ตอนที่78ความห่างเหิน
ชิงช้าที่หวาดเสียวได้หยุดลงโม่ฉีหมิงหมุนล้อรถเข็นมาอยู่หน้านาง เขากุมมือนางไว้เขาหยุดร่างสวยของนางที่กำลังแกว่งไปแกว่งมาทำให้นางค่อยๆหยุดลง
โล่หวินหลานมองหน้าโม่ฉีหมิงอย่างงงๆคิ้วของนางขมวดขึ้นนางยังไม่หายหวาดเสียวจากการเล่นชิงช้าหัวยังเวียนอยู่นิดๆขายังอ่อนอยู่เลย“ระวัง”โม่ฉีหมิงเห็นนางสภาพแบบนี้บอกเตือนนางด้วยความเป็นห่วงถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้เขาก็ไม่เรียกนางไปนั่งชิงช้าตอนนั้นที่เขาซื้อสวนนี้ของประดับข้างในนี้เขายังคงเก็บรักษาไว้ชิงช้านี้ทีแรกเขายังไม่เก็บมันไว้แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็บอกให้บ่าวอย่าแกะมันทิ้งนี่อาจจะเป็นโชคชะตาเลยก็ได้
โล่หวินหลานที่กำลังสนุกและหันหน้ามาส่งยิ้มให้โม่ฉีหมิงจังหวะนางหันมาดูพริ้วสวยมากถ้าไม่ใช่เพราะว่าเย่หวินกับฉินหยิ่นอยู่ข้างๆเขาคงจะลงโทษความสวยของนางสักหน่อย“
“ข้าไม่เป็นไร”โล่หวินหลานหยุดฝีเท้าลงแล้วอมยิ้มใส่เขา
“ถ้าไม่เป็นไรก็ไปกันเถอะคืนนี้เราจะไปกินมื้อเย็นกันที่โรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอู”โม่ฉีหมิงพูดถึงเขาก็ได้กุมมือของนางแล้วเดินออกไป
สองสามวันนี้มาเมืองอูกินข้าวแค่ในตำหนักซันส่วยโล่หวินหลานรู้ว่าโม่ฉีหมิงไม่ชอบการพบปะผู้คนจำนวนมากคงไม่ออกไปกินข้าวพวกโรงเตี้ยมอย่างแน่นอนแต่วันนี้ออกไปโล่หวินหลานไม่คิดว่าเขาอยากเอาใจนางแต่มันต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแน่ๆ
โรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอูมีนามว่าโรงเตี้ยมฝูหมั่นตั้งชื่อได้ง่ายและจดจำง่ายและยังเผยให้เห็นถึงความปรารถนาของเจ้าของของประดับในโรงเตี้ยมดูสวยเรียบและโดดเด่นไม่เหมือนใครชุดโต๊ะและเก้าอี้ทำจากไม้ที่เคลือบด้วยสีสีแดงและเรียงกันเป็นแถวไปช่องว่างระหว่างโต๊ะและเก้าอี้ทุกตัวจะถูกแยกออกจากกันฉากกั้นที่วาดด้วยรูปธรรมชาติจัดเรียงกันเป็นแถวไปชั้นแรกเป็นชั้นโต๊ะรวมที่กั้นด้วยฉาก
ชั้นที่สองเป็นห้องกั้นส่วนตัวที่หนึ่งห้องมีแค่หนึ่งโต๊ะและชั้นที่สองมีระเบียงทางเดินที่ซับซ้อนมากถ้าไม่มีพนักงานคอยนำทางก็ต้องหลงทางแน่นอน
พอเข้าไปถึงประตูพนักงานในร้านพาพวกเขาขึ้นไปชั้นสองโดยตรงของตกประดับในนั้นดูสวยและโดดเด่นมากโล่หวินหลานเชื่อเลยว่าทุกห้องอาหารของที่นี่มีการประดับที่แตกต่างกันไปไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่จะมีเจ้าของที่รู้จักใส่ใจขนาดนี้
พอถึงที่นั่งพนักงานไม่ได้พูดอะไรก่อนก็ทวนอาหารที่ได้สั่งไว้ให้ฟังหนึ่งรอบรอให้โม่ฉีหมิงพยักหน้าถึงค่อยสะบัดผ้าบนไหล่เพื่อเตรียมยกสำรับอาหารลงไป
"ได้ชื่อว่าเป็นโรงเตี้ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอูนี่ไม่เสียชื่อจริงๆ"โล่หวินหลานพูดถึงในโรงเตี้ยมมีแต่คนเดินไปเดินมาไปทั่วนางเลยผลักหน้าต่างออกเพื่อดูทิวทัศน์นอกตึก
"โรงเตี้ยมแห่งนี้เป็นโรงเตี้ยมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองอูและมักจะมีแต่คนมีฐานะมาที่นี่ฉะนั้นมันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ต้องดูสวยและโดดเด่น"โม่ฉีหมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังและจิ๊บชาไป
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เองสิ่งก่อสร้างที่นี่เป็นจุดเด่นของจุดศูนย์รวมที่ท่องเที่ยวใช่ไหมดูท่าทางแล้วโรงเตี้ยมน่าจะมีประวัติยาวนานไม่งั้นคงทำการใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้
ผ่านไปไม่นานพนักงานก็ได้ยกสำรับอาหารขึ้นมาทั้งหมดมีกับสิบอย่างและซุปหนึ่งอย่างนี่ยังไม่รวมของหวาน ของว่างและผลไม้สีสันอาหารดูครบรสถ้าทุกอย่างมาครบหมดจะดูน่ากินกว่านี้กับข้าวเยอะขนาดนี้กินกันแค่สี่คนน่าจะสิ้นเปลืองเกินไป
"ฉินหยิ่นเย่หวินพวกเจ้าก็มานั่งกินด้วยกัน"โล่หวินหลานขึ้นเสียงสูงเพื่อเรียกทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูและชี้ไปยังอาหารที่อยู่บนโต๊ะ
บ่าวไม่สมควรร่วมโต๊ะกับนายบนโลกใบนี้มีกฎอะไรมากมายพวกเขาติดตามโม่ฉีหมิงมานานหลายปีรู้ดีว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ
ฉินหยิ่นมองหน้าโม่ฉีหมิงแต่ว่าโม่ฉีหมิงใช้สายตาที่เหมือนมีอะไรบางอย่างมองเขาสีหน้าอันไร้อารมณ์ของเขาพยักหน้าให้ฉินหยิ่น
พวกเขาหันหน้าเข้าหากันคำสั่งของโม่ฉีหมิงพวกเขาไม่ฟังไม่ได้และทำตามที่โล่หวินหลานบอกนั่งลงตรงเก้าอี้เพื่อกินข้าวด้วยกัน
"เป็นแบบนี้ก็ดีสิทุกคนกินข้าวด้วยกันอย่างมีความสุข"โล่หวินหลานรู้สึกพอใจจนกระตุกมุมปากขึ้นเหมือนรูปเส้นโค้งดวงตาอันกลมโตของนางเปล่งประกายออกมา
โม่ฉีหมิงใช้สายตาที่ดูลึกลับจ้องอาหารที่ยกมาไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
บรรยากาศภายในห้องจริงๆมันรู้สึกอึดอัดมากๆมือของโล่หวินหลานจับกระโปรงของตัวเองไว้อย่างแน่นๆโม่ฉีหมิงยังไม่ขยับตะเกียบฉินหยิ่นและเย่หวินนั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จามีแค่นางที่กำลังนั่งกินขนมถั่วเขียวและจ้องสีหน้าที่ดูแปลกของพวกเขาทั้งสาม
"ฉีหมิง......"โล่หวินหลานวางตะเกียบลงและกำลังจะเรียกชื่อของเขาแต่มือของนางกลับถูกเขากุมไว้
"เงียบ.....มาแล้ว....."โม่ฉีหมิงทำท่าทางที่สื่อให้นางอยู่เงียบๆและจับจ้องไปยังประตูบานนั้นเหมือนประตูบานนั้นจะสามารถไขความลับให้นางได้
อะไรมาแล้ว?โล่หวินหลานขมวดคิ้วขึ้นทำหน้างงมองโม่ฉีหมิงหน้าอันหล่อเหลาของเขาสื่อให้เห็นว่าเขามีอำนาจในการควบคุมทุกอย่างในจักรวาลมุมปากของเขากระตุกขึ้นเป็นรูปทรงโค้งลักษณะลูกตาอันเรียวยาวของเขาเหมือนดาบที่เปล่งประกายและจับจ้องไปยังประตูไม้ที่อยู่ข้างซ้าย
โล่หวินหลานยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามก็ได้ยินเสียงคุยกันของพนักงานและเสียงใส่ๆของหญิงสาวผู้หนึ่งดังจากนอกประตู"เรียนแขกที่เคารพค่ะที่นี่เป็นห้องอาหารของพวกท่านหม่อมฉันจะรีบยกอาหารขึ้นมานะคะ"
"ได้ครับขอบคุณครับ"เสียงโทนต่ำของชายผู้หนึ่งได้ดังขึ้น
เสียงนี้เป็นเสียงที่คุ้นหูมากแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกโล่หวินหลานกำลังพยายามนึกในสมองและเสียงใสๆของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นอีกรอบ"เวินอ๋องพาบ่าวมาจากจิงเฉิงมาที่นี่มันคืออะไร?
โล่หวินหลานจับโต๊ะไว้ตากลมๆโตๆของนางจ้องหน้าโม่ฉีหมิงไว้
นี่ไม่ใช่เย่เซียวหลัวกับเวินอ๋องหรอ?ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่ได้?
ดังนั้นโม่ฉีหมิงรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาทั้งสองจะมาเมืองอูแต่ตั้งใจมารออยู่ที่นี่วันนี้ก็ไปสืบหาข่าวสารมา?
แต่ว่าทำไมต้องมาถึงที่นี่ล่ะมีอะไรที่ต้องพูดต่อหน้าหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก