ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 26

ตอนที่ 26 จัดการเรื่องอย่างยุติธรรม

“ข้ารู้แล้ว ผู้บริสุทธิ์ในตระกูลโล่ข้าจะหาเวลาปล่อยตัวออกไป ประหารสามคนนั้น สำหรับโล่วี่ปิง ก็ให้ส่งไปประจำการที่ชายแดนไป”

พอได้คำตอบที่พึงพอใจแล้วถึงได้หันหลังกลับ ไม่ได้สังเกตเห็นสายตาของโม่ฉีสิงที่มองไล่ตามหลัง แววตารู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก เขารู้ ว่าท่านแม่ของเขามีความสำคัญต่อชายผู้นั้นมากเพียงใด

แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ เกิดเป็นชาย แม้แต่หญิงที่ตัวเองรักยังปกป้องไม่ได้ ยังถือว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือ!

โม่ฉีหมิงเข้าใจมาตลอดว่า ที่ท่านแม่ของเขาต้องตายกับเรื่องที่เขาพิการ โม่ฉีสิงมีส่วนรู้เห็น แต่เวลาอยู่ต่อหน้าโม่ฉีสิงเขาต้องเก็บกั้นอารมณ์ของตัวเองไม่แสดงออกไป

พอกลับถึงจวนก็เห็นโล่หวินหานยืนรอเขาอยู่ที่ห้องโถง พอนางเห็นเขาเดินเข้ามาก็รีบไปเข็นรถเข็นเข้ามาด้านใน

“ข้าก็อยากตามท่านไปดูแลท่านนะ แต่ข้ากลัวว่าข้าที่เป็นคนตระกูลโล่ พอฮ่องเต้เห็นอาจจะกริ้วหนักก็ได้”

โล่หวินหลานเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของโม่ฉีหมิงทั้งวัน กังวลว่าเมื่อเขาไปขอเจรจาเรื่องของตระกูลโล่จะพาลให้โกรธโม่ฉีหมิงไปด้วย พอเห็นเขากลับมาจึงคลายความกังวลไปจนหมด สิ่งที่นางไม่รู้คือ นางรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยชายตรงหน้าเป็นอย่างมาก

“ไม่มีปัญหาอะไร เจ้าก็ไม่ต้องไป เรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้ถึงมือเจ้า ท่านพ่อบอกแล้ว จะหาเวลาปล่อยคนตระกูลโล่ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ หมอหลวงโล่ โล่ฮูหยิน กับผู้ที่ลักลอบมีสัมพันธ์กับชายอื่นอย่างโล่วี่เสว่ โทษตายสถานเดียว โล่วี่ปิงจะถูกส่งไปประจำการที่ชายแดน เรื่องถือว่าจบได้ดี”

พอฟังเรื่องทั้งหมดจนจบนางถึงได้สบายใจขึ้นมา นางไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต้องโทษประหาร ถึงอย่างไรก็ตามคนที่ต้องดำเนินเรื่องนี้ก็เป็นนางกับโม่ฉีหมิง บวกกับที่นางเป็นคนของตระกูลโล่ ให้นางสั่งประหารคนทั้งหมดอย่างไม่เหลือเยื่อใยแล้ว กลัวแต่ว่าประชาชนภายนอกจะเห็นนางเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ ทำอย่างนี้ ชื่อเสียงของหมิงอ๋องก็จะพาลเสื่อมเสียไปด้วย

หากสั่งประหารแค่คนผิดสามคนนั้น อีกทั้งคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในตระกูลโล่ก็จะรู้ว่าหมิงอ๋องเป็นคนไปขอร้องให้ไว้ชีวิตพวกเขา คาดว่าทั้งชีวิตคนพวกนั้นก็จะไม่ลืมบุญคุณของหมิงอ๋อง ไม่พูดไม่ได้ว่า นางกำลังปูทางให้ชายตรงหน้าของนางอยู่

แน่นอนว่า ความคิดทั้งหมดของโล่หวินหลาน โม่ฉีหมิงย่อมไม่รู้

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าก็โล่งอก พี่น้องตระกูลโล่ก็จะไม่เกลียดชังพวกข้า ประชาชนทั้งเมืองหลวง ก็พูดไม่ได้ว่าท่านแต่งกับพระชายาที่มีจิตใจอำมหิตไม่มีมนุษยธรรม”

โล่หวินหลานยิ้มแล้วยิ้มอีก เข็นรถของโม่ฉีเข้ามาในห้องโถงพลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเขาแล้วหยิบตำราขึ้นมาอ่าน พูดคุยหัวเราะกันบางเป็นจังหวะ วันเวลาผ่านไปอย่างมีความสุข

หลายวันต่อมา ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ถูกปล่อยตัวออกมารู้สึกสำนึกในบุญคุณหมิงอ๋องและพระชายาหมิงมาก ต่างก็ชื่นชมถึงความมีมนุษยธรรมของนางไม่ขาดปาก อีกด้านก็ก่นด่าหมอหลวงโล่ที่ทำให้ทั้งตระกูลเดือดร้อน

โล่หวินหลานที่ได้ฟังคำซุบซิบนินทาเหล่านี้ก็ฟังเพียงรอบเดียวแล้วก็ลืมไปเอง เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางไม่ค่อยเก็บมาใส่ใจนัก

ในที่สุดก็ถึงวันที่จะต้องสั่งโทษประหารคนผิด โล่หวินหลานกับโม่ฉีหมิงต่างตื่นพร้อมกันตั้งแต่เช้าตรู่ พอเตรียมตัวเสร็จก็ไปลานประหาร หากพูดตามจริงแล้ว ไม่รู้สึกกลัวก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของนางที่ได้สั่งประหารญาติพี่น้องของตัวเองในชาตินี้ พยายามระงับความรู้สึกของตัวเองไม่ให้คิดฟุ้งซ่านสุดท้ายก็เดินมาที่ลานประหาร

“เจ้าต้องรู้ว่า พวกนั้นสมควรตาย ไม่ต้องเสียเวลากับคนพวกนี้ให้มาก หากรู้สึกกลัว เจ้าจงปิดตา”

โม่ฉีหมิงปลอบประโลมพร้อมตบเบาๆ ที่มือของโล่หวินหลาน เห็นสีหน้าของนางไม่มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง เขาก็นั่งหลังตรงท่าทางอย่างสง่า เมื่ออยู่ในพิธีประหารนักโทษ เขาจะใจอ่อนไม่ได้

ผู้คนที่รายล้อมยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ อากาศจัดว่าไม่ค่อยร้อน ลมเย็นพัดผ่านร่างของโล่หวินหลานจึงทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมามาก มองดูเวลาชั่วครู่ก็เอ่ยขึ้นเบาๆ

“ถึงเวลาแล้ว เริ่มได้!” จากตอนแรกที่ลานประหารเงียบอยู่แล้ว พอได้ยินคำสั่งจากปากของโล่หวินหลานยิ่งทำให้สายตาของผู้คนทั้งหมดจดจ้องไปที่ร่างบางของโล่หวินหลาน นางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยืดหลังตรงพร้อมมองไปที่นักโทษประหารทั้งสามคน เหมือนกับว่าสามคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางเลยสักนิด

ท่านแม่คะ เขาทำผิดต่อท่านเขาทิ้งท่านไป ลูกถูกพี่สาวใจร้ายสองคนนั้นรังแกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มาวันนี้ ข้าได้แก้แค้นแทนท่านแล้ว ท่านแม่คะ ข้าจะส่งให้พวกเขาไปเป็น ม้า เป็น วัว รับใช้ท่านนะคะ

โล่หวินหลานกระพริบตาปริบๆ พลันหันไปเห็นหมอหลวงโล่ที่กำลังก่นด่าสาปแช่งมาที่นาง

มือที่กำลังจะสั่งลงโทษประหารไม่กล้าแม้จะลงมือ เหตุเพราะคนที่อยู่เบื้องล่างเป็นบิดาของหญิงผู้ที่ยืนอยู่ในลานประหารที่เขารัก เขารู้สึกสับสนชั่วครู่จึงส่งสายตาขอความเห็นใจจากโล่หวินหลานที่อยู่บนลานประหาร

โล่หวินหลานสบตากลับ พลางแสยะยิ้ม กำลังจะก้าวเท้าไปทางหมอหลวงโล่ก็ถูกโม่ฉีหมิงดึงแขนไว้ นางตบที่มือเขาเบาๆ ให้เขาวางใจพลางเดินหันหลัง

“ท่านหมอหลวงโล่ ท่านกำลังด่าว่าลูกสาวของท่านว่าอย่างไรนะ?” โล่หวินหลานพลางพูดจาเสียดแทงประชด พลางทำหน้าสลดเหมือนเจ็บปวดอยู่ในนัย ประชาชนเบื้องล่างที่มองขึ้นมาต่างรู้สึกตะลึง

“เจ้าลูกอกตัญญู ต่ำเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด เสียดายที่ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งหลายปี” พูดจบหมอหลวงโล่ก็ถ่มน้ำลายไปที่นาง เป็นเพราะระยะที่ห่างกันมากพอตัว จึงทำให้ถ่มไม่โดนนาง นั่นยิ่งทำให้เขาเจ็บใจจนหน้าเขียวไปหมด

“ท่านหมอโล่ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านใช้วิธีใดเลี้ยงดูข้า พูดถึงท่านแม่ เจ้าไม่มีสิทธิ์พาดพิงถึงแม่ข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์ อีกอย่าง เรื่องที่พวกเจ้าทำมันร้ายกาจ เลือดเย็น ข้าจะไม่พูดว่าเรื่องใดบ้าง มาวันนี้ ข้าจะให้พวกเจ้าตายต่อหน้าข้า!”

โม่ฉีหานที่ยืนแฝงตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนพอเห็นโล่หวินหลานสลบไปจึงได้ทีแสยะยิ้มมุมปาก เจ้าก็มีวันที่เจ็บปวดเหมือนกันนะ เขาไม่ดูเหตุการณ์ข้างหน้าต่อ แล้วจึงหันหลังเดินออกมา

พอกลับมาถึงจวนหมิงอ๋องก็รีบสั่งให้เย่หวินไปเรียกท่านหมอมาดูอาการของโล่หวินหลาน ทันใดนั้นโล่หวินหลานก็เบิกตาโพลง “หากข้าไม่เห็นโม่ฉีหานแฝงตัวอยู่กับผู้คน ข้าจะแกล้งสลบอย่างนั้นหรือ”

พอเห็นโล่หวินหลานฟื้นขึ้นมาเขาถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ อดไม่ได้ที่จะตำหนิ “ทีหน้าทีหลังจะทำอะไรช่วยบอกให้ข้ารู้ก่อนได้ไหม ไม่งั้นข้าจะเป็นห่วงใจอย่างนี้”

โล่หวินหลานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นจึงพยักหน้ายิ้มบางๆ

เย่หวินที่รีบกลับจากโรงหมอพอเห็นว่าโล่หวินหลานไม่เป็นอะไร จึงค่อยเบาใจ พอส่งหมอเสร็จก็รีบกลับมาทันที

พอทำให้ทุกคนสบายใจแล้ว โล่หวินหลานก็กลับเข้าห้องหนังสือจับตำราขึ้นมาอ่านดังเดิม อยู่ที่นี่นางทำได้เพียงแค่อ่านตำราการแพทย์เพิ่มพูนความรู้ให้กับตัวเอง ถ้าไม่อย่างนั้นการแพทย์สองสมัยอาจจะทำให้ แผนการที่นางวางไว้พังได้

เป็นไปอย่างที่โม่ฉีหมิงคิดไม่มีผิด ข่าวที่โล่หวินหลานตัดสินประหารญาติพี่น้องตัวเอง ดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง ทุกตรอกซอกซอยต่างกำลังพูดถกเถียงถึงเรื่องนี้ ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ต่างยกนิ้วชื่นชมพระชายาหมิงคนนี้เป็นการใหญ่ ผู้คนเริ่มสนใจในตัวนางขึ้นมาบ้างแล้ว

เพียงแต่ข่าวคราวพวกนี้ไม่มีทางเล็ดลอดเข้ามาในหูของโล่หวินหลานอย่างแน่นอน นางกำลังยุ่งกับการวางแผนบางอย่าง นอกจากคำพูดของโม่ฉีหมิงแล้ว ใครพูดอะไรก็เหมือนกับเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตอนนี้นางกำลังคิดจะทำอะไร

พอโล่หวินหลานยุ่งวางแผนเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ไปหาโม่ฉีหมิงทันที ใบหน้าจริงจัง เหมือนจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น

“ข้าป่วย” โล่หวินหลานที่ไม่โผล่หน้ามาให้โม่ฉีหมิงเห็นหลายวันพูดคำนี้ออกมา ทำให้เขาตกใจไม่ใช่น้อย น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความโกรธเล็กน้อย

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไม่สบายตรงไหน? ฉินหยิ่น! เจ้ารีบไปตามหมอมา” ตกใจจนโล่หวินหลานหัวเราะออกมาเบาๆ แววตามีแต่ความสุขล้น พอเห็นสายตาที่มองหน้านางอย่างฉงน จึงรีบเฉลยบอกเขาทันที

“ข้าไม่ได้ป่วยจริงสักหน่อย ที่ข้าเป็นลมที่ลานประหาร เป็นฤกษ์งามยามดีที่ข้าจะแกล้งป่วย จวนของท่านจะได้ไม่รับแขก ข้าจะได้มีเวลาคิดทำเรื่องของข้า”

โล่หวินหลานขยิบตาสองสามที หากใครคิดจะมารบกวนนางในตอนนี้ สู้นางแกล้งป่วย เวินอ๋องเป็นทางเลือกที่ดีที่นางจะแกล้งป่วย

โม่ฉีหมิงเม้มปาก เห็นรอยยิ้มของโล่หวินหลานยิ้มอย่างมีความสุขพลางกล่าว “พระชายาหมิงล้มป่วยเพราะยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่ต้องลงมือสั่งโทษประหารญาติพี่น้องตัวเอง จวนหมิงอ๋องยังไม่พร้อมรับแขก ในใจห่วงหาแต่อาการของพระชายา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก