด็กจนโตได้เลย หากเขาจะเป็นคู่แข็งกับเสด็จพ่อเพียงแค่คิดจะเริ่มเขาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียแล้ว เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าการต่อสู้ในครั้งนี้หากเทียบกับการต่อสู้ในสนามรบนั้นยากกว่ามาก

แต่ทว่าเขาไม่อาจสูญเสียชูเซี่ยไปได้อีกแล้ว เพียงแค่เขาคิดถึงภาพยามที่เสด็จพ่อโอบอุ้มผู้หญิงที่เขารักที่สุดไว้ในอ้อมแขน ท้องไส้เขาก็ปั่นป่วน จิตใจว้าวุ่นไปหมด ทั้งยังมีความเจ็บปวดและความโกรธแค้นอยู่ในนั้น

เขานึกไปถึงข้อจำกัดที่ชูเซี่ยเคยเล่าให้เขาฟัง เพราะมีนางเขาจึงได้รู้ว่าใต้หล้านี้มีเรื่องมากมายที่แม้ว่าเขาจะไม่เคยเชื่อแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอยู่จริง เขาได้แต่คาดหวังอยู่ลึกๆว่าในเมื่อชูเซี่ยเคยสามารถอาศัยร่างของหลิวหยิงหลงได้ จากนั้นก็มาอาศัยร่างของหญิงสาวผู้นี้ นั่นก็เท่ากับว่าเขายังเหลือโอกาสที่จะคาดหวังให้นางสามารถไปเข้าสิงร่างอื่นอีกได้ใช่หรือไม่

นอกหน้าต่าง เริ่มมีเสียงของหยดน้ำที่ตกลงมากระทบก่อนจะเริ่มมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ฝนตกที่มาพร้อมกับลมหนาวที่โปรยปรายผ่านบานหน้าต่างเข้ามาทำให้แสงเทียนในห้องค่อยๆดับลงไปจนเหลือไว้เพียงความมืดมิด

อาการในห้องหนาวเย็นลงช้าๆทำให้ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงไปปิดหน้าต่าง จากนั้นก็เดินกลับมาเอนกายข้างร่างบอบบางของชูเซี่ยอีกครั้ง ชายหนุ่มลูบมือของนางอย่างแผ่วเบาและนำมือของนางวางไว้บนอกของเขาราวกับว่ากำลังฝากหัวใจไว้ในมือของนาง

หากยังมีนางอยู่ข้างกายของเขาไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะอันตรายแค่ไหนเขาก็พร้อมจะเผชิญหน้ากับมัน อย่างน้อยเขาก็ยังรู้สึกว่ามันช่างคุ้มค่า

กว่าชายหนุ่มจะข่มตาหลับได้ก็เกือบรุ่งสาง ชูเซี่ยนอนหลับสนิทตลอดคืนหลังจากที่นางดื่มยาไปแล้วนางก็มักจะรู้สึกง่วงนอนตลอดมา นอกจากยามที่อยู่บนรถม้าที่นางยังพอที่จะครองสติคุยกับเขาได้แต่หลังจากตอนนั้นนางก็หลับยาวมาตลอด

ดังนั้นเมื่อยามที่ทั้งคู่เข้าสู่ห้วงนิทราจึงหลับยาวไปจนถึงช่วงสายก็ยังไม่ตื่น

แต่ทว่าเสียงของโหร่วเฟยที่ดังขึ้นจากด้านนอกห้องกลับทำให้หลี่เฉินเย่นตื่นขึ้นมา! 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า