ตอนที่93แผลธนู
โล่หวินหลานต้องตรวจสอบดูบาดแผลของฉินหยิ่นก่อนอันดับแรกทำความสะอาดรอบๆบาดแผลขั้นตอนพวกนี้นางคุ้นชินจนไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
ฉินหยิ่นหลับตาแน่นบนหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมดปากซีดเผือดแห้งลอกเป็นแผ่นบางๆใบหน้าเกร็งจนเป็นสีเขียวม่วงโล่หวินหลานเห็นเขาที่กระทั่งสลบยังคงมีท่าทีเจ็บปวดขนาดนี้ในใจรู้สึกถอนหายใจเฮือกใหญ่
นางใช้สำลีชุบน้ำแตะไปที่ริมฝีปากของเขาเบาๆให้พอมีความชุ่มชื้นบ้างริมฝีปากแห้งผากที่โดนน้ำก็เริ่มมีสีขึ้นมาบ้าง
“เย่หวินทำตามที่ข้าเคยสอนเจ้าเรื่องแบ่งน้ำเกลือไปเตรียมมาให้ข้าหลายๆถ้วยหน่อย”โล่หวินหลานสั่งการลงไป
เย่หวินที่อยู่อยู่ด้านหลังคอยลูบหน้าอกตัวเองเบาขมวดคิ้วขึ้นเหมือนกำลังพยายามนึกย้อนเรื่องการผสมน้ำเกลืออย่างตั้งใจแต่เหมือนว่านางจะนึกยังไงก็นึกไม่ออกนางเป็นกังวลจนน้ำตาคลอตาแดงก่ำ“วะพระชายา.....ขะข้าเหมือนจะจำไม่ได้แล้ว......”
โล่หวินหลานรู้ว่านางลืมแล้วจึงทบทวนให้นางฟังอีกรอบ“น้ำต้มสุกหนึ่งลิตรเกลือสอนช้อนทิ้งให้เย็นก่อนแล้วค่อยเอายาม้าเฟ่ยต้มมารีบหน่อยนะ”
เย่หวินจำอย่างตั้งใจแล้วรีบไปทำตามอย่างเร่งรีบ
ใช้มีดผ่าตัดกรีดไปที่เสื้อของเขาถึงเห็นปากแผลของเขาเพราะถูกลูกธนูไฟเฉียดจึงทำให้มีร่องรอยการไหม้ของบาดแผลโชคดีว่าฉินหยิ่นหลบได้ทันหากชักช้าไปเพียงนิดเดียวคาดว่าแขนทั้งข้างคงต้องตัดออก
ตำแหน่งบาดแผลอยู่ตรงกล้ามเนื้อมัดใหญ่ยังเป็นแผลลึกไม่ถึงกล้ามเนื้อแต่ผิวหนังด้านนอกถูกเปิดออกทำให้ผิวหนังด้านนอกไหม้ม้วนออกมาทำให้เห็นเนื้อสีแดงสดด้านในอย่างน่าตกใจ
บาดแผลด้านนอกมีร่องรอยของความไหม้โล่หวินหลานสังเกตไปพักหนึ่งยังไงก็ต้องทำความสะอาดบาดแผลก่อน
“พระชายาน้ำเกลือมาแล้ว”เย่หวินถือน้ำเกลือในมือเข้ามานำชามที่มีน้ำเกลือวางไว้โต๊ะเล็กด้านข้างนางหันไปมองบาดแผลของฉินหยิ่นครู่หนึ่งรู้สึกน่ากลัวจนต้องหายใจหนึ่งเฮือก
โล่หวินหลานมองไปที่หน้าของเย่หวินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงแล้วก็รู้ว่าเย่หวินรู้สึกกับฉินหยิ่นมากกว่านั้นพูดอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ“เย่หวินสิ่งท่สำคัญที่สุดระหว่างการผ่าตัดใจต้องนิ่งสงบดั่งสายน้ำหากว่าเจ้าทำไม่ได้ก็ให้เปลี่ยนคนเข้ามาเถอะ”
“พระชายาข้าทำได้ข้าจะไม่ทำให้ท่านยุ่งวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีก”เย่หวินรีบจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองพยักหน้าอย่างแน่วแน่ไปทางนางรอคำสั่งของโล่หวินหลาน
โล่หวินหลานพยักหน้าไปทางนางรีบให้ฉินหยิ่มดื่มยาม้าเฟ่ยผ่านไปไม่นานสีหน้าเจ็บปวดของเขาก็ค่อยสงบลงพอยาม้าเฟ่ยออกฤทธิ์
“เอาสำลีฉีกเป็นชิ้นๆวางไว้ในกะละมังเอาคีมมาให้ข้า”สายตาของโล่หวินหลานจับจ้องไปที่บาดแผลของฉินหยิ่นพลางยื่นมือขอคีม
คีบสำลีที่เปียกในกะละมังมาทำความสะอาดบาดแผลของฉินหยิ่นสำลีอันแล้วอันเล่าที่มีเลือดเปื้อนออกมาถูกคีบทิ่งลงในกะละมังอีกใบ
ท่าทางของนางยิ่งอยู่ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆทำความสะอาดคราบเลือดที่แขนของฉินหยิ่นจนสะอาดคีบเนื้อตายที่ถูกลูกธนูเฉียดออกมานางจำไม่ได้แล้วตานางไม่ได้กระพริบตามานานเท่าไหร่แล้วแล้วก็จำไม่ได้แล้วว่าใช้สำลีทำความสะอาดแผลของเขาไปเท่าไหร่แล้วกว่าจะสะอาด
ผ้าเช็ดเย็บเฉียบถูกซับเข้าที่หน้าผากของนางเบาๆค่อยๆเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาอย่างเบามือนางถอนหายใจไปเฮือกใหญ่มือข้างหนึ่งพลางทำความสะอาดบาดแผลอีกทั้งยังเห็นเนื้อด้านในที่มีเลือดซึมออกมาอย่างชัดเจน
ตอนที่เลือดที่ไหลเป็นปกติแล้วโล่หวินตรวจดูบริเวณแผลที่ถูกไหม้มันทำให้เพิ่มความยากให้นางขึ้น โชคดีว่าบริเวณบาดแผลที่ไหม้เป็นไม่มากอีกทั้งยังเป็นแค่ผิวหนังด้านนอกหลังจากเย็บแผลเสร็จก็ใส่ยารักษาแผลไหม้ก็น่าจะพอแล้ว
“กรรไกรให้ข้า”โล่หวินหลานที่หยิบกรรไกรได้ก็ตัดแผลผิวหนังนอกให้สวยงามพลางเอ่ย“เข็มเย็บแผลด้ายไส้แกะ”
เย่หวินมือไม้ลนลานไปหมดพยายามท่องจำสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจน้ำด้ายและเข็มยื่นไปให้โล่หวินหลานหลังจากที่เห็นท่าทางรีบร้อนลนลานนั้นนางก็เริ่มเย็บแผล
ปากแผลที่แขนของเขาไม่กว้างมากแต่ว่ายาวมากโล่หวินหลานหาตำแหน่งที่ถูกจุดเสร็จก็เริ่มเย็บแผลขึ้นเข็มแล้วเข็มเล่าเหมือนกับตะขาบที่ยาวคดเขี้ยวไปมา
“พระชายาท่านสุดยอดไปเลย”เย่หวินมองบาดแผลที่น่ากลัวในตอนแรกถูกเย็บขึ้นกลายเป็นตะขาบที่บิดๆเบี้ยวๆไปมารวมไปถึงเลือดก็แห้งสนิทแล้วอดไม่ได้ที่จะนับถือจากใจ
โล่หวินหลานรับผ้าขนหนูมาถือในมือเช็ดซับให้แห้งตบไหล่นางเบาๆยิ้มและพูดขึ้น“เจ้าร่วมมือกับข้าดีมาก”
แล้วก็ใช้ยาฆ่าเชื้อเทไปที่ร่างของฉินหยิ่นทีนี้ก็รอเขาฟื้นขึ้นมา
ขณะที่สองกำลังพูดคุยกันโม่ฉีหมิงค่อยหมุนบ้อรถเข็นเข้ามาอย่างเงียบๆมองไปที่แขนของฉินหยิ่นที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลเรียบร้อยแล้วสีหน้าแย่เมื่อครู่ก็ดีขึ้นมาเยอะแล้วสายตาก็หันไปมองโล่หวินหลานที่กำลังเก็บข้าวของ
โล่หวินหลานรู้สึกแค่มีสายตาที่ลุกเป็นไฟมองมาที่นาง นางได้แต่ใช้ท่าทางที่ยุ่งจนหยุดไม่ได้ปลอบใจตัวเองถึงได้ไม่คิดถึงสายตาคู่ที่มองนางอยู่ข้างหลัง
นางเก็บข้าวของในกล่องอุปกรณ์แพทย์สุดท้ายจึงค่อยๆถอดชุดปลอดเชื้อของตัวเองออกแล้วยื่นให้เย่หวิน
นางยืดตัวขึ้นแล้วก็เดินออกไป
โม่ฉีหมิงตามร่างบางของนางไปที่สวนเสียงล้อรถเข็นเห็นได้ชัดว่ามีความรีบร้อนสองมือของเขาจับไปที่เก้าอี้รถเข็นแน่นเขาให้นางจากไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“หวินหลานเจ้ายังจะออกปอยู่ไหม?”คำพูดของเขาเพียงหนึ่งประโยคที่ให้โล่หวินหลานหยุดก้าวเท้าต่อเสียงแหบดังขึ้นตรงข้างหูของโล่หวินหลาน
โล่หวินหลานรู้สึกตัวสั่นเทายกเท้าก้าวต่อไปไม่ได้โม่ฉีหมิงเห็นนางไม่ก้าวเท้าต่อในใจรู้สึกโล่งอกเหตุการณ์เมื่อครู่ยังคงหมุนเวียนอยู่ในหัวของเขาไปมานางสามารถกระโดดพุ่งเข้าช่วยเขาอย่างไม่คิดชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาข้ามภพ พิชิตใจท่านอ๋องไร้รัก