ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต นิยาย บท 384

ตอนที่ 384 ความเผด็จการอันไม่อาจพยากรณ์ได้

เซียวฝานนึกไม่ถึงว่านางจะเข้ามาแบบกะทันหัน การแสดงออกทางสีหน้าค่อนข้างอึดอัดใจ ราวกับไม่เต็มใจให้ฉากอันอเนจอนาถเช่นนี้ของตนเองถูกนางพบเข้า เพียงแต่ หลินซีนเยียนไม่ได้ให้เวลาเขาตอบสนอง ก็ได้ทรุดฮวบร้องรำพันเป็นที่เรียบร้อย นี่ทำให้ชั่วขณะนั้นเขาลืมเลือนความอึดอัดใจไปสิ้น รีบร้อนกล่าวปลอบประโลม “ศิษย์น้อง ข้าไม่เป็นไร”

เขาไม่พูดยังจะดีกว่า พอพูดเช่นนี้ น้ำตาของหลินซีนเยียนกลับยิ่งหยุดไม่อยู่เข้าไปใหญ่ ผู้นี้คือศิษย์พี่ใหญ่ที่มักจะเอาความรู้สึกของนางวางไว้เป็นอันดับแรก ในช่วงเวลาที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากที่สุด กลับถูกนางทอดทิ้งอยู่ภายในมุมมืด

นางส่ายหน่า ร้องไห้ไม่เปล่งเสียง หลังจากที่ช่วยเขาเช็ดคราบเปรอะตรงแผ่นอกจนสะอาดแล้วจึงป้อนโจ๊กเขา

ดูเหมือนว่าสิ่งที่หวาดเกรงความรู้สึกของนางจะยิ่งทรุดยวบลง เซียวฝานพยายามแสดงออกถึงท่าทางอันเป็นธรรมชาติอย่างสุดพลัง ทว่าหลินซีนเยียนยังคงค้นพบถึงความผิดปกติตอนที่เขาดื่มโจ๊ก ทุกคำที่เขาดื่มโจ๊ก นิ้วมือของเขาล้วนสั่นระริกอยู่น้อยๆ ราวกับกำลังอดกลั้นต่อความเจ็บร้าวอันมากล้น

ดื่มโจ๊กหมดถ้วยอย่างไม่ง่ายดายนัก บนหน้าผากของเซียวฝานเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กละเอียด เขายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ศิษย์น้อง ท่านอ๋องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

“เขาไม่เป็นอะไรแล้ว” หลินซีนเยียนวางถ้วยชามลง มองไปที่ห้องอันเย็นเฉียบ อดเอ่ยถามไม่ได้ “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านฟื้นตั้งแต่เมื่อไร”

“คืนวานกลางดึกก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว สามารถหลงเหลือชีวิตเอาไว้ได้ก็โชคดีมากแล้ว” ตอนที่เซียวฝานเอ่ยคำนั้นมองมายังทางหลินซีนเยียนตลอดเวลา ราวกับไม่เต็มใจพลาดทุกการแสดงออกทางสีหน้าของนางเลยสักนิด ภายในแววตาของเขา เปี่ยมล้นด้วยความโลภและความปรารถนา

ถูกเขามองด้วยสายตาไม่ลดละเสียจนหนังศีรษะเริ่มเหน็บชา หลินซีนเยียนยันกายขึ้นรินชาร้อนให้ตนเองหนึ่งแก้ว และเอ่ยถาม “ไม่มีคนมาดูแลท่านหรือ”

เซียวฝานยังคงจมดิ่งอยู่ท่ามกลางอย่างสายตาที่จับจ้องหลินซีนเยียน หัวคิ้วพลันขมวดอย่างไม่ทันระวัง จากนั้นจึงแย้มยิ้มอ่อนโยนต่อไป “ข้ามีมือมีเท้า ไม่ต้องให้คนอื่นมาดูแลข้า อีกอย่างอาหารสามมื้อพวกเขาก็นำมาส่งตรงเวลานัก”

เขาไม่เต็มใจโกหกนาง ดังนั้นจึงทำได้เพียงเฉไฉมาสู่หัวข้อที่ทำให้คนรู้สึกเฉยชาอันนี้

ทว่า หลินซีนเยียนกลับไม่ใช่คนที่โง่เขลา พอเขาพูด นางก็เข้าใจแล้ว เพียงแต่ นางคิดไม่ถึงว่าคนของโม่จื่อเฟิงจะทำเกินไปขนาดนี้ จากท่าทีของเซียวฝานในปัจจุบัน จะดูแลตัวเองได้อย่างไร ทว่าพวกเขา กลับละทิ้งเขาตาปริบๆ อย่างโหดเหี้ยมทารุณ

เดิมทีก็มีความผิดบาปต่อเซียวฝานอยู่แล้ว ปัจจุบันเห็นว่าเซียวฝานได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ เพลิงโทสะของหลินซีนเยียนกลับยิ่งกลั้นไม่อยู่เลนสักนิด นางเก็บกวาดอุปกรณ์อาหาร เอ่ยกับเซียวฝาน “ข้าจะไปเอาน้ำร้อนมาช่วยท่านเช็ดตัวสักหน่อย”

อาจเพราะเข้าใจถึงอารมณ์ความรู้สึกของนางมากเกินไป เซียวฝานอดไม่ได้จึงปริปากเรียกนางเอาไว้ “ศิษย์น้อง อย่าทะเลาะเบาะแว้งกับเขาเพื่อข้า ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข”

“อืม” หลินซีนเยียนก้มหน้างุด ไม่ให้เซียวฝานมองเห็นหยาดน้ำค้างกลางดวงตาของนาง รีบร้อนหมุนกายออกจากห้องไปอย่างซวนเซ

ออกจากประตูห้องแล้ว นางยกมือขึ้นปาดคราบน้ำตา จากนั้นจึงไปยังห้องของโม่จื่อเฟิง ภายในห้อง หนีหว่านกำลังอ่านจดหมายแก่โม่จื่อเฟิง เห็นว่านางเข้ามา จึงกระวีกระวาดพับเก็บซองจดหมายยันกายขึ้นยืนด้านข้าง

หลินซีนเยียนไม่ได้มองไปที่โม่จื่อเฟิง แต่กลับเดินตรงไปทางหนีหว่าน กล่าวถามเสียงเย็น “หนีหว่าน เป็นเจ้าให้คนทำกับเซียวฝานเช่นนั้นหรือไม่”

หนีหว่านเลิกคิ้ว เหลือบสายตาไปสำรวจมองยังทิศทางของโม่จื่อเฟิงโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจึงมุ่นหัวคิ้ว กล่าวยิ้มเย็น “เขากับพวกเราไม่ใช่มิตรไม่ใช่ศัตรู เชิญคนมาตรวจโรคให้เขา ยังประเคนอาหารสามมื้อในหนึ่งวันแก่เขา ก็นับว่าปฏิบัติดีต่อเขาแล้ว”

“ไม่ใช่มิตรไม่ใช่ศัตรู?” หลินซีนเยียนแผดเสียงกล่าว “เขาคือศิษย์พี่ใหญ่ของข้า! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำกับเขาขนาดนั้น” นางบันดาลโทสะยิ่งยวด ยกมือขึ้นหมายจะตีหนีหว่าน แววตาของหนีหว่านจ้องนางเขม็ง กลับไม่ได้ถอยร่นแต่อย่างใด และปราศจากท่าทีจะหลบเลี่ยงฝ่ามือนั้นของนาง

“หยุดนะ!” ในที่สุดโม่จื่อเฟิงก็เอ่ยปากอย่างเยือกเย็น แววตาที่มองหลินซีนเยียนไร้ซึ้งความอ่อนโยนเป็นที่เรียบร้อย เพียงกล่าวเสียงแผ่ว “ซีนเยียน เหตุใดเจ้าต้องทรมานหนีหว่าน อันที่จริงในก้นบึ้งหัวใจของเจ้าเองก็รับรู้ คนที่สามารถทำให้หนีหว่านปฏิบัติด้วยเช่นนั้น มีเพียงข้า”

มือที่ยกขึ้นของหลินซีนเยียน ชะงักค้างกลางอากาศไม่ได้วางลดลง หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมาด้วยความผิดหวัง อันที่จริงนางเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่ากลับไม่เต็มใจยอมรับความจริงข้อนี้ นางเต็มใจเชื่อว่าผู้ชายที่นางใส่ใจจะไปทำร้ายศิษย์พี่ใหญ่ เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็สำคัญต่อนาง ในกระเดี้ยวกระดูกของนางไม่เต็มใจให้พวกเขาทำร้ายอีกฝ่าย ดังนั้น นางเลือกจะเชื่อมั่นอย่างเห็นแก่ตัวว่าเป็นหนีหว่านที่ตัดสินแบบนี้ตามอำเภอใจตัวเอง

“ท่านเพราะอะไร เพราะอะไร...ท่านรู้อยู้แท้ๆ ว่าศิษย์พี่ใหญ่มีความหมายต่อข้าอย่างไร...” หยาดน้ำตาของหลินซีนเยียนร่วงลงมาหยดต่อหยด ความรู้สึกขั้วหัวใจปวดหนึบอย่างถึงที่สุด มือบางค่อยๆ ลดลงมาขนาบทั้งสองข้างอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่กลับอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นสะสมพลังเอาไว้

กลางดวงตาของโม่จื่อเฟิง ระยับแววปวดใจอยู่ชั่วขณะ แต่ว่าก็ซ่อนแววปวดใจเอาไว้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่มาแทนที่คือความเฉยเมยและเย็นชา “เพราะอะไร? สนมรองของข้าจึงได้ใส่ใจผู้ชายคนอื่นเช่นนี้ ข้าไม่ควรทรมานเขาเชียวหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ แรกเริ่มเจ้าทำอะไรไว้ในโรงงานอาวุธ ระหว่างเจ้ากับเขาไม่ชัดไม่แจ้ง เอาข้าไปวางไว้ที่ใดกันเล่า ข้าไม่เอาชีวิตเขา ก็นับว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว ทำไม เจ้ายังจะมาร้องฟูมฟายกับข้าเพื่อผู้ชายคนนั้นอีกหรือ”

เขารู้ทั้งหมด ที่แท้ โม่จื่อเฟิงรู้ดี!

หลินซีนเยียนมองทางโม่จื่อเฟิงอย่างค่อนข้างหวาดผวา ตอนที่อยู่ในโรงงานอาวุธ เซียวฝานไม่สามารถจัดการดูแลชีวิตด้วยตนเองได้ เรือนร่างของเขาต่างก็มีนางคอยเช็ดถูก เรื่องราวแบบนี้วางอยู่ในสังคมเช่นนี้นั้น ย่อมทำให้คนยอมรับลำบาก ถึงแม้ความคิดของโม่จื่อเฟิงจะเปิดกว้างกว่าคนอื่นๆ อยู่มาก ทว่านางกลับยังคงไม่กล้าเสี่ยงจะเผยความจริงข้อนี้ให้เขาล่วงรู้

“ท่าน...ก่อนหน้าท่านยังอ่อนโยนต่อข้าเสียขนาดนั้น...” หลินซีนเยียนค่อนข้างยอมรับไม่ได้ต่อความต่างระหว่างก่อนและหลังของเขา กลางดวงเนตรปรากฏแววฉงนใจ

“ก่อนหน้า ก่อนหน้านี้เจ้าเอ่ยคำแทนผู้ชายคนอื่นต่อหน้าข้าแล้วหรือยัง ข้าเคยให้โอกาสเจ้า ขอเพียงนิ่งเงียบไม่กระโตกกระตากเรื่อยมา ปฏิบัติหน้าที่ที่สนมรองคนหนึ่งเช่นเจ้าพึงกระทำอย่างสงบเสงี่ยม รักษาระยะห่างระหว่างผู้ชายน่าสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ แน่นอนว่าข้าย่อมรักเจ้าเอ็นดูเจ้า อย่างไรเสีย เจ้าก็เป็นถึงมารดาแท้ๆ แห่งบุตรของข้า ทว่า...เจ้าก็ยังทำให้ข้าผิดหวังเสียแล้ว” โม่จื่อเฟิงทอดถอนใจหนึ่งเฮือก หลับตาลง ราวกับไม่เต็มใจจะมองเห็นนางอีก

เพียงแต่ ถ้อยวาจานี้ของเขา พัดคลื่นพายุในอกของหลินซีนเยียนให้โหมกระหน่ำ แต่ไหนแต่ไรมาโม่จื่อเฟิงก็เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ขอให้เป็นเรื่องที่เขาปักใจไปแล้ว ก็จะแน่วแน่อย่างเผด็จการจนถึงที่สุด ดังนั้น ตอนนี้เขาคิดว่าหลินซีนเยียนออกหน้าแทนเซียวฝาน จึงผลักไสต่อเซียวฝาน?

“โม่จื่อเฟิง! ท่านรู้อยู่แก่ใจว่าสำหรับข้าแล้วศิษย์พี่ใหญ่ไม่เหมือนกัน เหตุใดท่านจึงยังเป็นเช่นนี้ ท่านไม่อาจเข้าใจข้า เชื่อมั่นข้า...”

คำกล่าวของหลินซีนเยียนยังไม่ทันสิ้นสุด ก็ได้ยินโม่จื่อเฟิงเปิดปากตัดบทนางอีกครั้ง “พอแล้ว! ในมุมมองของข้า เขาก็คือผู้ชายคนหนึ่ง! ยังเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกเจ้าเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าหมดแล้ว ระหว่างเจ้ากับเขา ทำให้ข้ารู้สึกแขยง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต