ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 310

ตอนที่310ปิ่นหยกช่วยชีวิต

พระตำหนักหมิงอ๋อง โม่ฉีหมิงพิงที่ขอบประตูอย่างขี้เกียจ มองดูหิมะสีขาวที่ตกอยู่ด้านนอก นี้ก็คือสิ่งที่ลิขิตไว้เเล้วว่านี้ไม่ใช่ฤดูหนาวที่สงบ

“ท่านอ๋อง ฮ่องเต้เห็นสมุดเล่มนั้นเเล้วโมโหมาก ด้วยความโมโหจะปลดตำเเหน่งของฮองเฮาเเต่น่าเสียดายในตอนสุดท้าย ฮองเฮาเอาปิ่นหยกที่พระพันปีให้ไว้มารักษาชีวิตตัวเองไว้ สุดท้ายเเล้วฮ่องเต้ก็เเค่ไปอยู่ในตำหนักหลิ่งกง ไม่ให้ออกมาตลอดทั้งชีวิต” ฉินหยิ่นวิ่งไปที่สวน พูดที่ข้างหูของโม่ฉีหมิง

คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่าปิ่นหยกนั้นจะมีประโยชน์ที่มากขนาดนี้ ปิ่นหยกที่ตอนนั้นท่านทวดสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น จะเป็นตัวที่ช่วยประกันคนตระกูลเย่!

“รู้เเล้ว”โม่ฉีหมิงพยักหน้า

สีหน้าของฉินหยิ่นดูลังเล คิดไปสักพักนึง ก็ถาม “ท่านอ๋อง ตกลงสมุดเล่มนั้นมันมีความลับอะไร? ทำไมฮ่องเต้ดูเเล้วต้องโมโหขนาดนั้น? ถึงขั้นจะปลดตำเเหน่งของฮองเฮา?”

นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่เข้าใจมาตลอด เเละไม่สามารถอธิบายได้

คาดเดาไม่ได้จริงๆว่าหลิงซงจะจดบันทึกอะไรไว้ในสมุดนั้น ที่จะถึงขั้นล้มตำเเหน่งฮองเฮาได้?

โม่ฉีหมิงหันไปดูเขาสักพัก สายตาที่คมของเขาดูเหมือนจะผ่อนเบาลง ยืนเกาะที่กลางระเบียงยาว สู้กับลมหิหะ

เวลานาน เขาถึงพูดขึ้นมาเสียงเบา “ ในนั้นบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ฮองเฮาทำเเต่ไม่มีคนรู้มาหลายปีมานี้ สิบปีที่เเล้วว่าหยู้่โก้ยเหยินพึ่งเข้ามาก็ได้รับความสนใจ เพราะไม่มีมารยาทต่อฮองเฮา สุดท้ายโดนฮองเฮาวางเเผนว่าฆ่าคนในวังเเละได้ถูกสั่งให้เข้าไปอยู่ที่ราชวังต้องห้าม

เเปดปีที่เเล้ว หว่านเสี่ยวจู่ที่พึ่งได้เลื่อนขั้นตั้งครรภ์ หมอหลวงวินิจฉัยว่าเป็นพระราชโอรส เสด็จพ่อดีใจมาก เลยประกาศให้ทุกคนรู้ เเละฉลองด้วยกัน เเต่ว่าฮองเฮาเย่กลับให้หลินซงไส้ศึกที่เเฝงในวังฆ่าหว่านเสี่ยวจู่อย่างเลือดเย็น หนึ่งศพเเละสองชีวิต

หกปีที่เเล้ว ชิ่นผินได้รับพระกรุณา ได้รับความสนใจเเละความรัก มีนิสัยที่ก้าวร้าว ไม่สนใจฐานะของตัวเองเถียงกับฮองเฮา สุดท้ายก็โดนกล่าวหาว่าเล่นชู้กับหมอหลวง จะก่อกบฎ ฆ่า9ชั่วโคตร

เรื่องต่างๆนี้เกิดขึ้นเพราะความอิจฉาริษยา เเละจึงมาการฆ่าทำร้าย เเต่เรื่องที่นางทำไม่ใช่เเค่พวกนี้ สิ่งที่บันทึกต่างๆที่อยู่ในสมุดนั้นก็ต่างเป็นคดีที่ไม่ยุติธรรม ไม่รู้ว่าในเวลาที่มืดสงบนางจะรู้สึกถึงความผิดที่เคยก่อไว้ไหม”

ทุกครั้งที่เจาพูดจบหนึ่งคำ ใจของฉินหยิ่นก็จะรู้สึกเเย่ลง คิดไม่ถึงเลยว่าเเค่เวลา10ปีสั้นๆนี้ ฮองเฮาเย่จะวางเเผนทำร้ายคนอื่นเยอะขนาดนี้

เสียงของฉินหยิ่นเหมือนจะมีความกังวล “เเต่ว่า ทำไมนางต้องทำเเบบนี้? นางได้เป็นฮองเฮาเเล้ว ถึงเเม้ว่าในอนาคตองค์รัชทายาทจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ เเต่นางก็คือพระพันปี เกียรติยศเงินทองมีมากขึ้น ทำไมต้องตัดโอกาสทางเดินของตัวเองล่ะ?”

โม่ฉีหมิงกลับตอบเเบบเยือกเย็น “ บนโลกใบนี้ ไม่มีผลประโยชน์ที่เเน่นอนอยู่เเล้ว เเละก็ไม่มีคนที่ไม่โลภ มีใครบ้างที่จะไม่หวังให้ลูกชายของตัวเองได้เป็นฮ่องเต้? ถ้าเป็นนางก็คงไม่ยกเว้นจากนี้”

เนื่องจากผลต่างๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เป็นผลกรรมที่นางควรได้รับทั้งหมดเเล้ว

ไม่รู้ว่าถ้าองค์รัชทายาทรู้เเล้ว จะมีการตอบสนองอย่างไร?

“ทางฝั่งเเผนกลงโทษ บอกกับพวกเขาว่าไม้ต้องเกรงใจ เรื่องนี้ทำให้จบให้เร็วที่สุด” เสียงของโม่ฉีหมิงปกปิดความโกธรไว้

“ขอครับ ข้าเข้าใจเเล้ว” เสียงของฉินหยิ่งพึ่งดับลง ก็มีเสียงที่เบาๆมาจากมุมนึงของระเบียง ฉินหยิ่งรีบพูดขึ้นมา “ใคร? ออกมา?”

ผ่านไปเวลานานก็ไม่การตอบสนองอะไร อาลั่วหลันนั่งอยู่ตรงมุมกำเเพง สั่นไปทั้งร่างกาย

ได้ฟังความลับที่น่ากลัวเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่สาจะโดนฆ่าปิดปากมั้ย?

นางค่อยๆขยับร่างกายของตัวเอง คิดว่าจะออกจากตรงนนี้ก่อนที่ฉินหยิ่นจะหานางเจอ

เเต่ว่า พึ่งจะเดินไปเเค่ไม่กี่ก้าว เสียงที่เยือกเย็นของโม่ฉีหมิงก็ผ่านเข้าไปในหูของนาง

“ฟังมานานขนาดนี้ ก็ไม่ตัดสินใจว่าจะเผยหน้าหน่อยหรอ?”

เสียงเท้าของอาลั่วหลัน ล้มลงที่ประตูด้านหน้าอย่างรุนเเรง จริงๆเเล้วเขาก็รู้เเล้วว่าตัวเองอยู่

ก็มีการเผยสีหน้าที่ลำบากใจ ก้มหน้าตอบรับ “ข้าเเค่บังเอิญเดินผ่าน ไม่ได้ยินอะไรเลย พวกคุณคุยต่อเลย ต่อเลย…..ไม่รบกวนเเล้ว”

“หยุดนะ” โม่ฉีหมิงมองดูนางอย่างสงสัย เรียกนางให้หยุดไว้

ในใจของอาลั่วหลันตกใจมาก ไม่กล้าหันกลับไป ก็หันหลังให้เขา สีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“อะไรหรอ?”

ในใจของโม่ฉีหมิงไม่ได้สนใจเลยว่านางจะได้ยินอะไรบ้าง เเต่กลับถามว่า “ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง? อยู่ในตำหนักยังอยู่ได้ได้?”

ใจที่ร้อนรน ก็คลายกังวลลง อาลั่วหลันยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจ นี่คือ จะปล่อยนางไปใช่ไหม?

อาลั่วหลันหันมาสังเกตุเขา เห็นสีหน้าเขาไม่ได้เเสดงถึงความคิดที่จะฆ่าปิดปากนาง เลยวางใจตอบว่า “ ถึงเเม้ในตำหนักจะดีทุกอย่าง เเต่ข้าก็อยู่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ อยู่ที่วังค่อยสบายหน่อย ไม่อย่างนั้นท่านให้ข้ากลับวังเถอะ?”

เห็นทั้งสองคนคุยกัน ฉินหยิ่นก็ค่อยๆเดินจากไป บนระเบียงยาวก็เหลือเเค่พวกเขาสองคน

มองดูโม่ฉีหมิงอย่างระมัดระวัง บนหน้าของเขาก็ไม่เคยเเสดงสีหน้าอะไรมาก ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง

“ข้อเสนอนี้ไม่เลว ข้าจะลองคิดดู”โม่ฉีหมิงพูดเเล้วก็หันหลังเดอนไปเลย เหลือเเค่เงาด้านหลังของเขา

อาลั่วหลันหยุดนิ่งไปสักครู่ ก็รีบรู้สึกตัวขึ้นมา รีบวิ่งตามก้าวของเขา บ่นอยู่ตามหลังของเขา

“งั้นท่านคิดว่าจะให้ข้ากลับวังเมื่อไหร่? ให้เเน่นอนหน่อย ข้าจะได้เก็บของ”

“ท่านอย่าเงียบสิ ข้าก็เดาไม่ได้ว่าท่านคิดอะไร พรุ่งนี้? มะรืนนี้? หรือว่าหลังจากมะรืนนี้?”

“อย่าเดินเร็วขนาดนี้สิ ขาข้าสั้นตามไม่ทัน ถ้าท่านไม่พูด ตอนนี้ข้าก็จะไปเก็บของ”

ทันใดนั้น ร่างที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดลง อาลั่วหลันเกือบจะชนเข้าที่กลางหน้าอกของเขา เเค่โม่ฉิหมิงหันข้าง ร่างกายของของนางก็จะมุ่งไปสู่ข้างหน้า ในเวลาอย่างนี้โม่ฉีหมิงก็ยื่นมือไปจับเเขนนางไว้ ดึงตัวนางกลับมา

การกระทำที่มารวมกันเเบบนี้ อาลั่วหลันยังดูงงๆมึนๆอยู่ ร่างกายก็นิ่งเเล้ว

เเววตาที่เย็นชาของเขามองนาง “ข้าจะพูดเเค่จะลองคิดดู เเละจะเมื่อไหร่นั้น ข้าก็ไม่รู้”

ผ่านไปครึ่งวัน เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปล่อยนางกลับวังเร็วขนาดนี้

เเต่ว่า ถ้าไม่กลับวังตอนนี้ ถึงตอนนั้นเเล้วถ้าฮ่องเต้หาคู่ให้เสี่ยวฮัว พอเเต่งออกไปเเล้ว เนางควรจะไปหาใคร?

ข่าวต่างๆในวังถูกปล่อยเร็วมาก เเค่สองเดือน ก็รู้กันโดยทั่ว

ประขาชนทุกคนต่างก็รู้กันทั้งหมดโดยใช้เเค่เวลาคืนเดียว ต่างก็รู้ข่าวที่ฮองเฮาโดนสั่งให้เข้าไปตำหนักหลิ่งกง เรื่องนี้มีผลกระทบเเรงมาก เย่กั๋วกงเตรียมตัวเข้าวังไปข้อร้อง

รีบๆร้อนก็เจอองค์รัชทายาทที่กำลังจะเข้าวังที่หน้าวัง รีบลงจากเกี๊ยว ลากองค์รัชทายาทไว้

“องค์รัชทายาท ท่านมาได้อย่างไร? ท่านอย่าเข้าวังไปขอร้องเด็ดขาด!” เย่กั๋วกงรีบห้ามไว้

สีหน้าขององค์รัชทายาทขาวซีด ใต้ตาที่ดำ เเสดงถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นเพราะเรื่องของฮองเฮาเย่ ไม่รู้ว่ากังวลเป็นห่วงมานานเท่าไหร่

เขารีบตอบ “ เสด็จเเม่เจอปัญหา เป็นลูกชาย ข้าจะไม่เข้าวังไปช่วยขอร้องได้อย่างไร?”

เย่กั๋วกงรีบมองซ้ายขวา เห็นไม่มีคนเดินผ่านน่อยวางใจ เขารู้ว่าองค์รัชทายาทกตัญญู ต้องเข้าวังไปช่วยขอร้องเเน่นอน

“ทำไมฮองเฮาถึงโดนคนเปิดโปง? ทำไมถึงโดนสั่งเข้าตำหนักหลิ่งกง? เบื่องหลังนี้ตกลงคือใคร? พวกข้าก็ไม่รู้ จะกล้าเข้าไปช่วยอ้อนวอนได้อย่างไร? ตอนนี้ฮ่องเต้อยู่ในช่วงที่โมโหมาก ไปตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น” เย่กั๋วกงพูดห้าม

เพราะอายุมาก เลยมองเรื่องต่างๆเข้าใจมากกว่า พอองค์รัขทายาทได้ฟังเช่นนี้ ก็รู้สึกว่ารีบร้อนเกินไป

“พวกข้ายังไม่รู้ถึงความเป็นมาของเรื่องต่างๆ ก็รีบร้องลงมือ ก็ดูไม่เหมาะ ถ้าเกิดว่าเป็นไปตามเเผนของคนเบื้องหลัง อย่างนั้นก็ยิ่งจะทำให้เราเสียหายไปอีก ตอนนั้น ไม่ใฃ่เเน่จะช่วยฮองเฮาออกมาไม่ได้ เเม้เเต่ชีวิตของข้าเเละท่านก็อันตราย!”

คำพูดของเย่กั๋วกง ก็ฝังลึกเข้าไปในใจขององค์รัชทายาท

เขากำมือเเน่ ชกลงเสาที่อยู่ด้านข้าง ดางตาร้อนเเดง กัดฟังเเน่ “ หรือว่า ข้าก็ทำได้เเค่นั่งอยู่เฉยๆ มองดูเสด็จเเม่อยู่ในวังต้องห้ามอย่างทุกข์ทรมานหรอ?”

เสียงของรัชทายาทดังหน่อย เย่กั๋วกงก็รีบหันกลับไปดู เห็นว่าไม่มีคนค่อยวางใจหน่อย

“องค์รัชทายาท ท่านอย่าพึ่งใจร้อน ถึงเเม้ว่าฮองเฮาจะถูกขังไว้ในตำหนักหลิ่งกง เเต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่มีคำสั่งให้ปลดตำเเหน่งของฮองเฮา ก็น่าจะมีบริการดี ตรงนี้วางใจได้”

“องรัชทายาทมองที่พื้นอย่างเครียดๆ หยุดพูดไม่ได้ “เสด็จเเม่ท่าน ตกลงท่านทำอะไรให้เสด็จพ่อถึงโมโหขนาดนี้?”เย่กั๋วกงรู้นิสัยของฮองเฮาเย่ดี เเละก็รู้ว่านางเคยทำเรื่องอะไรไว้ คิดว่าจะสามารถปกปิดมันได้

เเต่ว่า วิกฤตมาเร็วเกินไป มาจนไม่ทันตั้งตัว

มองดูองค์รัชทายาทที่รู้สึกผิดไม่มีข้อเสนอดีๆอะไร เย่กั๋วกงก็ตบไหล่เขาเบาๆ พูดปลอบว่า “วันนี้ฮ่องเต้เรียกข้าเข้าพบ ก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้ ข้าต้องรีบไปสืบความกับฮ่องเต้ รีบหาสาเหตุมาให้ได้

ดังนั้น ก็ทำได้เเค่เท่านี้

องค์รัชทายาทกัดฟันเเน่น ตอนนี้เสด็จเเม่ถูกล้ม เขาเป็นลูกชายเเละยังเป็นองค์รัชทายาท ต้องเเบกรับเเทนนางให้ได้

ไม่ว่ายังไง ตำเเหน่งองค์รัชทายาทยังไงก็ต้องรักษาไว้

องค์รัชทายาทกุมมือไว้ตรงหน้า ก้มลงทำความเคารพ “ เช่นนี้ ก็ขอฝากให้น้าชายด้วย”

“องค์รัชทายาทไม่ต้องเกรงใจ ข้าเข้าไปก่อน เเค่รู้ถึงเบาะเเสนิดหน่อย ก็จะรีบส่งข่าวให้ท่าน” เย่กั๋วกงพูด เเล้วหันหลังเข้าไปในหอสมุดพระราชวัง

ถึงเเม้ว่าความอบอุ่นข้างในจะมีมากกว่าข้างนอกไม่รู้กี่เท่า เเต่ในใจขิงเย่กั๋วกงกลับเย็นถึงขั้นสูงสุด

อยู่ข้างกายมานานตั้งหลายปี เฝ้ามาตั้งหลายปี ยังมีองค์รัชทายาทอีกหนึ่งคน ทำไมเขาถึงบอกจะปลดตำเเหน่งได้ออกมาง่ายขนาดนี้ บอกให้ขังในราชวังต้องห้าม?

ตกลงใจของฮ่องเต้ต้องเย็นชาขนาดไหน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร

มองดูเงาของเย่กั๋วกงหายเข้าไปในหอสมุดพระราชวัง องค์รัชทายาทยืนนิ่งที่เดิมนานมาก ก็ค่อยออกจากที่นั้น

พระราชวังที่เคยรู้สึกคุ้นเคย ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกมามันเเปลไปเเบบนี้?

องค์รัชทายาทยิ้มเเห้งๆ คิดถึงสิ่งๆที่อยู่ในวังอยู่ตลอด อยากจะเข้าไปอยู่กับฮองเฮาเย่ที่ตำหนักหลิ่งกง เเต่ก็กลัวจะมีคนเห็น เอาเรื่องนี้ไปบอกกับเสด็จเเม่

ตอนนี้ พวกเขาอยู่ในช่วงที่อันตราย คงรับอะไรต่อไม่ไหว ถ้าตอนนี้ทำให้เสด็จพ่อสงสัย มันก็จะยิ่งทำให้เสด็จเเม่โดนด้วย

องค์รัชทายาทรีบหยุดลง หันกลับไปทางรอยัลการ์เด้น ค่อยๆเดิน เเต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาถึงไหน

หิมะสีขาวตกลงบนตัวเขาอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆละลายกลายเป็นน้ำค้างอยู่บนตัวเขามากมาย สุดท้ายก็หยดลงบนพื้นของเขาด้วยความเย็น

“องค์หญิงระวังด้วย มีหิมะเดินยาก” ไซ่เย่วกำชับโล่หวินหลานที่กำลังรีบอยู่ กางร่มอยู่ข้างหลังของนาง

“รู้เเล้ว” ถึงเเม้โล่หวินหลานจะใจร้อน เเต่ถึงเวลานี้ กลับเดินช้าลง

ทั้งสองคนเลี้ยวไปอีกมุม กลับมีร่างชายหุ่นผอมใส่เสื้อสีเหลือง

“เหอชื่อทำความเคารพองค์รัชทายาท”

อยู่ในวังนี้ กล้าใส่เสื้อสีเหลืองจะมีสักกี่คน นอกจากองค์รัชทายาท ก็คือฮ่องเต้

ตอนนี้ฮ่องเต้คงจะยุ่งมาก ในเวลานี้คนที่้ยังสามารถเข้าวังเดินเล่นที่รอยัลการ์เด้นอยู่ ก็คงจะมีเเค่องค์รัชทายาทเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก