ตอนที่ 88 แสงสายัณห์ของตะวันรอน
นางขนลุกขนพองไปทั้งตัว แม้จะบอกว่านางอยู่กับอาจารย์เป็นระยะเวลานาน แต่อาจารย์ของนางก็เป็นเทพเซียน แต่หลิวหยิงหลงเป็นวิญญาณ
นางหน้าซีดพลางมองไปรอบด้าน รอบด้านเงียบสงบ ข้างนอกก็เงียบงัน ฟ้าสว่างแล้ว แต่ทำไมนางกำนัลถึงยังไม่ตื่นกันนะ ไม่ใช่สิ มามาล่ะ เมื่อคืนนี้มามาก็อยู่ในห้องโถงด้วย
หลิวหยิงหลงพูดเสียงเบา “ไม่ต้องกลัวหรอก” นางค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้ ชูเซี่ยเห็นนางเดินเหมือนกันคน ทันใดนั้นความกลัวในใจก็หายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ก็ยังค่อนข้างหวาดผวาอยู่ นางถามขึ้นว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร”
หลิวหยิงหลงยิ้มนิด ๆ “เจ้าก็เป็นดวงวิญญาณเหมือนกัน ทำไมต้องกลัวข้าด้วยเล่า”
ชูเซี่ยส่ายหน้า แม้จะรู้ว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณเหมือนกัน แต่ยังก็ไม่อาจยอมรับดวงวิญญาณ “ตัวเป็น ๆ” ปรากฏอยู่ตรงหน้าเหมือนคนได้ นางก้าวถอยไปหนึ่งก้าว “เจ้ายังไม่...เกิดใหม่หรือ เจ้ามาหาข้าทำไม” นางตั้งใจกดเสียงลง เพราะเกรงว่าไทเฮาจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา หากถึงเวลานั้นแล้วตกใจขึ้นมาคงไม่ดีกับนางแน่
หลิวหยิงหลงก้าวไปข้างหน้า “ข้ามาเพื่อขอร้องเจ้าหนึ่งเรื่อง”
ชูเซี่ยทรุดนั่งลงบนตั่งยาว และพลันลุกขึ้นยืนอีกครั้ง “อย่าพูดว่าขอเลย มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ” แสงอาทิตย์สว่างไสวสาดส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง แต่ทำไมภายในห้องถึงได้ยังเย็นอยู่แบบนี้กันนะ อีกอย่าง ผีไม่กลัวแดดหรือ? แสงแดดสาดกระทบร่างนางตั้งขนาดนั้น เมื่อก่อนตอนดูหนัง พอผีเจอเข้ากับแสงแดด ร่างก็จะถูกแสงอาทิตย์กัดกร่อนจนพรุนไม่ใช่หรือ
หลิวหยิงหลงกล่าวว่า “ดูแลท่านพ่อ ท่านแม่ และน้องสาวข้าด้วย จงจำไว้ให้ดี ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าทอดทิ้งพวกเขา อีกอย่าง ข้าไม่ได้ทำร้ายฉ่ายเวิน ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง...” หลิวหยิงหลงกล่าว ร่างกายพลางลอยขึ้น หน้าของนางค่อย ๆ อัปลักษณ์ขึ้น ชูเซี่ยตกใจจนร้องตะโกนลั่น “กรี๊ด...”
จากนั้นภาพตรงหน้าก็มืดลง ร่างทั้งร่างกระแทกลงกับพื้น
นางลืมตาขึ้น แสงอาทิตย์หายไปแล้ว หลิวหยิงหลงก็หายไปแล้วเช่นกัน แสงไฟบนเชิงเทียนยังคงเผาไหม้ขนาดคล้ายเท่าเม็ดถั่ว ส่องแสงสลัวไปรอบด้าน หน้าต่างยังคงปิดอยู่ ด้านนอกก็ฝนยังโปรยปรายเปาะแปะไม่หยุด
นางค่อย ๆ ลุกขึ้น ขนลุกชันไปทั่งร่าง ร่างกายอ่อนยวบเหมือนกับปุยฝ้ายก็ไม่ปาน ราวกับว่าสายลมบางเบาก็สามารถพัดนางปลิวได้
นางรู้สึกหนาวมาก พอมองไปรอบด้านก็ไม่กับร่างของหลิวหยิงหลง นางรู้สึกขนหัวลุก แม้จะอาศัยอยู่ในร่างของหลิวหยิงหลง แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นวิญญาณนางน่าเขย่าขวัญเช่นนี้
เสียงหายใจของไทเฮาดังขึ้น ความคงที่นั้นทำให้นางวางใจ นางนั่งตรงหน้าโต๊ะแล้วเทน้ำลงแก้ว น้ำเย็นหมดแล้ว แต่นางก็ยังดื่มมันลงไปอึกใหญ่ นางดื่มลงไปหลายอึก แม้จะดื่มน้ำแล้ว แต่สองมือก็ยังสั่นอยู่ อีกทั้งยังสั่นหนักกว่าเมื่อครู่ นางสูดหายใจลึกอยู่หลายที ควบคุมความหวดกลัวในใจ พอนึกถึงสิ่งที่หลิวหยิงหลงเพิ่งพูดกับนางเมื่อครู่นี้ ที่บอกว่าให้ดูแลบิดามารดาและน้องสาวนาง และนางไม่ได้ทำร้ายฉ่ายเวิน
มนุษย์พูดว่าคนตายก็เหมือนตะเกียงดับ แม้ก่อนตายจะกระทำบาปไว้มากมาย แต่หลังจากตายไปก็ควรจะได้ชำระล้าง นางตายไปแล้ว หากทำร้ายฉ่ายเวินจริง ๆ ก็ไม่ต้องหาหนทางทุกสิ่งอย่างมาหานาง บอกความไม่เป็นธรรมที่นางได้รับ เว้นแต่ว่า นางจะถูกใส่ร้าย
แต่ฉ่ายเวินพูดเองว่านางเห็นหลิวหยิงหลงผลักนางลงน้ำเองกับตา หรือฉ่ายเวินจะมองผิดไป น่าจะไม่ใช่สิ เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายจะมามองผิดได้อย่างไร เว้นแต่ว่ามีคนมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับนาง ความจริงเรื่องนี้ก็ตัดออกไปได้ เพราะในความทรงจำของหลิวหยิงหลงไม่มีคนที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับเธออยู่ในนั้นเลย
หรือฉ่ายเวินจะพูดโกหก แต่ทำไมฉ่ายเวินต้องโกหกด้วย คนที่ผลักนางลงน้ำทำให้นางหมดสติไปตั้งสี่ปีกว่าแล้ว นางควรจะเกลียดคน ๆ นั้นเข้ากระดูกถึงจะถูก แต่ความจริงนี้ ทุกครั้งที่นางพูดถึงหลิวหยิงหลงก็ล้วนแต่ขบเคี้ยวเคี่ยวฟันอย่างชิงชัง แม้หลิวหยิงหลงจะตายไปแล้ว ความเกลียดชังของนางเหมือนจะยังไม่ลดลงเสียด้วยซ้ำ ฉะนั้น สมมติฐานนี้น่าจะไม่เป็นความจริง
ถ้าอย่างนั้นความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ตอนนั้นใครผลักฉ่ายเวินลงน้ำกันแน่ ถึงจะบอกว่าตอนนั้นมีสาวใช้เห็นเข้า แต่พอไต่สวนสาวใช้คนนั้นแล้ว ฮองเฮากลับไม่ยอมรับ เป็นไปได้หรือไม่ที่ฮองเฮาจะทรงทราบเหตุการณ์สภายใน มิเช่นนั้นทำไมฮองเฮาถึงได้มั่นใจว่าหลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือกัน พระนางจะกล้าให้บุตรของตัวเองแต่งงานกับหญิงชั่วช้าหรือ
ใจของชูเซี่ยสับสนไปหมด มันซับซ้อนวุ่นงายไปหมดจนไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี
แต่อย่างน้อยตอนนี้นางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง คือหลิวหยิงหลงไม่ใช่คนลงมือ และเพราะความมั่นใจในเรื่องนี้ทำให้นางดีขึ้นมาบ้าง นางหวังว่าหลิวหยิงหลงจะไม่ใช่คนลงมือจริง ๆ
เสียงฝนเปาะแปะข้างนอกที่ดังไม่ขาดสายทำให้จิตใจของนางยิ่งว้าวุ่นขุ้นไปอีก
ฝนเอาแต่ตกทั้งวันทั้งคืนจนใคร ๆ ต่างก็ไม่อยากได้ยินเสียงเปาะแปะ นางถอนหายใจยาว ต่อมาก็เดินไปหยุดที่หน่าแท่นบรรทมของไทเฮาสักพัก เมื่อเห็นว่าสีหน้าท่าทางของไทเฮายังดีอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ พระนางไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
นางนั่งบนที่นั่งข้างเตียง ในหัวคิดทบทวนเรื่องเมื่อสามปีก่อนไม่หยุด
ด้วยเหตุนี้ นางจึงนอนไม่หลับทั้งคืน อยู่รับรุ่งอรุณที่ชุ่มฉ่ำ
ไทเฮารู้สึกตัวตื่นบรรทม ดูเหมือนสภาพจิตใจดีเป็นอย่างมาก พระนางนั่งบนพระแท่นบรรทม พระกรรณฟังเสียงฝนข้างนอก จากนั้นก็มุ่นคิ้ว "ยังไม่หยุดหรือ นี่ก็เกือบจะครึ่งเดือนแล้วนะ"
ชูเซี่ยก้าวเข้าไปปรนนิบัตรพระนางสวมฉลองพระองค์ "ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพคะ ฝนต้องหยุดแน่"
ไทเฮาถอนหายใจ จากนั้ก็ตรัสขึ้น "คืนนี้เหมือนจะยาวนานเป็นพิเศษนะ"
ชูเซี่ยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "เมื่อคืนไทเฮาทรงตื่นบรรทมหรือเพคะ"
ไทเฮาส่ายพระพัตร์แล้วตรัสตอบ "หลับสนิททั้งคืนเลย"
ชูเซี่ยยิ้มออกมาอย่างสบายใจ "ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วเพคะ"
ไทเฮาทรงล้มหมอนนอนเสื่ออยู่นาน จากคำพูดของพระนางที่พูดว่า แม้จะได้แต่รอความตาย แต่วันนี้พระนางกลับอยากออกไปเดินเล่น พระนางสูดหายใจลึกแล้วตรัสว่า "ประคองข้าลุกเดินหน่อย"
ชูเซี่ยกล่าวกับพระนางว่า "ไทเฮาไม่ได้ลงจากพระแท่นบรรทมนานแล้ว เดินวนในห้องสักรอบก็ดีนะเพคะ ข้างนอกยังฟ้าฝนกระหน่ำอยู่ ไม่ออกไปจะดีกว่านะเพคะ"
ส่วนไทเฮาส่ายพระพักตร์ "ในห้องมีอะไรน่าสนใจกัน ออกไปเดินเล่นข้างนอกเถอะ เจ้าวางใจเถอะ ข้ายังไม่ตายหรอก"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...