ตอนที่ 157 สะกดรอยตามไปตามเงามืด
ท่านอ๋องและพระชายา ทั้งสองได้อยู่เงียบๆแล้วไม่พูดอะไร และน้ำเสียงของหญิงสาวผู้นั้นฟังดูคุ้นหูมาก เขากลัวว่าพวกนั้นถ้าเป็นคนรู้จักที่สนิทสนม เลยดูเงียบๆไม่พูดไม่จาก่อน
โล่หวินหลานเดินผ่านทั้งสองคน สายตาอันโปร่งใส่ได้ยิ้มขึ้นเบาๆ รอยยิ้มแบบยิ้มไม่ออกเพื่อเห็นว่าเป็นเย่เซียวหลัว
“ลูกสาวคนที่ 3 ตระกูลเย่ก็มีเวลาออกมาเดินเที่ยวตลาดเยี่ยงนี้? ดูๆแล้วน่าจะหายป่วยแล้ว”
เย่เซียวหลัวหมุนปิ่นหยกผีเสื้อดูไปสองรอบ ถึงแม้สีหน้าจะดูขาวซี้ด แต่นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“ก็ไม่เลว นี่ต้องขอบคุณพระชายาหมิง ถ้าไม่มีพระชายาหมิงช่วย ข้าคงไม่มีวันนี้!”
ประตูช้างนอกค่อยๆมีเงาที่สูงใหญ่เดินเข้ามา เสื้อคลุมสีดำที่ทำให้รู้สึกถึงความทรงอำนาจและความสง่า สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีใจนัก สายตาที่ดูเย็นชาคู่นั้นไม่ใช่มองคนพวกนั้น แต่แค่มองโล่หวินหลานคนเดียว และมองเพียงแว๊บเดียวก็กวาดสายไปทางอื่น
“เจ้ามาแล้วหรือ? พวกเรามาดูเพชรพลอยกันหน่อย ต้องใช้ในแต่งพิธีสมรส” พอเย่เซียวหลัวเจอคนๆนั้น ท่าทางที่ร้ายและเป็นคนรุนแรงกลับกลายเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน และลากคนๆนั้นเดินเข้ามาตรงมุมๆหนึ่งในร้าน
คนๆนั้นดูแล้วไม่เต็มใจมากๆ แต่ว่าไม่มีวิธีใดๆ แค่ไม่อยากให้นางลากเขาไว้เยี่ยงนี้ เลยพูดไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปล่อยข้า ข้าเดินเองได้”
เย่เซียวหลัวถูกน้ำเสียงอันเย็นชาของเขาว่าขึ้น เลยค่อยๆปล่อยมือ
โล่หวินหลานเดินไปอยู่ข้างๆโม่ฉีหมิง เขายื่นมือมาขัดขวางนางไว้ สายตาของเวินอ๋องหยุดอยู่บนตัวของนาง โม่ฉีหมิงเกลียดที่สุดก็คือมีคนใช้สายตาแบบนี้มองของที่เป็นของตนเอง
“ดูๆแล้วเย่เซียวหลัวกับเวินอ๋องมาดูเครื่องประดับเตรียมพิธีสมรส” โล่หวินหลานหันไปมองด่องหย่าที่อยู่ด้านหลังของนาง “ไม่งั้นพวกเข้าเดินไปตรงสะพานข้างแม่น้ำไปดูทิวทัศน์อันสวยงามกันดีกว่า”
ด่องหย่าถูกเขาสองคนทำอย่างนี้จนไม่มีอารมณ์แล้วก้มหน้าลงพยักหน้า มองเวินอ๋องและเย่เซียวหลัวที่อยู่ข้างใน อยากจะกลืนกินพวกเขาเข้าไปในท้อง
“งั้นพวกเขาไปกันเถอะ ยังไงปิ่นหยกผีเสื้อนั้นข้าก็ไม่อยากได้แล้ว เหลือให้พวกเขาก็พอ” โล่หย่ารู้สึกไม่พอใจ และทำปากโค้งลงแสดงถึงความไม่พอใจ
ด่องห้วนมองท่างทางอันน่ารักของนางและโล่งอกเบาๆ แต่ก่อนนางไม่เคยรู้จักคำว่าถอยให้คนอื่น ไม่รู้จักเสียเปรียบ วันนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เหมือนนางเติบโตขึ้น คราวหลังเขาจะปกป้องนางเป็นอย่างดี ให้ในสิ่งที่นางอยากได้
“หย่า เจ้าโตขึ้นจริงๆ” ด่องห้วนลูบผมของนาง และพูดขึ้นข้างหูนางด้วยโทนเสียงต่ำ
ด่องหย่าจับมือที่กำลังลูบผมนางไว้ และเอามาจับไว้แน่นๆ เงยคางของตนเองขึ้นด้วยปะทะกับเขา “ไม่ใช่ ข้าเติบโตไปนานแล้ว แค่เจ้าไม่เคยสังเกต พี่ชาย วางใจเถอะ หลังจากนี้ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่เลย และข้าก็จะเข้าใจเรื่องต่างๆมากขึ้น”
ท่าทางที่นางรู้เรื่องแล้วทำให้ด่องห้วนรู้สึกเอ็นดู เขาจับจมูกนางอย่างเบาๆแล้วทำเป็นโกรธ “นี่มันถึงเวลานี้แล้ว ยังเรียกพี่ชาย เรียกข้าว่าห้วน !”
แต่ก่อนด่องห้วนไม่ได้มีแซ่ว่าด่อง แค่เขาถูกไท่ซ้อรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมจึงเปลี่ยนชื่อเป็นด่องห้วน เขาไม่ยอมมีแซ่เดียวกับด่องหย่าอีกต่อไป และเขาไม่ยอมเป็นพี่ชายของนางตลอดไปด้วย แต่จะเป็นคนรัก
“รู้แล้วหนะ ห้วน !” ด่องหย่าหน้าเริ่มแดง
คำว่าห้วนที่ออกจากปากของนางฟังดูน่าฟังมาก ด่องห้วนรู้สึกเสพสุขกับความเป็นหญิงของนางมาก ถึงแม้บางครั้งนิสัยจะเอาแต่ใจไปหน่อยๆ แต่พวกนี้ก็เป็นเพราะเขารักใคร่นางเกินไป
“เจ้าดูสิ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมากๆ!” โล่หวินหลานมองทั้งสองที่ทั้งทะเลาะกันแล้วดีกัน ดูแล้วอยากถอนหายใจหนักๆ
โม่ฉีหมิงทำหน้าตาไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ “หรือว่าความสัมพันธ์ของพวกข้าไม่ดีงั้นหรือ?”
“ก็ดีก็ดี” โล่หวินหลานรู้ว่าตัวเองพูดผิดไป และรีบแก้คำพูด
“ดูสิ พลุไฟ !” โล่หวินหลานถือโอกาสที่โม่ฉีหมิงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดแล้วตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ท้องฟ้าเต็มไปแสงจากพลุอย่างสวยงาม
พลุอันสวยงามปล่อยลงบนฟ้าที่มืดมิดไม่หยุด บนท้องฟ้าเต็มไปเสียงของการปล่อยพลุ พลุที่มีหลากสีค่อยๆจางลง แสงไฟจากพลุที่กระจายไปครึ่งฟ้า นำไปสู่ทิวทัศน์ตอนกลางคืนที่สวยงาม
“อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วข้าจะให้อภัยเจ้า กลางคืนเจ้ารอไว้เลย……”โม่ฉีหมิงโอบไหล่ของโล่หวินหลานไว้แน่นๆ เขากัดฟันพูดด้วยเสียงต่ำข้างหูนาง
เสียงของเขาดังขึ้นพร้อเสียงสอดแทรกจากเสียงพลุ ถึงแม้จะกระแทกหูหน่อยๆ แต่ว่าโล่หวินหลานได้ยิน หน้าของแดงเริ่มแดงขึ้น ใช้ศอกศอกไปยังแผงอกของเขา ในใจรู้สึกว้าวุ่นเบาๆ
“หย่า พวกข้าไปทางโน่นกันเถอะ……” โล่หวินหลานตัดสินใจไม่สนใจโม่ฉีหมิง หันหน้าไปเรียนด่องหย่าไปนั่งอยู่ข้างๆแม่น้ำตรงกันข้ามนั้น แต่พอหันหลังไป ข้างหลังนางนอกจากมีคนผู้คนที่กำลังดูพลุ ไม่มีด่องหย่ากับด่องห้วนอยู่เลย!
“ฉีหมิง ด่องหย่าและด่องห้วนไม่เห็นใครสักคนเลย !” โล่หวินหลานรีบเดินไปจับแขนเสื้อของโม่ฉีหมิงไว้ และพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
พวกเขานึกว่าเขาทั้งสองอยู่หลังพวกเขาอยู่ขนาดเวลา แต่พอหันหลังไปดู ทำไมไม่มีแม้แต่เงาคน พื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ พวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกับสถานแห่งนี้ ถ้าเจอเรื่องอะไรอันตรายขึ้นมาก็พูดยาก
น่าจะเดินจากไปเองก่อน พวกข้าไปหาสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนอยู่ดีกว่า” โม่ฉีหมิงกุมมือนางเดินผ่านผู้คนที่แออัดมากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก