ชายาเกิดใหม่ของข้า นิยาย บท 97

ตอนที่ 97 ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม

หลี่เฉินเย่นนิ่งเงียบไป จากนั้นชายหนุ่มก็ถอนหายใจลากยาว “หากเป็นเสด็จพ่อจริง ชาตินี้เปิ่นหวางก็ไม่อาจให้อภัยเขาได้”

อานเหยียนเป็นหลานชายแท้ๆของเขา อายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น ยังเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาไม่รู้ความสมควรอยู่ในอ้อมกอดพ่อแม่อย่างมีความสุขมากกว่าการที่จะต้องตกมาเป็นเครื่องมือของผู้ใหญ่ในการแก่งแย่งชิงบัลลังก์

ชูเซี่ยนอนไม่หลับอีกแล้ว หัวใจของนางเต้นแรงอย่างน่ากลัว นางมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่

มันเป็นความรู้สึกที่หวาดกลัว หญิงสาวซุกกายเข้ามาในอ้อมแขนของหลี่เฉินเย่นมากขึ้น นางอยากออกตามหาอานเหยียนด้วยตัวเองหลือเกิน ไปหาเขาในที่ที่นางฝันเห็น

หลังจากที่หลี่เฉินเย่นตื่นนอนเขาก็เริ่มระดมกำลังตามหาอานเหยียนกันอีกครั้ง

ชูเซี่ยนั่งรอข่าวคราวอยู่ในจวนได้เพียงครู่เดียวก็เรียกหาเชียนซาน “ข้าอยากออกไปตามหาอานเหยียน”

“หากนายหญิงประสงค์เช่นนั้นก็เพียงแค่สั่งเหล่าชาวพรรคมังกรเหินไปตามหาก็พอแล้วเจ้าค่ะ ไม่จำเป็นต้องตามหาด้วยตนเองหรอก”

ชูเซี่ยครุ่นคิด “ก็ดี เช่นนั้นเจ้าช่วยไปกระจายคำสั่งให้คนในพรรคมังกรเหินทุกคนออกตามหาอานเหยียนให้พบ”

เชียนซานโค้งคำนับ “เจ้าค่ะ!”

หลังจากที่เชียนซานออกไป จิตใจของชูเซี่ยก็ยังไม่อาจสงบลงได้

นางทำสีหน้าครุ่นคิดจากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ทั้งยังโพกศีรษะเรียบร้อย ก่อนจะวิ่งออกจากไป

ตอนนี้ชูเซี่ยยืนอยู่ด้านหลังจวนเจิ้นหยวน ในมือของนาง ในมือของนางถือเสื้อผ้าของอานเหยียนไว้ นางนำผ้ามาให้เจ้าถ่านดม “เจ้าถ่าน พวกเราไปหาอานเหยียนกันเถิด ข้าไม่รู้ว่าอานเหยียนอยู่ที่ใด เจ้าต้องช่วยข้านะ”

ราวกับว่าเจ้าถ่านฟังคำพูดของนางรู้เรื่อง มันก้มลงดมผ้าในมือของนางฟุดฟิดๆ จากนั้นก็เห่าเสียงดังพร้อมนำทางชูเซี่ยไปข้างหน้า

เจ้าถ่านยังคงนำทางชูเซี่ยไปข้างหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวงจนกระทั่งเริ่มห่างออกจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางที่นางผ่านมามีหมู่บ้านที่ยากจนอยู่หลายแห่งที่สร้างจากดินโคลนและก้อนอิฐอย่างเรียบง่าย

เมื่อเวลาล่วงมาจนถึงช่วงเย็นท้องฟ้าก็เริ่มอึมครึมอีกครั้ง จากนั้นไม่นานหิมะก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง

ชูเซี่ยเหยียบย่ำลงบนพื้นหิมะที่อ่อนนุ่มให้ความรู้สึกสบายเท้าอย่างประหลาด

ทันใดนั้นเจ้าถ่านก็ส่งเสียงเห่าออกมาหลายครั้งก่อนจะตามมาด้วยเสียงโครมคราม

หัวใจของชูเซี่ยกระตุกวูบ นางคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าถ่านจึงรีบวิ่งตามไปที่ต้นเสียงทันที

จากนั้นนางก็พบว่าเจ้าถ่านกำลังนั่งกระดิกห่างอยู่ที่ลานบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ในปากของมันคาบกระดูกชิ้นใหญ่ไว้อีก

ด้วย

ชูเซี่ยเดินเข้าไปอุ้มเจ้าถ่านขึ้นมาก่อนถอนหายใจ “วันนี้เราหากันมาตลอดทั้งบ่าย เจ้าคงหิวแล้วสินะ เป็นข้าเองที่ไม่ดีลืมให้เจ้ากินอิ่มเสียก่อนแล้วจึงค่อยออกค้นหา”

นางหันไปมองรอบๆด้านก็พบว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงมากพอสมควร มีเด็กๆวิ่งไปมารอบๆอย่างสนุกสนาน ถัดมาก็มีหญิงสาวชาวไร่ที่เก็บข้าวของที่ตากไว้ หญิงผู้นั้นเก็บข้าวของไปก็บ่นไป “นึกว่าวันนี้ฟ้าจะปลอดโปร่งเสียอีก กลายเป็นหิมะตกเสียนี่ อยากให้ผู้อื่นหนาวตายหรืออย่างไรกัน”

ชูเซี่ยอุ้มเจ้าถ่านไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็เดินออกไปอีกทาง “พวกเราไปหาร้านอาหารกินอะไรกันก่อนดีกว่านะ กินอิ่มแล้วค่อยเริ่มต้นหากันใหม่”

ตอนนี้นางไม่มีเบาะแสอะไรสักอย่าง ตอนที่นางออกจากจวนมาในใจของนางก็เชื่อในสัญชาติญาณของตนเองมากพอสมควร แต่ทว่ายามนี้ความรู้สึกพวกนั้นเลือนหายไปจนแทบไม่เหลือ หากฝ่าบาทต้องการลักพาตัวอานเหยียนจริงก็คงไม่พาเขามาซ่อนตัวในที่แบบนี้หรอกกระมัง อย่างน้อยอานเหยียนก็เป็นพระราชนัดดาแท้ๆของพระองค์

อย่างไรก็ตามในขณะที่นางหันหลังเดินกลับได้เพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆหัวใจของนางก็เริ่มเจ็บแปลบขึ้นอีกครั้งพร้อมภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของนาง กำแพงอิฐสีเขียวและเสียงร้องไห้จ้าของเด็ก นางก้มลงคุกเข้าลงกับพื้นจากนั้นก็หลับตาทำสมาธิ ภาพในหัวก็เริ่มแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง กำแพงอิฐสีเขียว มีดอกเหมยฮวาบานอยู่บนนั้น ที่หน้าประตูล่ามสุนัขไว้ตัวหนึ่งทั้งยังมีนายทหารสองคนยืนเฝ้าประจำการอยู่

เมื่อภาพในหัวหายไปแล้ว ชูเซี่ยก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน นางมองไปรอบๆ บ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านนี้จะสร้างด้วยดินโคลนและอิฐมอญง่ายๆเท่านั้น

นางหลับตาลงหวังว่าจะมีภาพเมื่อครู่ปรากฎในหัวอีกครั้งแต่ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปหาสาวชาวบ้านเมื่อครู่นี้ “ท่านน้าเจ้าคะ ข้าขอสอบถามอะไรหน่อยได้หรือไม่!”

หญิงสาวผู้นั้นแบกห่อผ้าไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็สาวท้าวเข้ามาใกล้นาง “มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”

ชูเซี่ยเอ่ยถามนาง “ข้าอยากถามท่านว่าบริเวณนี้บ้านหลังใดที่มีกำแพงอิฐสีเขียวหรือไม่เจ้าคะ”

ผู้หญิงคนนั้นจับเส้นผมของนางเล่น “บริเวณนี้ไม่มีหรอก แต่ถ้าหากว่าเจ้าเดินตรงไปทางนี้จนออกจากหมู่บ้านไป บริเวณทะเลสาปจะมีบ้านอยู่หลังหนึ่ง บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของผู้มีอันจะกินที่มาสร้างไว้ มีกำแพงอิฐสีเขียวอย่างที่เจ้าว่านั่นล่ะ!”

ชูเซี่ยยิ้มอย่างยินดี นางรีบร้อนเอ่ยขอบคุณจากนั้นก้อุ้มเจ้าถ่านวิ่งไปตามทาง

ตลอดทางที่ผ่านมาเจ้าถ่านเชื่อฟังยิ่งนัก มันไม่ส่งเสียงเห่าแม้แต่น้อยปล่อยให้ชูเซี่ยอุ้มมันวิ่งไปตามทางเดินอยู่อย่างนั้น

หลังจากวิ่งมานานกว่าครึ่งชั่วยามนางก็พ้นเขตหมู่บ้านในที่สุด ทิวทัศน์โดยรอบค่อยๆแห้งแล้งขึ้น ต้นไม้ทุกต้นเหลือเพียงกิ่งไม้เปลือยเปล่าปราศจากใบไม้คอยห่อหุ้ม

จนกระทั่งหญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงทางแยก ชูเซี่ยนิ่งไปนาน นางไม่รู้ว่าควรไปทางซ้ายหรือทางขวาดี

พอดีกับที่ทางซ้ายมีคนตัดฟืนอยู่บริเวณนั้นพอดี ชูเซี่ยจึงสาวเท้าก้าวไปหาเขา “พี่ชายท่านนี้ ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยเถิด บริเวณนี้มีบ้านที่มีกพแพงอิฐสีเขียวหรือไม่เจ้าคะ”

คนตัดฟืนเงยหน้าขึ้นมามองนางเล็กน้อยจากนั้นก็ชี้นิ้วไปทางขวา “ที่เจ้าต้องการถามคือบ้านพักตากอากาศของเจ้าของโรงรับจำนำใช่หรือไม่ แม่นางก็เดินไปทางขวาประมาณครึ่งชั่วยามก็เจอบ้านหลังนั้นแล้วล่ะ”

ชูเซี่ยเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็เดินไปทางขวาตามที่ชายตัดฟืนผู้นั้นบอกทาง

ระหว่างที่นางเดิน หญิงสาวก็มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง นางปรับผ้าคลุมผมให้ลงมาปิดหน้าเล็กน้อยจากนั้นก็เดินต่อไปข้างหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า