ตอนที่136 คิดหาวิธี
ฟ้าค่อยๆมืดลง ลมหิมะแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นวันที่สองหลังจากที่เย่เซียวหลัวกินยาแกล้งตาย
ในห้องหนังสือที่เงียบสงัด มีเพียงแสงไปจากเทียนสองเล่ม แสงเทียนที่ไม่สว่างมากนัก สะท้อนไปทั่วทั้งห้องหนังสือ ในมือของโล่หวินหลานมีกระเป๋าน้ำร้อนอยู่ มองดูเงาตัวเองที่อยู่บนพื้น ทำท่าทางต่างๆที่ทำให้เงานั้นดูใหญ่ขึ้น
โม่ฉีหมิงหรี่ตาทั้งสองข้างลง มองดูท่าทางที่ดูเด็กๆนั้น ไม่รู้ว่าทำไม กลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
“ท่านอ๋อง เย่กั๋วกงปิดกั้นเรือนเรียบร้อยแล้ว พวกเราสอดส่องเข้าไปไม่ได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น” สวินโม่รีบวิ่งเข้ามา เสียงฝีเท้าของเขาทำลายความเงียบลง
เมื่อครู่เขาออกมาจากในเรือน แล้วส่งคนไปสอดแนมแทน แต่ก็เข้าไปไม่ได้ ด้านในมีทหารเฝ้าอยู่ทั่วทุกมุม เข้าไปยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
“คงเป็นเพราะเย่กั๋วกงไม่อยากให้ข่าวแพร่สะพัดออกไปแน่ๆ ถึงขนาดปิดเรือน ถ้าหากพวกเราเข้าไปแล้วบอกว่าช่วยเย่เซียวหลัวได้ คงจะทำให้คนเกิดความสงสัย” โล่หวินหลานวิเคราะห์ด้วยความนิ่งสงบ
ใบหน้าของโม่ฉีหมิงเห็นได้ชัดว่าแอบซ่อนความกังวลเอาไว้อยู่ เม้มริมฝีปากแน่น มองอารมณ์ของเขาไม่ออก เย่เซียวหลัวเป็นอาวุธหลักที่เขาเอาไว้ปราบเวินอ๋อง ถ้าหากจากไปเช่นนี้ วันหลังเวินอ๋องก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน
“ท่านอ๋อง พวกเราจะทำยังไงกันดี?” สวินโม่ถามด้วยความสงสัย
“เย่อวิ๋นกว่างรู้แผนการครั้งนี้ ภายในสามวัน เขาจะต้องมาหาพวกเราแน่นอน พวกเราแค่คอยเฝ้าดูสถานการณ์ก็พอ” โม่ฉีหมิงพูดเสียงเข้ม
“ฮ่องเต้กับฮองเฮาเย่รู้เรื่องนี้แล้ว และได้ส่งหมอหลวงกว่าสิบคนไปช่วยรักษา ตอนนี้ได้ประกาศว่าเย่เซียวหลัวตายแล้ว ถ้าหากพวกเราช่วยให้เจ้าฟื้นขึ้นมาได้ จะมีคนสงสัยไหม?”
โม่ฉีหมิงมองไปที่เจ้าครั้งหนึ่ง เขาไม่ได้คิดถึงขั้นนี้ด้วยซ้ำ ยาแกล้งตายนั้นพวกเราเป็นคนให้เย่เซียวหลัวเอง เหล่าหมอหลวงเช็คไม่ออกว่าในร่างกายเจ้ามียานี้อยู่ แต่ว่า นี่ก็เป็นโอกาสที่ดี…
“วางใจเถอะ ไม่มีใครเช็คหรอก เพียงแค่เราช่วยให้เย่เซียวหลัวฟื้นขึ้นมาได้ เจ้าก็แค่พูดถึงตำราแพทย์โบราณก็พอ” โม่ฉีหมิงรีบสรุปแผนการอย่างเรียบร้อย
เพียงแค่ให้เขาและสวินโม่ได้อยู่ตอนที่หมอกำลังรักษา แล้วรวมแรงกันช่วยเค้นยานั้นออกมา ตอนนั้นไม่เพียงแต่ลดความใหญ่โตของเวินอ๋องได้ โล่หวินหลานยังได้เป็นหมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งแคว้นโม่ฉีอีกด้วย ทำไมจะไม่ดีล่ะ?
โม่ฉีหมิงกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยความได้ใจ ใต้แสงไฟมราไม่สว่างมากนัก ทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” โล่หวินหลานพูดเบาๆ
ลมหิมะด้านนอกค่อยๆแรงขึ้น พัดจนเกิดเสียงอยู่ด้านนอกหน้าต่าง โล่หวินหลานมองสีท้องฟ้า ตอนนี้คงจะผ่านช่วงกลางดึกมาแล้ว!
ด้านนอกมีเสียงเคาะบอกเวลาดังขึ้นพอดี
สวินโม่ก็เข้าใจแล้วว่าควรทำอย่างไร ก็เดินหมุนตัวออกเรือนไป
“ข้าไปนอนล่ะ” โล่หวินหลานไม่สามารถนั่งต่อไปได้อีก
ในห้องเหลือเพียงสองคน โม่ฉีหมิงนั่งนิ่งอยู่ตรงตำแหน่งหลัก ไม่ได้กล่าวอะไร ใช้นิ้วนวดที่คิ้วและตาหลายครั้ง ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า โล่หวินหลานเห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร อยากจะไปนวดให้ แต่เมื่อพูดออกไป เรื่องก็กลับกลายเป็นเช่นนี้
โม่ฉีหมิงวางมือลง เสียงของเขาดูเครียดๆ “ไปเถอะ รีบๆนอน”
โล่หวินหลานยืนขึ้น ไม่ได้เติมฟืน ทำให้อากาศภายในห้องเย็นลง เจ้าหยิบถุงมือ แล้วรีบเดินออกจากห้องหนังสือไป
และหลังจากที่เจ้าออกไปแล้วนั้น ฟืนในห้องก็มอดลงจนหมด โม่ฉีหมิงเป่าเทียนจนดับ เอนตัวพิงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง กดจุดชีพจรตัวเองไว้อย่างอ่อนแรง แล้วค่อยๆหลับไป
โล่หวินหลานที่อยู่ด้านนอกชะงักไปพักหนึ่ง หันไปก็พบว่าแสงเทียนในห้องหนังสือดับไปหมดแล้ว
เจ้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้กลับไป
ในห้องฟืนนั้นเงียนสงัด ยังดีว่าห้องฟืนของตระกูลเย่นั้นอุ่นกว่าที่ไหนๆ อย่างน้อยก็ไม่มีลมพัดเข้ามา คนรับใช่ข้างกายของเย่อวิ๋นกว่างก็แอบเอาผ้าห่มหนามาสอดให้ ถ้าไม่งั้นคงจะแข็งตายไม่ก็เจ็บด้วยความเย็นของพื้นน้ำแข็งนี้
ในวันนี้ มีคนใช้แอบนำน้ำและอาหารมาให้ไม่ขาด นอกจากพวกนี้แล้ว เย่กั๋วกงก็ไม่ได้ดูแลเขาเป็นพิเศษอะไร
“เจ้าเป็นคนใช้ที่ไหน? ชื่ออะไร?” เย่อวิ๋นกว่างจับมือของเด็กรับใช้ที่นำอาหารมาให้เอาไว้ ถามด้วยเสียงแหบกร้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก