ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก นิยาย บท 398

สรุปบท ตอนที่ 398 ถูกกักขังในคุก: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 398 ถูกกักขังในคุก – ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก โดย ใบไม้แดง

บท ตอนที่ 398 ถูกกักขังในคุก ของ ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 398 ถูกกักขังในคุก

ที่แท้ในใจของต้วนกุ้ยเฟย ได้มองเขาเป็นคนเยี่ยงนี้ตลอด ตนเองเป็นคนกระทำผิดขั้นร้ายแรงที่สุด เป็นกษัตริย์ที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เขาไม่สามารถให้สิ่งที่เพียงพอกับนางและเวินอ๋อง

ฮ่องเต้เจียเฉิงมองต้วนกุ้ยเฟยอย่างคาดไม่ถึง ถ้าไม่ใช่วันนี้ เขาก็ไม่มีทางรู้ความคิดทั้งหมดที่นางมี

เขาเดินเข้าไปหาต้วนกุ้ยทีละก้าว และอยากจะบีบคอผู้หญิงคนนี้ให้ตายคามือตนเอง

“ท่านพ่อ หลายปีผ่านไป พวกข้าต่างไม่รู้ว่าต้วนกุ้ยเฟยเป็นเบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด และยังทำให้ท่านแม่ต้องตายจากไป ลูกขอให้ท่านพ่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อให้ท่านแม่ของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์”

โม่ฉีหมิงคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้เจียเฉิง และขัดขวางฝีเท้าของเขา คำพูดของเขาฟังดูหนักแน่นมาก

ฮ่องเต้เจียเฉิงพยักหน้าอย่างแรง “เรื่องนี้ ข้าต้องให้ความเป็นธรรมแก่เฉินเฟยอย่างแน่นอน”

ทั้งสองมองไปยังต้วนกุ้ยเฟย และทำท่าทางโกรธแค้นจนไม่สามารถออมมือได้ เพื่อที่จะแก้แค้นให้สาสมแก่ใจ ต่างก็กำลังคิดว่าจะเอาโทษนางเยี่ยงไรดี

แค่ทุกอย่างก็ไม่ได้นึกถึงเย่ฮองเฮา ที่เคยอิจฉาริษยาจนกลายเป็นคนขาดสติ ถึงทำให้ต้วนกุ้ยเฟยฉวยโอกาสใช้ไฟเผาเฉินเฟยให้ตาน

โล่หวินหลานฉวยโอกาสตอนนี้ทุกคนไม่สังเกตตบต้วนกุ้ยเฟยให้สลบ และหันหลังเดินไปอย่างไม่สนใจใยดี รอให้ต้วนกุ้ยเฟยตื่นขึ้นมา ก็จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจู่ๆนางก็ถูกเพิกเฉยอย่างน่าแปลกใจ

“ทำให้กุ้ยเฟยได้เข้าไปในคุกก่อน และรอรับโทษ” ฮ่องเต้เจียเฉิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาแล้วมองไปยังต้วนกุ้ยเฟยที่สลบคาเตียง และได้สั่งการถึง

บรรยากาศเงียบจนรู้สึกแปลกๆ ไม่มีใครกล้าร้องขอเพื่อปล่อยต้วนกุ้ยเฟยให้หลุดพ้นจากโทษ และไม่มีใครอยากขอร้องเพื่อนางด้วยเช่นกัน แค่ใช้สายตาอันเยือกเย็นมองไปรอบๆ

พูดจบ ก็หันไปมองเย่ฮองเฮา นางเป็นราชินีของแคว้น ทำไมถึงต้องกระทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่รู้ถึงฐานะที่ตนเองมี

ฮ่องเต้ทำสายตาโกรธเคือง และจับจ้องเย่ฮองเฮาอย่างโหดเหี้ยม เหมือนยังไม่รู้ว่าจะลงโทษนางเยี่ยงไรดี

เขาได้นิ่งไปสักพัก แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ฮองเฮา เจ้ากลับเรือนเจ้าก่อน”

ฟังจากน้ำเสียงที่เหมือนจะทำตัวห่างเหินนาง เย่ฮองเฮาไม่รู้ว่าควรโล่งอกหรือควรตื่นเต้นขึ้น แต่เขากลับไม่สบอารมณ์ใดๆ และทำตัวเฉยชาอย่างมาก

แล้วได้ตอบกลับอย่างเฉยว่ารับทราบ แล้วค่อยๆมองฮ่องเต้เดินจากไป แล้วล้มลงบนพื้น

พวกบ่าวและทหารได้เดินผ่านนางไปโดยเร็ว นางทำตาตั้งและอึ่งไปสักพักที่ไม่มีคนสนใจ สุดท้ายก็มีรองเท้าสีดำคู่หนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้านาง

นางค่อยๆเงยหน้าขึ้น กลับเห็นใบหน้าที่ดูเลือดเย็นของโม่ฉีหมิง กำลังจะฆ่านางให้ตายทั้งเป็น

“เจ้าคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยหรือ?” โม่ฉีหมิงทำน้ำเสียงเย็นชาเหมือนดั่งผนังที่หนาวเย็น ไม่มีแม้แต่ความเมตตา

“ข้าก็จมอยู่กับความเข้าใจผิดด้วยเช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะต้วนกุ้ยเฟย ข้าจะไปลงมือทำร้ายกับพวกเจ้าทำไม? เจ้าก็น่าจะรู้ดี สำหรับข้าแล้วองค์รัชทายาทสำคัญแค่ไหน?” เย่ฮองเฮากัดฟันพูดขึ้น และคิดว่านางจะไม่เกลียดหรือไง?

ลูกชายของตนเองแท้ๆ อนาคตจะต้องยาวไกล ไม่มีใครสามารถเหนือกว่าเขาได้ แต่กลับโดนทำร้ายจนป่วยหนัก นางจะไม่เกลียดคนร้ายนั้นได้เยี่ยงไร?

โม่ฉีหมิงเดินก้าวเข้าไปอีกก้าว นางกำลังต่อล้อต่อเถียงก็ช่างมันเถอะ แต่ยังคงไม่รู้จักกลับตัวกลับใจหรือรู้สึกผิด?

“เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือว่าไม่ได้ตั้งใจจะอยากฆ่าแม่ของข้า? ต้วนกุ้ยเฟยได้ให้โอกาสเจ้าได้ปล่อยไฟเผาก็เท่านั้น ให้เจ้าลงมือกับแม่ข้าอย่างไม่ละลายใจ” โม่ฉีหมิงพูดแทงใจนางมากๆ และพูดความในใจของนางออกมาทั้งหมด

“เจ้า……” เย่ฮองเฮาจับแขนเสื้อของตนเองไว้แน่นๆ ความคิดที่ชั่วร้ายในใจของนางถูกล้วงออกมาทั้งหมด

“ทำไม? ที่ข้าพูดไม่ถูกแต่อย่างไร?” โม่ฉีหมิงทำริมฝีปากทรงโค้ง นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

“เจ้าพูดถูก ตอนนั้นเฉินเฟยถูกรักใคร่โปรดปรานจนมิอาจมีใครสามารถมาเปรียบได้ ถึงแม้ต้วนกุ้ยเฟยไม่ลงมือทำอะไรกับองค์รัชทายาท ข้าก็ต้องจัดการกับเฉินเฟยอยู่แล้ว” เย่ฮองเฮาหยุดชะงักไป นัยน์ตาของนางขังไปด้วยน้ำตา

“แต่ว่าก็ไม่ได้จะเอาชีวิตของเฉินเฟยเร็วเยี่ยงนั้น และจะไม่ทำร้ายเจ้าที่ยังเด็กต้องโดนทำร้ายเยี่ยงนี้ด้วย ทุกอย่างมันมาได้ไม่ถูกเวลา และไม่เหมาะกับเวลานั้นๆเลย”

พูดถึงตอนสุดท้าย เย่ฮองเฮาร้องไห้จนไม่ได้สุ่มไม่มีเสียงออกมา และล้มลงกับพื้น สภาพของนางตอนนี้ไม่เหมือนฮองเฮาที่สง่าและสูงส่งเลย

นางเสียใจเยี่ยงนี้เลยหรือ?

เสียใจที่ตนเองเคยทำเรื่องนั้นขึ้น หรือว่าเสียใจเพราะเรื่องถูกล้วงลับออกมา เพื่อที่จะคุ้มครองชีวิตของตนเองจึงพูดเยี่ยงนี้ออกมา?

โล่หวินหลานมองโม่ฉีหมิงตัวสั่นเบาๆ เลยเดินไปข้างหน้า หันข้างแล้วกุมมือเขาไว้

“แต่สุดท้ายท่านแม่ก็ตายไปแล้ว” โม่ฉีหมิงค่อยๆหลับตาลง น้ำเสียงกดต่ำลงแล้วเย็นชามากๆ

เหมือนกำลังทนไม่ไหวและหมดเรี่ยวแรง แต่ว่ามือใหญ่ๆของเขากลับมีกำลังที่จับมือของโล่หวินหลานไว้ แค่มีนางอยู่เคียงข้าง เขาก็รู้สึกสงบจิตใจหน่อย

ทั้งสองก้าวไปยังประตู และผลักประตูออก แล้วมีลมที่หนาวเย็นพัดเข้ามา

“เจ้าต้องเชื่อข้า ข้าไม่ใช่อยากจะทำร้ายเฉินเฟย!เจ้าก็น่าจะเข้าใจ การเป็นแม่ บางครั้งเรื่องมากมายมันไม่ทำก็ไม่ได้” เย่ฮองเฮาวิ่งพุ่งไปทิศทางทางไปประตูแล้วตะโกนขึ้นเสียงแหบและไร้ซึ่งเรี่ยวแรง นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ต้องรู้สึกเสียใจที่ทำลงไป

“ขอโทษ…..”ขอโทษจริงๆ

เรื่องมาถึงวันนี้ นางแพ้แล้ว แพ้ไปแล้วจริงๆ ไม่มีทางจะหวนกลับไป

ตอนนี้นางเผชิญกับโม่ฉีหมิง กลับเป็นความรู้สึกอับอายที่พูดไม่ออก ถ้าเรื่องจริงไม่ได้ถูกเปิดเผยวันนี้ นางก็คงไม่พูดคำพูดเยี่ยงนี้ออกมา

ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร นางยอมรับว่านางแพ้แล้ว จะให้นางต่อสู้ไปยังไงมันไม่มีประโยชน์อยู่ดี

เมื่อออกจากวัง รถม้าได้ขับเคลื่อนขึ้น เหมือนรถม้าได้อยู่ห่างจากโลกภายนอก คนในรถม้าไม่ได้ยินเสียงใดๆที่เกิดขึ้นเลย

โม่ฉีหมิงกำลังเหม่อลอยจ้องมองอยู่แต่ที่เดิม โล่หวินหลานไม่เคยเห็นเขาเป็นเยี่ยงนี้เลย นางได้กุมมือใหญ่ๆนั้นไว้แน่นๆตลอดทาง และไม่ได้ปล่อยมือเลย

นี่มาต่อสู้กันกลางตลาดเยี่ยงนี้ มันเสียภาพพจน์ไปหรือไม่? ถ้าเรื่องนี้ถึงหูฮ่องเต้ คงต้องเกิดเรื่องแน่ๆ

ยิ่งไปกว่านั้นคือช่วงนี้ฮ่องเต้อารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องของต้วนกุ้ยเฟย ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้พวกเขายังไปรบกวนเขา มันจะยิ่งทำให้เขายิ่งเครียดขึ้นมาอีก

องค์รัชทายาทร่างกายอ่อนแอ วิชาการต่อสู้ของเขาไม่เก่งกาจตั้งแต่แรก ยิ่งไปกว่านั้นคือร่างกายของเขาทรุดโทรมมาหลายปี ถ้าสู้กันโม่ฉีหมิงที่เต็มล้นไปด้วยกำลังภายในได้เยี่ยงไร?

พอโม่ฉีหมิงได้ยิน เขาได้ชักกำลังภายในของเขาออกมา แล้วปล่อยไปยังองค์รัชทายาท องค์รัชทายาทโดนกำลังภายในของเขาจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว ทั้งตัวของเขาถูกแขว่งไปยังกำแพงที่เต็มไปด้วยหิมะ

ทันใดนั้น ปากของเขามีเลือดพุ่งออกมา และกระจายอยู่บนพื้นหิมะเต็มเหมือนดอกไม้สีแดงสดขึ้นอยู่บนพื้นสี่ขาว

“อย่ากังวลเลย” โม่ฉีหมิงเสียบดาบไว้กับพื้นที่อยู่ข้างๆโล่หวินหลาน และหันมองอมยิ้มให้นางเล็กน้อย

องค์รัชทายาทบาดเจ็บสาหัสกว่า ทหารที่อยู่ข้างเขาจึงรีบไปพยุงเข้าขึ้นไปบนม้าที่อยู่ข้างๆ

“โม่ฉีหมิง ถ้าท่านแม่ของข้าเป็นอะไรไป ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่ๆ!”

ตอนที่องค์รัชทายาทอยู่นอกเมืองเขาก็ค่อยๆเดาออกว่าโม่ฉีหมิงทำเยี่ยงนี้เพราะอะไร เขาขุดรุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อให้ตนเองโดดลงไป แต่สุดท้ายตนเองก็ไปติดกับดักโดดลงไปจนได้

เพราะว่าเขามักจะบอกกับตนเองว่า “ถ้าเกิดมันใช่จริงๆล่ะ?”

พอเขากลับเข้ามาในเมือง ก็รู้ว่าฮ่องเต้รู้เรื่องของต้วนกุ้ยเฟยแล้ว แล้วท่านแม่จะเป็นเยี่ยงไร?

“อยากรู้ว่าฮองเฮาเป็นเยี่ยงไร เจ้าก็เข้าไปดูในวังเองก็รู้แล้ว” โม่ฉีหมิงยิ้มเยาะเบาๆ และกลับไปขึ้นรถม้า

องค์รัชทายาททำสายตาอาฆาตรส่งรถม้าของเขาออกจากซอยในตลาด เขาจับดาบของตนเองไว้แน่นๆ และเสียบเข้าไปในพื้นหิมะอย่างแต็มแรง

นึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะมาดักรอกลางทาง โล่หวินหลานมองไปยังโม่ฉีหมิงที่กำลังเม้มปากแน่นๆ คิ้วของเขาขมวดขึ้นเป็นปม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เหมือนองค์รัชทายาทจะรู้เรื่องแล้ว เลยลงมือกับเจ้าใช่หรือไม่?” โล่หวินหลานเงยหน้าขึ้นถาม

“ถ้าเขายังเดาไม่ออก ถือว่าเขาโง่เขลาเกินไป” โม่ฉีหมิงยิ้มเยาะขึ้น

โล่หวินหลานกระตุกคิ้วขึ้นแล้วถามถึง “เจ้าตั้งใจให้องค์รัชทายาทออกจากเมืองหลวงหรือ?”

โม่ฉีหมิงหันไปมองนางแว๊บเดียว แล้วพยักหน้าอมยิ้ม “เขาตามหาจิ่นซื่อตลอดเวลา และข้าก็รู้เพียงเบาะแสของจิ่นซื่อเท่านั้น”

ตั้งแต่วันนั้นที่จิ่นซื่อตกเหว ไม่ได้ข่าวคราวของนางมานาน องค์รัชทายาทอยากจะรีบตามหานาง แต่ก็ไม่มีปัญญาหา

ดังนั้นแค่เขาได้ยินข่าวจากเหวนั้น เขาต้องไม่สนใจอะไรสักอย่างแล้วไปช่วยนาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก