ตอนที่ 296 ประลองดาบ
แต่เดิมเหล่าหลิวนึกอยากเอาดาบหิรัญออกมาแล้วไปหาหัวหน้าโรงผลิต อยากบอกกล่าวกับเขา ดาบหิรัญนี้มิได้ธรรมดาสามัญอย่างรูปลักษณ์ภาบยนอกของมัน ทว่าหลินซีนเยียนกลับปิดฝากล่องเอาไว้อย่างมั่นเหมาะ
“พวกเราจะยอมพลาดโอกาสนี้ไปเช่นนี้รึ” เหล่าหลิวไม่เข้าใจ
หลินซีนเยียนยกมุมปากแค่นเสียงเย็น “ไพ่ดีมักปรากฏในเวลาที่สำคัญเสมอ ไยยามนี้ต้องไปอาทรกับความเฉยเมยของผู้อื่นด้วยเล่า วางใจเถิด ให้ข้าจัดการ”
ให้ข้าจัดการ
สี่คำนี้ มิรู้ว่าเหตุใดกลับทำให้เบื้องลึกในใจของเหล่าหลิวสงบนิ่งลง เพียงแค่ทำงานร่วมกันไม่กี่วันสั้นๆ เท่านั้น เขากลับเชื่อถือนางได้มากเพียงนี้ แม้กระทั่งเหล่าหลิวยังถูกความแปรผันที่งงงันเช่นนี้ทำให้ตะลึงไม่หยุด
บัดนั้น หัวหน้าโรงผลิตได้ออกคำสั่งให้ผู้ดูแลเอาดาบหิรัญหนึ่งเล่มที่ตนรวบรวมไว้ออกมา สีหน้าของหัวหน้าโรงผลิตราวกับเศร้าซึม ยามที่ถือผ้ากำมะหยี่แดงเช็ดทำความสะอาดกระบี่เล่มนั้นสีหน้ายิ่งสลดใจเป็นอย่างยิ่ง
บางทีอาจเป็นเพราะคับขันมากโข ดังนั้นเพลิงโทสะที่มีต่อเหล่าหลิวและหลินซีนเยียนในอกกลับยิ่งทบทวี เขามองทั้งสองด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง เพิ่งจะย่างก้าวเดินออกไปทางนี้ ก็ได้ยินองครักษ์ข้างนอกประตูมารายงานว่าขบวนของขุนพลหลี่มาถึงแล้ว
หัวหน้าโรงผลิตหยุดชะงักฝีก้าว หมุนกายเดินไปยังทิศทางของปากทางเข้าประตูสวน บนใบหน้าของเขาประดับประดาด้วยรอยยิ้มมาแต่ไกล “อัยยะ ขุนพลหลี่อุตส่าห์มาโรงผลิตศาสตรวุธของพวกเรา ช่างนำความรุ่งโรจน์ชัชวาลมาสู่เสียจริง เชิญเข้าด้านในเร็วขอรับ เชิญด้านใน!”
ปากประตูของสวน เสตามองก็ปรากฏขบวนคนหนึ่งทัพ ผู้นำขบวนเป็นชายชาตรีวัยกลางคน ไม่เทอะทะ อาภรณ์ผ่อนผ้าทั้งร่างก็ปกปิดกลิ่นอายแห่งความเฉียบแหลมของเขาไว้ไม่มิด ผู้ที่เดิมตามหลังของเขาคือเด็กหนุ่มอายุอานามราวยี่สิบกว่าปีหนึ่งนาย ท่าทางคล้ายคลึงกับชายกลางคนถึงห้าส่วน ย่อมเป็นขุนพลหลี่หลี่จินและบุตรชายคนโตของเขา...หลี่เยว่ ตามหลังของพวกเขายังมีบริพารหลายนายท่าทางองอาจ
หัวหน้าโรงผลิตนำพ่อลูกขุนพลหลี่ไปยังภายในศาลารับรอง เหมันตฤดูอากาศหนาวเหน็บ สำหรับอาหารเริ่มเย็นชืดขึ้นบ้างแล้ว หัวหน้าโรงผลิตกุลีกุจอปราศรัยแด่พ่อลูกขุนพลหลี่ให้หย่อนกายนั่งพัก “ขุนพลหลี่ คุณชายพลี่ สุราและเครื่องเคียงได้ตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว พวกเรารับประทานอาหารก่อน ประเดี๋ยวค่อยชมดาบหิรัญเล่มนั้น!”
ใครจะรู้ว่าขุนพลหลี่ยังไม่ทันปริปาก กลับถูกหลี่เยว่ผู้นั้นตัดบทไปเสียก่อน “ใต้เท้าหัวหน้าโรงผลิต ด้วยความสัตย์จริง ครั้งนี้ข้ามาตรวจตราดาบหิรัญเป็นพิเศษ อาหารไม่ว่ายามใดก็ล้วนกินได้ทั้งนั้น แต่ว่าดาบหิรัญนี้ย่อมไม่ใช่ว่าจะได้พบเจอในยามทั่วไปเสียหน่อย ข้าเริ่มจะรอไม่ไหวแล้ว เช่นนั้นพวกเราตรวจดูดาบหิรัญก่อนดีหรือไม่ ดูเสร็จแล้วค่อยพักกินข้าวร่ำสุรากัน!”
“นี่...” หัวหน้าโรงผลิตลังเลเล็กน้อย โดยเฉพาะสิ่งที่ผู้ดูแลถืออยู่ในมือนั้นเป็นดาบหิรัญที่เขาเก็บรักษาไว้นานหลายปี ในอกกลับยิ่งหวงแหนอยู่ไม่น้อย แม้จะเป็นการถ่วงเวลาสักนิดก็ถือว่าดีแล้ว
ขุนพลหลี่ก็เอ่ยปากปรามด้วยรอยสรวล “ขออภัยท่านหัวหน้าโรงผลิต บุตรชายของข้าก็มีนิสัยวู่วาม นี่เพิ่งกลับมาจากชายแดนเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็ไม่รู้ว่าไปทำดาบหิรัญเล่มนี้มาจากที่ใด คมตัดเหล็กดุจตม ว่ากันว่าช่างฝีมือของประเทศเป่ยหมิงโน้นเป็นผู้ตีหลอมขึ้นมา ยังกล่าวว่าศาสตราวุธใดๆ ของประเทศเป่ยหมิงย่อมดีกว่าของหนานเยว่ของพวกเรา เช่นนี้ข้าก็ไม่ภิรมย์ใจนัก กล้าดีอย่างไรมาว่าศาสตราวุธของพวกเราหนานเยว่ใช้การไม่ได้ ดังนั้นข้ากับเจ้าด็กอวดดีนี่จึงพนันกันเอาไว้ ข้าคุยโวโตใหญ่แล้ว บอกว่าอาวุธของโรงผลิตศาสตราวุธของพวกเราย่อมสามารถฟันกระบี่ของเขาให้ขาดได้!”
พอหัวหน้าโรงผลิตได้ฟังประโยคนี้ ในอกกลับยิ่งระส่ำระสาย ที่แท้ขุนพลหลี่ผู้นี้เร่งรัดเอาดาบหิรัญนี้ ก็เพื่อการประลองดาบ! ประลองกระบี่ ความจริงก็มีนัยยะว่าดาบทั้งสองเล่มล้วนแตกหัก ดาบหิรัญที่ดีคมดัดเหล็กดุจตม เพียงแค่ฉับเดียวก็สามารถฟันดาบอื่นขาดได้ ดังนั้นการประดาบต่อไปนี้ จะต้องมีดาบเล่มหนึ่งได้รับความเสียหาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...