อ่านสรุป ตอนที่ 98 เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว จาก ชายาเกิดใหม่ของข้า โดย ลิ่วเยว่
บทที่ ตอนที่ 98 เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ ชายาเกิดใหม่ของข้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ลิ่วเยว่ อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 98 เปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว
ชูเซี่ยเฝ้ามองความเคลื่อนไหวนอกหน้าต่างอยู่ตลอดเวลา นางสังเกตว่าในทุกๆครึ่งชั่วยามจะมีคนเดินมาตรวจค้นรอบหนึ่ง แต่นางไม่รู้ว่าขนที่เข้ามาซ้ำหน้ากันหรือไม่ เพราะถ้าหากไม่ซ้ำนั่นก็เท่ากับว่าในสองชั่วยามมานี้มีคนไม่ต่ำกว่าสิบห้าถึงยี่สิบคนเลยทีเดียว
หากมีแค่สามถึงห้าคนนางก็ยังพอเข้าใจและรู้สึกสมเหตุสมผล แต่ทว่าหากมียี่สิบคนจริงๆต่อให้นางอุ้มอานเหยียนวิ่งอย่างสุดชีวิตก็คงไม่อาจหนีพ้นได้แน่
อานเหยียนนอนหลับไปแล้ว เด็กๆมักจะมีความรู้ไวเสมอ เมื่อเขารับรู้ได้ถึงความปรารถนาดีของชูเซี่ย ก็เริ่มให้ความไว้วางใจกับนางมากขึ้น ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งเสียงร้องไห้ออกมาอีก ทั้งยังหลับลงอย่างว่าง่าย
ความจริงแล้วอานเหยียนก็คงเหนื่อยมามากแล้ว เขาถูกจับตัวมาสองวันสองคืนก็ร้องไห้มาตลอด ร้องจนหลับไป แม้กระทั่งยามฝันเด็กน้อยก็ยังกระสับกระส่าย ไหนเลยจะนอนหลับได้อย่างไร้กังวลเช่นในตอนนี้
รอแล้วรอเล่า ชูเซี่ยรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก หากว่ายังรอกันแบบนี้จนถึงเช้าแล้วล่ะก็สู้หนีไปทั้งที่ยังมืดค่ำเช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ นางใช้พลังวิญญาซัดออกไปนอกหน้าต่างจนเกิดเสียงนกร้องแตกตื่นอื้ออึงไปมด ทำให้เหล่าผู้คุมต่างก็วิ่งไปตามเสียงเหล่านั้น
ชูเซี่ยหันกายกลับไปอุ้มอานเหยียนไว้ในอ้อมกอดจากนั้นก็หันมาเอ่ยกับเจ้าถ่าน “ไป!” นางปีนไปบนขอบหน้าต่างก่อนจะกระโดดเหาะทะยานออกไป
แต่ทว่าจู่ๆร่างทั้งร่างของนางก็ดิ่งลงมาสู่พื้นดิน นางตื่นตะลึง ล้มเหลวอีกแล้วหรือ นางรีบร้อนวิ่งไปอุ้มร่างของอานเหยียนไว้จากนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วง “เจ็บหรือไม่”
อานเหยียนน้ำตาคลอ “เจ็บ!” เด็กน้อยกุมหน้าผากของตนเองไว้แน่น เมื่อครู่ที่ดิ่งลงมายังพื้นเขาหัวกระแทกจนหัวโนเท่าซาลาเปาลูกใหญ่
ชูเซี่ยรู้สึกผิดขึ้นมา เด็กน้อยโดนจับมาสองวันไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่หลังจากที่นางมาช่วยเขายังไม่ทันที่จะได้ออกไปจากเขตบ้านก็ทำให้หัวโนเท่าซาลาเปาลูกใหญ่เสียแล้ว
นางได้ยินเสียงฝีเท้าไล่หลังมาทำให้หญิงสาวตื่นตระหนกรีบอุ้มร่างของเด็กน้อยขึ้นก่อนจะวิ่งไปทางประตูหลัง
ประตูหลังถูกลงกลอนล็อคไว้อย่างแน่หนา นางพยายามใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดทำลายมันแต่ก็ไม่อาจทำลายได้ นางถอยหลังไปสองก้าวพยายามใช้พลังวิญญาณของตนเองอีกครั้ง จากนั้นก็กระซิบเสียงร้อนรน “เปิดสิ!”
แต่แม่กุนแจก็ยังคงไม่ปลดล็อค
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงร้องที่ดังมาจากทางด้านหลังทั้งยังตามมาด้วยเสียงฝีเท้ามากมาย พวกเขาใกล้จะตามมาทันแล้ว วเนอี้ข่มตาหลับใช้สมาธิอีกครั้งจากนั้นก็เอ่ยกัดฟัน “เปิด!”
จู่ๆกลอนประตูก็ถูกปลดออก ชูเซี่ยตะลึงไปเล็กน้อย นางไม่มีเวลามาตรวจสอบให้แน่ชัด หญิงสาวยังคงกอดอานเหยียนไว้แน่น จากนั้นก็วิ่งตามเจ้าถ่านไปตามทางเรื่อยๆ
นางไม่รู้ว่ามีคนวิ่งตามหลังมากี่คน หัวใจของชูเซี่ยเต้นเร็วและแรงจนแทบจะทะลุออกมา นางวิ่งไปพร้อมกอดปลอบอานเหยียน “ไม่ต้องกลัวนะ แม่บุญธรรมวิ่งเร็วมาก พวกคนไม่ดีตามไม่ทันแน่”
นางหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ ไปตามเส้นทางริมแม่น้ำ แม่แสงคบไฟวิ่งตามหลังนางมาติดๆ ชูเซี่ยกลัวเหลือเกินว่าพวกเขาจะมีธนู แต่เมื่อนางหันกลับไปมองก็เห็นว่าพวกเขาพกดาบไล่ตามมาเท่านั้น เช่นนั้นนางก็วางใจได้เปราะหนึ่ง
แต่จู่ๆเจ้าถ่านก็ส่งเสียงเห่าออกมาดังลั่น ชูเซี่ยตกใจเล็กน้อย เพราะความเร็วที่ไม่อาจชะลอได้ทำให้นางเผลอไปเหยียบ
ร่างของเจ้าถ่านเข้า เจ้าถ่านจึงได้ร้องออกมาจากเจ็บปวด
ชูเซี่ยมองไปข้างหน้าก็พบว่ามีกลุ่มคนถือคบเพลิงอยู่เช่นกัน เป็นเสียงเห่าของเจ้าถ่านที่ทำให้นางได้สติขึ้นมา
นางอุ้มอานเหยียนไว้แน่น “เราถูกล้อมไว้แล้ว ทำอย่างไรดี”
ซ้ายมือของนางเป็นหน้าผา ขวามือเป็นทะเลสาป แม้ว่านางจะไม่กล้าโดดหน้าผาแต่หากเป็นทะเลาสาปแล้วล่ะก็นางกล้า
หญิงสาวไม่เสียเวลาคิดให้มากความ นางกระชับอ้อมกอดของอานเหยียนจากนั้นก็วิ่งลงไปที่ทะเลาสาป โชคดีเหลือเกินที่น้ำไม่ลึกมากนักอยู่เพียงระดับเอวของนางเท่านั้น นางอุ้มร่างของอานเหยียนให้สูงมากขึ้นเพื่อไม่ให้ร่างกายของเขาต้องถูกน้ำเย็น เหล่าผู้ไล่ตามก็ยังไล่ตามนางลงมายังทะเลสาป
ชูเซี่ยอยากสาวเท้าวิ่งแต่ทว่าอยู่ในน้ำเช่นนี้นางจะวิ่งได้ที่ไหนกันเล่า อีกทั้งในยามนี้ขาของนางก็เย็นเฉียบไปหมด แล้วจู่ๆร่างของอานเหยียนที่อยู่บนไหล่ของนางก็ถูกกระชากออกไป นางหันกลับไปมองก็พบว่ามีเหล่าคนร้ายที่สวมใส่เครื่องแบบองรักษ์อุ้มร่างของอานเหยียนออกไป ในมือของหนึ่งในนั้นถือดาบเปื้อนเลือดไว้ในมือ เมื่อนั้นเองนางจึงได้รับรู้ว่านางถูกดาบแทงเข้าที่ด้านหลังและนั่นก็คือเลือดของนาง แต่นางไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่น้อย
นางหันกลับไปมองทั้งยังร้องตะโกนเสียงดัง “อานเหยียน!”
อานเหยียนร้องไห้จ้า ทั้งยังกางแขนขาเพื่อร้องเรียกนางเสียงดัง นางกัดฟันหันมาเอ่ยกับชายที่ถือดาบผู้นั้น “ปล่อยเขาไปเถิด พวกเจ้ามันโหดร้ายแม้แต่เด็กน้อยคนหนึ่งก็ไม่ยอมละเว้นงั้นหรือ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
ชายผู้นั้นกำลังจะแทงดาบมาที่กลางลำตัวของนางแต่เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็ชะงักกึก ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกลงที่ท้ายทอยของนางจนชูเซี่ยหมดสติไป
ในช่วงที่นางสลบไสลอยู่นั้น นางได้ยินเสียงกรีดร้องของอานเหยียนและเสียงเห่าของเจ้าถ่าน
ชูเซี่ยฝันร้ายอย่างยาวนาน ในฝันนางอุ้มอานเหยียนไว้ในอ้อมแขนทั้งยังวิ่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งพลัดตกหน้าผา แต่ก็ไม่ตายนางยังฝืนพาร่างของอานเหยียนปีนขึ้นมาจากหน้าผา แขนทั้งสองข้างของนางอ่อนล้าไปหมด ในฝันของนางมีเลือดสีแดงสดเต็มไปหมด นางฝันว่าอานเหยียนถูกช่วงชิงไปจากอ้อมอกนาง นางพยายามที่จะต่อสู้แย่งชิงอานเหยียนกลับมาแต่กลับถูกดาบแดงเข้าที่ทรวงอกอย่างแรง
นางรู้สึกเหมือนมีมือมาตบลงใบหน้าของนาง ทั้งยังส่งเสียงร้องเรียกชื่อไม่หยุด ชูเซี่ยค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อภาพตรงหน้าชัดขึ้นนางก็เห็นว่าคนผู้นั้นคือเจินหยวนอ๋อง
ชายหนุ่มโน้มร่างลงมาใกล้นาง ดวงตาคมเย็นเฉียบจนร่างของนางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แม้แต่ฟันของนางก็ยังกระทบกันเบาๆ “ท่าน...ช่วยข้าเอาไว้หรือเจ้าคะ” จากนั้นนางก็นึกถึงอานเหยียนขึ้นมาได้ ดวงตาของนางตื่นตระหนกขณะเอ่ยถาม “อานเหยียนล่ะเจ้าคะ เขาปลอดภัยดีหรือไม่”
เจิ้นหยวนอ๋องเอ่ยอย่างเย็นชา “แน่นอนว่าอานเหยียนย่อมต้องไม่เป็นอะไร หากเขาเป็นอะไรไปจริงๆเจ้ายังจะมีชีวิตมาพูดพล่ามเช่นนี้หรือ”
ราวกับว่ายกภูเขาออกจากอก ร่างกายของนางค่อยๆผ่อนคลายและเริ่มหมดแรงในที่สุด หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว!” ความมืดค่อยๆครอบงำสติของนางอย่างช้าๆ แต่จู่ๆก็มีบางอย่างกระแทกเข้าที่ข้างแก้มของนางอย่างแรง ความเจ็บปวดและชาหนึบค่อยๆเข้ามาแทนที่ความตกใจจากนั้นก็ตามด้วยความรู้สึกแสบร้อน
รับรู้ถึงความเจ็บได้เช่นนี้ นางรับรู้ได้ในทันทีว่าเวลานางใกล้จะหมดเสียแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยคำพูดใดออกไป นางก็ถูกตบเข้าที่ใบหน้าอีกหลายครั้ง นางถูกตบจนหัวพร่าเบลอไปหมด
เจิ้นหยวนอ๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ยามนั้นที่เปิ่นหวางบุกไปถึงจวน เปิ่นหวางถามหลี่เฉินเย่นว่าเขาได้จับตัวอานเหยียนไปหรือไม่หากว่าเขายอมรับสารภาพและส่งตัวอานเหยียนมาเปิ่นหวางจะถือเสียว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ว่าเปิ่นหวางไม่เคยให้โอกาสเขา เป็นเขาเองที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแต่แรก หากเจ้าจะโทษก็ดทษเขาเถิด วันหน้าหากเจ้ากลายเป็นผีอยากจะแก้แค้นก็จงไปแก้แค้นน้องชายข้าเถิด”
“เจ้ายังคิดจะเก็บสตรีที่ใจคอโหดเหี้ยมเช่นนั้นไปทำไมกัน” เจิ้นหยวนอ๋องเอ่ยกับนาง “เย่เอ๋อ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียใจกับคนเช่นนั้นหรอก นางทำผิดได้รับโทษตายก็สมควรแล้ว”
พระชายาเจิ้นหยวนถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ทว่าชีวิตคนทั้งชีวิตต้องมาตายไป ข้าไม่ได้รู้สึกเสียดายแทนนางหรอกเจ้าค่ะ ที่ข้าเป็นห่วงก็คือพวกท่านสองพี่น้องก็จะต้องแก้แค้นกันไปมาอยู่เช่นนี้เรื่อยๆไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
น้ำเสียงของเจิ้นหยวนอ๋องเฉยชา “หากเขายังคิดว่าข้าเป็นพี่ชายของเขา เขาจะกล้าลงมือกับอานเหยียนงั้นหรือ”
พระชายาเจิ้นหยวนส่ายหน้าเบาๆ “หากเรื่องนี้ชูเซี่ยที่อยู่บนสวรรค์ล่วงรู้เข้านางต้องไม่มีความสุขแน่”
เจิ้นหยวนอ๋องเดินมานั่งลงข้างๆนางจากนั้นก็กอบกุมมือของนางไว้ “หากชูเซี่ยรู้เข้าจะต้องขอบคุณพวกเราแน่ที่ช่วยนาง
จัดการผู้หญิงที่โหดเหี้ยมคนนั้นไปให้พ้นจากหลี่เฉินเย่น อีกอย่างชูเซี่ยรักอานเหยียนมากถึงเพียงนี้ หากนางรู้ว่าหลี่เฉินเย่นทำร้ายอานเหยียนนางเองก็คงไม่มีความสุขเช่นกัน”
พระชายาเจิ้นหยวนเอ่ยอย่างอัดอั้น “ข้าเพียงขอให้อานเหยียนอยู่อย่างสุขสบายข้างกายข้า เติบโตมาอย่างแข็งแรงก็พอแล้ว อย่างอื่นข้าไม่ต้องการ”
เจิ้นหยวนอ๋องถอนหายใจออกมา “เกรงว่าต่อให้เราสามคนพ่อแม่ลูกจะอยากอยู่อย่างสงบสุขเพียงใดก็คงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ การต่อสู้แย่งชิงอำนาจบัลลังก์ในราชวงศ์นั้นโหดร้ายเสมอ”
พระชายาเจิ้นหยวนนิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นหญิงสาวก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองสบตาสามีของตน “ท่านตั้งใจจะบอกเฉินเย่นอย่างไรเจ้าคะ”
“จะไปบอกเขาทำไมกัน หญิงสาวผู้นั้นมอมเมาเสด็จพ่อทั้งยังทำให้หลี่เฉินเย่นกลายเป็นคนเลือดเย็นได้ถึงเพียงนี้ เปิ่นหวางเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดต้องมาจากฝีมือของนางแน่ อีกทั้งนางกับเสด็จลุงเก้าก็เคยรู้จักกันมาก่อนอีกด้วย ไม่แน่ว่าบางทีนางอาจจะเป็นคนของเสด็จลุงก็เป็นได้” เจิ้นหยวนอ๋องกล่าว
“เสด็จลุงเก้า? เขาจะส่งนางมาทำไมเจ้าคะ” พระชายาเจิ้นหยวนงุนงง
เจิ้นหยวนอ๋องเอ่ยเสียงเย็น “เจ้าคิดว่าเสด็จลุงเป็นคนเรียบง่ายงั้นหรือ เจ้าลองคิดดูเถิด เขาถูกเสด็จพ่อกดหัวมาตลอดจะไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ เขาอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของชูเซี่ยมาจึงได้คิดแผนสรรค์หาหญิงสาวที่ชื่อเวินหน่วนออกมา หญิงสาวที่รู้ทั้งวิชาการแพทย์ทั้งยังฝังเข็มได้ เสด็จลุงอาจส่งนางมาเพื่อยั่วยวนหลี่เฉินเย่นเสียก่อนจากนั้นก็ค่อยๆไปยั่วยวนเสด็จพ่อเพื่อทำให้พ่อลูกต้องมาเข่นฆ่ากันเอง
พระชายาเจิ้นหยวนถึงกับตื่นตะลึง “หากเป็นเช่นนั้นจริงท่านอ๋องเก้าจะทำเช่นไรต่อเล่า หรือเขาคิดจะตั้งตนเป็นกบฎหรือเจ้าคะ”
เจิ้นหยวนอ๋องเองก็นิ่งเงียบไป “อาจจะเป็นไปได้ แต่ต่อให้เขาก่อกบฎไม่สำเร็จ แต่ทว่าการที่เขาทำให้เสด็จพ่อและหลี่เฉินเย่นทะเลาะและเข่นฆ่ากันได้ สำหรับเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดี”
พระชายานิ่งเงียบไปนาน เรื่องราวแผนการของท่านอ๋องเก้า นางเป็นเยงหญิงสาวในห้องหอย่อมไม่เข้าใจและไม่อยากเข้าใจ หญิงสาวกุมมือของสามีไว้แน่นมากขึ้น “ข้าเพียงแค่ภาวนาให้ครอบครัวของเราปลอดภัยและมีความสุขเท่านั้น อย่างอื่นข้าล้วนไม่ร้องขอ พวกเราออกจากเมืองหลวงดีหรือไม่เจ้าคะ หากวันหน้าไม่ทันก็อานเหยียนต้องประสบเรื่องร้ายขึ้นอีกข้าเกรงว่าตนเองจะไม่อาจทนไหวอีกแล้ว”
เจิ้นหยวนอ๋องโอบร่างบอบบางของพระชายาตนเข้ามาในอ้อมแขนจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง “พวกเราหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว”
หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว นับตั้งแต่อานเหยียนเกิดเรื่อง นับจากนั้นเขาก็รู้แล้วว่าตนเองไม่อาจหนีได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาเกิดใหม่ของข้า
ฉากนี้คือ..เจ็บหัวใจ😭😭😭...