ตอนที่ 93 ส่งคำสั่งปลอม
ชูเซี่ยคิดถึงเรื่องพรรคพวกนี้นางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นางก็แค่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างเรียบง่ายเท่านั้นนางไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากเข้ามาใส่ตัวเพิ่มขึ้นจึงเลือกที่จะปฎิเสธออกไป “หม่อมฉันไม่กล้ารับหรอกเพคะ นี่เป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนเหล่าเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หรือเพคะ ข้าเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้พวกเขาไม่มีทางรับฟังคำสั่งของข้าหรอกเจ้าค่ะ”
ไทเฮาทรงตรัส “พรรคมังกรเหินจะเชื่อฟังตรามังกรเหิน อีกอย่างเราสั่งให้คนไปแจ้งต่อชาวสำนักเรียบร้อยแล้วว่าเจ้าเป็นนายหญิงคนใหม่ของพรรค ไม่มีเรื่องใดสามารถเปลี่ยนแปลงได้”
ชูเซี่ยหันไปมองหลี่เฉินเย่นอย่างขอความช่วยเหลือ ชายหนุ่มเมื่อเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยออกมาเสียงเบา “ในเมื่อเสด็จย่าทรงจัดการเรื่องทุกอย่างไว้ให้เจ้าเรียบร้อย เจ้าก็ยอมรับแต่โดยดีเถิด”
ชูเซี่ยได้ยินหลี่เฉินเย่นกล่าวออกมาเช่นนั้นก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ นี่มันมัดมือชกนางชัดๆ แล้วนางจะทำเช่นไรได้เล่านอกจากเอ่ยออกไปว่า “เช่นนั้น ชูเซี่ยขอบพระทัยองค์ไทเฮาที่เมตตาเพคะ”
ไทเฮาทรงสรวลอย่างยินดี นางเอื้อมมือไปดึงมือชูเซี่ยไว้ “เรายังอยากได้ยินเจ้าเรียกเราว่าเสด็จย่าอีกสักครั้ง”
“เพคะ เสด็จย่า!” ชูเซี่ยส่งเสียงเรียกอย่างเขินอาย
คำเรียกเสด็จย่านี้ให้ความรู้สึกต่างจากเมื่อก่อนมากโข เพราะเมื่อก่อนนางเรียกในฐานะที่ตนเป็นหลิวหยิงหลง แต่ในยามนี้นางเป็นตนเอง เป็นชูเซี่ย
พระพักตร์ของไทเฮาอ่อนโยนยิ่ง แต่จู่ๆก็ทรงถอนพระปัสสาสะออกมา “เราอยากมีชีวิตอยู่ถึงวันที่พวกเจ้าสองคนแต่งงานกันเหลือเกิน!”
หลี่เฉินเย่นไม่สบายใจกับถ้อยคำของเสด็จย่า “เสด็จย่าอย่าได้ตรัสเช่นนั้น พระองค์จะต้องดีขึ้นแน่!”
ไทเฮาทรงแย้มสรวล “อืม เด็กน้อย เจ้าออกไปก่อนได้หรือไม่ เรามีเรื่องเกี่ยวกับพรรคมังกรที่อยากพูดคุยกับชูเซี่ยเสียหน่อย!”
หลี่เฉินเย่นรีบคำและออกไปแต่โดยดี
ชูเซี่ยพยุงไทเฮาลุกขึ้นมา จากนั้นก็เดินไปรินน้ำถวาย “ดื่มน้ำสักหน่อยก่อนนะเพคะ!”
ไทเฮาทรงวางแก้วในมือลง สีพระพักตร์ของพระองค์จริงจังยิ่ง “ยังก่อน เรามีเรื่องบางเรื่องที่จะต้องพูดกับเจ้าให้ได้เสียก่อน”
ชูเซี่ยเห็นว่าพระองค์จริงจังนางก็คุกเข่าลงกับพื้น “เสด็จย่ามีอะไรโปรดตรัสมาเลยเพคะ!”
สีพระพักตร์ของไทเฮาเศร้าหมองยิ่ง “เราเองก็แก่มากแล้ว เหลือเวลาอยู่ไม่มากนัก เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องลำบากใจไปหรอกนะ เรารู้ว่าเจ้าอยากจะรักษาเราให้หาย แต่ทว่าสำหรับคนที่มีใจเตรียมพร้อมที่จะตายแล้วต่อให้เจ้าช่วยเขาได้ครั้งหนึ่งก็ไม่อาจช่วยเขาได้เป็นครั้งที่สองหรอก”
ชูเซี่ยนิ่งอึ้ง “เสด็จย่าหมายความเช่นไรเพคะ”
พระอัสสุชลของพระองค์ไหลริน สุรเสียงสั่นเครือ “เราเองก็เพิ่งจะรู้ความจริงเมื่อปีก่อน ที่แท้แล้วอดีตฮ่องเต้ทรงถูกเจ้าลูกอกตัญญูคนนั้นสังหารจริงตามข่าวที่เขาที่เขาร่ำลือกัน ข้าไม่รู้จริงๆว่าเหตุใดเขาถึงโหดร้ายได้ถึงเพียงนั้นทั้งๆที่ยามนั้นตัวเขาเองก็ครองตำแหน่งรัชทายาทแล้ว เหตุใดจึงไม่ยอมรอจนถึงช่วงเวลาที่อดีตฮ่องเต้ทรงสละราชบัลลังก์เล่า เราอยากจะฆ่าเขาให้ตายคามือของเรานักแต่ทว่าเราก็ไม่อาจทำใจได้ ในอดีตที่อดีตฮ่องเต้ทรงเข้มงวดกวดขันดุด่าเขาก็เป็นเพราะว่าต้องการให้
เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดีสืบต่อบัลลังก์จากพระองค์ หากไม่ได้คำสั่งสอนของพระองค์แล้วจนถึงตอนนี้เขาคงไม่อาจเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้เสียด้วยซ้ำ เรารู้ดีอยู่แก่ใจมาโดยตลอดว่าตลอดหลายปีที่เขาครองราชย์มาเขารักใคร่และปกครองประชาชนอย่างยอดเยี่ยม แต่ทว่าฮ่องเต้ที่สามารถสังหารได้แม้กระทั่งบิดาและพี่น้องสายเลือดเดียวกันได้ ฮ่องเต้ที่มีจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนี้ หากมีสักวันที่เขารู้สึกว่าโอรสแท้ๆของตนเองมีภัยคุกคามต่อบัลลังก์ของเขา เขาก็คงไม่ลังเลที่จะสังหารทิ้งเหมือนที่เขาเคยทำกับลูกสาวของเราแน่ แม้แต่สัตว์ร้ายมันยังไม่ทำร้ายลูกของตนเองเลย ชายผู้นี้ยังแย่กว่าสัตว์ร้ายเสียด้วยซ้ำ!”
เมื่อไทเฮาทรงตรัสถึงตรงนี้ ทำนบพระอัสสุชลก็ไหลบ่าออกมาราวกับสายธารของไข่มุก ไม่ว่าพระองค์จะพยายามห้ามเช่นไรก็ไม่อาจหยุดมันได้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ตกค้างในใจของพระองค์มานานหลายปี ยามนี้หัวใจของพระองค์กำลังบรรเทาความเจ็บปวดของมันออกมาผ่านสายพระอัสสุชล
ดวงตาชูเซี่ยแดงก่ำด้วยความสงสาร หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดพระอัสสุชล
ไทเฮาทรงเอื้อมพระหัตถ์มากุมมือนางไว้ ตรัสด้วยสุรเสียงเคียดแค้น “ความจริงแล้วเราอยากสั่งให้พรรคมังกรเหินลอบปลงพระชนม์เขาเสีย แต่ทว่าดีเลวอย่างไรเขาก็เป็นลูกของเรา เราลงมือทำร้ายเขาไม่ลง ในวันนี้เรามอบพรรคมังกรให้อยู่มือเจ้า หากว่าวันหนึ่ง ในวันหนึ่งหากว่าเขาคิดจะสังหารแม้กระทั่งลูกตนเองในวันนั้นเจ้าจะต้องลงมือสังหารเขาเสียอย่าได้คิดลังเล!”
ชูเซี่ยเอ่ยกระซิบราวกับละเมอ “พระองค์คงไม่โหดเหี้ยมถึงเพียงนั้นหรอกเพคะ”
ฝ่าบาทในสายตาของนางเป็นบุรุษที่ยอดเยี่ยม เฉลียวฉลาดและรักราษฎร์ยิ่งกว่าผู้ใด ในวันนั้นที่พระสนมทรงให้กำเนิดบุตรพระองค์ก็ยังหอมแก้มของทารกน้อยด้วยความเอ็นดู ยามที่หลี่เฉินเย่นได้รับบาดเจ็บพระองค์ก็ทรงเสด็จออกมาเยี่ยมเยียนด้วยพระองค์เอง ความห่วงใยมากมายปานนั้นดูอย่างไรก็ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ทรงเสแสร้งแสดงออกมา
“ฝ่าบาททรงรักเฉินเย่นและเจิ้นหยวนอ๋องดุจแก้วตาดวงใจ อย่างไรเสียพระองค์ก็คงไม่มีวันทำเรื่องเช่นนั้นได้หรอกเพคะ!” ชูเซี่ยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ไทเฮาทรงแย้มพระสรวลอย่างเย็นชา “เพราะว่าตอนนั้นสองพี่น้องคู่นี้ยังไม่เป็นอันตรายต่อบัลลังก์ของเขาอย่างไรเล่า จนถึงตอนนี้ที่เขายังไม่ตั้งตำแหน่งองค์รัชทายาทก็เพราะว่าเขาเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหมือนยามที่เขายังเป็นรัชทายาทที่มีกองกำลังอานาจขุนนางคอยเกื้อนุลอยู่เบื้องหลังคอยบงการให้สังหารบิดาตนเองอย่างไรเล่า ชายผู้นี้เห็นแก่บัลลังก์ของตนเองมาก มิฉะนั้นเขาจะพยายามทำให้สองพี่น้องคู่นี้ให้แตกแยกกันหรือ”
ชูเซี่ยชะงักกก “พระองค์กำลังจะตรัสว่าพระองค์เป็นผู้ยุยงให้สองพี่น้องคู่นี้แตกแยกกันงั้นหรือ” สวรรค์ แม้แต่โอรสแท้ๆ
ของพระองค์เองยังทรงวางแผนจัดการอีกหรือ บัลลังก์มันสำคัญถึงเพียงนั้นเลยหรือ?
ไทเฮาทรงตรัสเสียงเย็น “อวิ่นกังเป็นบุรุษที่ทระนงองอาจกล้าหาญ เป็นผู้บัญชาการที่มีทหารอยู่ใต้อาณัตินับไม่ถ้วนทั้งยังทำคุณแก่แผ่นดินมากมาย แต่ทว่าเขากลับกล้าพระราชทานชายาแม่ทัพอินทรีย์ให้แก่หลี่เฉินเย่นทั้งๆที่เดิมฉายานี้เป็นของหลี่อวิ่นกังมาก่อนก็เพื่อให้ทั้งสองพี่น้องเกิดความหวาดระแวงคลางแคลงใจต่อกัน ให้พวกเขาหันมาฆ่าฟันทำร้ายกันเองเพื่อที่จะล้มเลิกความคิดที่จะช่วงชิงบัลลังก์ของเขา การที่เขาทำเช่นนั้นจิตใจจะต้องเจ็บปวดมากเป็นแน่แต่ทว่าเขากลับคิดว่าการที่ตนเองทำเช่นนี้เพราะไม่มีทางเลือกเพราะในใจของเขามีเพียงแค่บัลลังก์เท่านั้นที่เขาต้องการยึดไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวไม่อาจยกให้ผู้อื่นได้”
ชูเซี่ยนิ่งเงียบอยู่นาน นางนึกไม่ถึงเลยว่าภายใต้ดวงพระเนตรที่อ่อนโยนและเรียบง่ายของไทเฮาจะทรงเก็บทุกลายละเอียดและรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
“บุคคลที่หลงไหลในอำนาจเมื่อได้มันมาครอบครองแล้วก็จะเริ่มเข้าสู่วังวนแห่งความบ้าคลั่งทีละน้อย เพราะคำทำนายของราชครูถึงทำให้เขามีความคิดที่จะรับเจ้าเข้ามาเป็นนางสนมในวัง และคำทำนายของราชครูก็คือหากได้เจ้าถวายตัวเข้ามาอยู่ในวังเป็นนางสนมแล้ววังหลังก็จะรอดพ้นจากภยันตราย ท่านราชครูมั่นใจอย่างยิ่งว่าหากทำเช่นนั้นแล้วเราก็จะอยู่รอดปลอดภัยซึ่งเป็นเพราะเจ้าเองก็มีฝีมือการแพทย์ที่เลิศล้ำอยู่แล้ว อีกทั้งเรามั่นใจว่าอย่างยิ่งว่าราชครูจะต้องรู้แน่ว่าเจ้าก็คือชูเซี่ย แต่ที่เขาไม่ยอมเอ่ยปากทูลต่อฮ่องเต้ก็เป็นเพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้จงรักภักดีต่อฝ่าบาทจริงๆหรอก”
ชูเซี่ยอดตื่นตะลึงไม่ได้ แม้แต่เรื่องนี้พระองค์ก็รู้งั้นหรือ
ชูเซี่ยเอ่ยถาม “เช่นนั้น ท่านราชครูเป็นคนของผู้ใดหรือเพคะ”
ไทเฮาทรงตรัสด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ราชครูเป็นคนของอ๋องเก้า เรื่องนี้เราทราบมานานแล้ว แต่ทว่าเราก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยเขาเพราะว่าแท้จริงแล้วเขาก็ทำเช่นนี้เพื่อปกป้องหลานทั้งสองของเขาทั้งสองคน เพราะเช่นนั้นเราจึงไม่คิดสนใจหากว่าอ๋องเก้าจะคิดหันมาต่อต้านพี่ของตนบ้าง แต่ทว่า...”
พระองค์ทรงดึงมือชูเซี่ยไว้จากนั้นก็ตรัสฝากฝังต่อนางอยากหนักแน่น “ไม่ว่าฝ่ายใดจะแพ้หรือชนะเจ้าจะต้องมั่นใจว่าหลานทั้งสองของข้าปลอดภัยนะเข้าใจหรือไม่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...