ตอนที่ 119 ตั้งใจมาส่งหนังสือ
เงาของต้นไม้พลิ้วไหวไปมา กลิ่นจางๆของต้นอ่อนได้ส่งผ่านมาเป็นครั้งคราว ภายใต้กลิ่นนี้ก็ได้ผสมผสานกับเสียงลมหายใจที่คลุมเครือใต้ต้นไม้ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความยั่วยวนมากยิ่งขึ้น
หลินซีนเยียนหรี่ตาลงในฉับพลัน
เธออยากจะตบหน้าโม่จื่อเฟิงสักฉาดหนึ่ง แล้วจะตะโกนออกมาดังๆว่า “ไอ้คนวิปริต!”
แต่เธอรู้ว่าเธอทำไม่ได้! ในสายตาของเขาเธอเป็นเพียงของเล่นที่ใช้ระบายอารมณ์เท่านั้น ถ้าของเล่นที่เร้าใจก็จะยิ่งสนุก คล้ายกับการลักลอบเป็นชู้ มักจะหาสถานที่ที่เร้าใจแล้วทำเรื่องอย่างว่ากัน
ส่วนโม่จื่อเฟิง เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังหาอะไรทำที่เร้าใจ เธอคิดถึงตอนที่อยู่ในหอพัก เพื่อนทอมได้คอมเมนต์ถึงความผิกปกติของหนัง AV ของญี่ปุ่น มันทำให้เธอยากที่จะลืมเลือน เพื่อนทอมพูดว่า “ เธอดูนี่ ยิ่งอยู่ในสถานที่อันตรายมันก็จะทำให้เกิดสถานการณ์อัตรายขึ้นด้วย เพราะมันจะไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนออกมา พวกคนวิปริตเหล่านั้นมันคิดเล่ห์เหลี่ยมออกมาได้ แต่กลับได้รับความชื่นชอบจากคนทั่วโลก นั่นก็แสดงว่าถึงจะเป็นคนปกติยังไงก็ยังจะแสวงหาความบ้าคลั่งอยู่”
ในตอนกลางวัน เมื่อโม่จื่อเฟิงเห็นว่าศิษย์พี่ปกป้องเธอ ทำให้ไปกระตุ้นฮอร์โมนของโม่จื่อเฟิงเข้า พอตกดึกมาจึงสัมผัสมันได้
“ถอดเสื้อผ้า” มือของโม่จื่อเฟิงเคลื่อนที่ไปไม่หยุด เขาฝังหน้าลงไปในใต้ซอกคอของเธอ สูดดมกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอ เสียงแหบแห้งที่เอ่ยออกมาแสดงถึงความใจร้อนอยู่เล็กน้อย
หลินซีนเยียนรู้สึกถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวของเขาวนเวียนอยู่รอบๆหูของเธอ เธอกัดริมฝีปากฝืนทำให้ตนเองผ่อนคลายลง หลังจากนั้นผ่านสักพัก มือเล็กทั้งสองข้างก็โอบคอของเขา “ท่านอ๋อง ท่านจะทำตรงนี้งั้นหรือ?”
“ตรงนี้ไม่ดีงั้นหรือ? หมู่ดาวเป็นผ้าห่ม พื้นดินเป็นเตียง ” ตอนที่โม่จื่อเฟิงเอ่ยริมฝีปากบางก็ซุกไซ้ที่ข้างหูของเธอ มันทำให้หลินซีนเยียนรู้สึกขนลุกขนชันไปทั้งตัว
สายตาของหลินซีนเยียนปรากฏแค้นใจออกมา แต่ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเองตามคำสั่งของเขา เธอรู้ว่าถ้ามีบางเรื่องที่หลบไม่พ้น ต้องให้มันจบสิ้นโดยเร็วที่สุด มีเพียงแต่แบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถรักษาใบหน้าของตนเองไว้ได้
เมื่อเสื้อผ้าตกสู่พื้น ในขณะผิวพรรณขาวเนียนราวกับหิมะได้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของโม่จื่อเฟิง ปากของเขายิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ แล้วใช้นิ้วเชยคางของเธอขึ้น จากนั้นก็ประทับลงไป “ นังปีศาจ เปิ่นหวางกลัวว่าจะขาดเจ้าไม่ได้ ”
เหอ...
คำโกหกที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำพูดคำหวานของผู้ชายตอนที่กำลังเพลิดเพลินอยู่
ในค่ำคืนนี้ ต่อให้เป็นฤดูใบไม้ผลิก็ยังรู้สึกถึงความหนาวเหน็บ
ในลานบ้าน ขนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหินใต้ต้นไม้ใหญ่ได้เย็นชื้นหมดแล้ว หลินซีนเยียนจัดเสื้อผ้าในเรียบร้อยจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้หินอย่างเงียบงัน เมื่อเทียบก่อนหน้านี้ ดวงตาของเธอดูมืดมนขึ้นเรื่อยๆ
เงาของทั้งสามคนโผล่ขึ้นมาจากหน้าประตู เมื่อเห็นหลินซีนเยียนนั่งเหม่อลอยอยู่ในลานบ้าน พวกเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ศิษย์น้อง ดำขนาดนี้แล้ว ทำไมเจ้ายังนั่งอยู่ตรงนี้ กำลังรอพวกข้าหรือ?” เซียวฝานถอดผ้าปิดหน้าสีดำออกแล้วเดินไปนั่งข้างๆโต๊ะหิน จากนั้นก็หยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมากัดคำหนึ่งแล้วคายออกมา “ขนมนี้เย็นหมดแล้ว ไม่อร่อย”
หลินซีนเยียนชะงักแล้วหันหน้ามา ฝืนทำให้ตนเองร่างเริงสดใส เพียงไอกระแอมหนึ่งทีอยากจะพูดอะไร แต่รู้สึกว่าเสียงนั้นแหบแห้ง เธอจึงรีบไอเบาๆออกมาอย่างเก้อเขิน
อู๋อี้ก็เดินมานั่งลงด้วย เมื่อเห็นว่าเธอว่าไอก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “ ศิษย์น้องเป็นอะไร นั่งตากลมหนาวตรงนี้นานเกินไปหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...