ตอนที่89 ไม่เพียงมีนางแค่ผู้หญิงคนเดียว
ลมโชยผ่าน พัดพากลีบดอกพลัมปลิวร่วงหล่นตกตรงช่องว่างระหว่างกลางคนทั้งสอง
หลังจากที่ลมโชยผ่านเหมือนว่าอากาศจะเย็นขึ้นเล็กน้อย หลินซินเยียนเหลือบมองกลีบดอกไม้ที่ปลิวหล่นอยู่บนพื้น ตรงมุมปากยังคงรอยยิ้มอย่างไร้ที่ติ ใต้เท้าอินเจ้าคะ เย็นมากแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน
“ทราบเรื่องที่เขาจะแต่งหวางเฟยหรือไม่?” อินฉีเห็นนางกำลังจะกลับ พลันขมวดคิ้วกล่าวประโยคนี้ออกไป
หลินซินเยียนนิ่งงัน รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ เป็นคุณหนูสกุลซู สตรีผู้เพียบพร้อมอันดับหนึ่งแห่งเมืองเฟิ่งชี เหมาะสมกับเขาแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้า…..” อินฉีเหมือนกับอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้กล่าวออกไป จึงวกกลับมากล่าวว่า ถ้าหาก ข้าจะบอกว่าหากยามที่ซินเยียนต้องการหรือประสงค์สิ่งใด ก็มาหาข้าได้ที่จวนเสนาบดี ข้าเคยบอกไว้ว่าเจ้าสามารถเรียกข้าว่า พี่ใหญ่อิน
“ตกลงเจ้าค่ะ” หลินซินเยียนไม่ได้ปฏิเสธแบบขอไปที อีกทั้งตอบตกลงด้วยดี หรือว่านางจะไปหาเขาจริงๆ? สำหรับเขาและนาง ฐานะห่างชั้นเกินกว่าที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หลินซินเยียนไม่เชื่อในเรื่องรักยามแรกพบ หากเห็นได้ชัดว่าคนสองคนไม่อาจเข้าใกล้ ไม่ได้เป็นเพียงเพราะเพศตรงข้ามดึงดูด
แน่นอนว่า นางเองก็ไม่เว้นจากสถานการณ์พิเศษหนึ่งในพันนั้น ที่ทั้งสองคนมองตากันและก็ต้องการอยู่ด้วยกัน แต่ทว่า นางไม่ใช่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมแนวความคิดทางชนชั้นเช่นนี้ นางที่เป็นเพียงสาวใช้อุ่นเตียง ไม่อาจอวดดีได้เลย ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่บุรุษเห็นนางแล้วก็ต้องตกหลุมรักนาง บางทีความระแวงของนางนั้นหนักหนาเกินไป สรุปก็คือนางไม่สามารถที่จะเชื่อถือใครได้ง่ายๆ
“ข้าให้คนไปเตรียมรถม้าไว้แล้ว ไปกันเถิด ข้าจะไปส่งเจ้า” อินฉีนำทางไปเบื้องหน้าด้วยความสุภาพ
หลินซินเยียนพยักศีรษะแล้วเดินตามเขาไป
หลังจากที่ให้อินฉีมาส่งนางที่ถนนเส้นหลัก นางจึงลงจากรถม้า หลังจากที่เดินวนเวียนอยู่หลายช่วงถนนจึงค่อยกลับถึงเรือนของตน
เอ้อร์ยาและอี้เซิงที่รอคอยตรงทางเข้าเรือนอย่างใจจดใจจ่ออยู่นาน เมื่อเห็นนางกลับมา ทั้งสองก็รีบวิ่งมาหาทันที
“เป็นอย่างไรบ้าง ชนะหรือไม่?” เอ้อร์ยาร้อนใจเป็นที่สุด อดไม่ได้ที่อยากจะรู้ผลในทันที
หลินซินเยียนเผยยิ้มบาง “แน่นอน ชื่อเสียงเรียงนามในการประดิษฐ์ของข้ามิได้เป็นแค่ชื่อเสียงจอมปลอมเสียหน่อย”
เอ้อร์ยาอุ้มอี้เซิงขึ้นมากอดอย่างดีใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวต้องชนะแน่ๆ ยอดเยี่ยมไปเลย ใกล้จะปีใหม่แล้ว นี่คือของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดเลย!”
แม้อี้เซิงจะมีความสุข แต่กลับไม่ได้แสดงออกพูดจาคุยโวเกินจริงเหมือนอย่างเอ้อร์ยา เพียงแต่ดวงตาทั้งคู่จ้องมองหลินซินเยียนอย่างไม่กระพริบ
ถึงสายตาเขาจ้องมองจึงเขินอายเล็กน้อย หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา “ว่าไง จ้องข้ามีอะไร พี่รู้ว่าเจ้าเลื่อมใสข้า รู้แล้ว รู้แล้วน่า ไม่ต้องจ้องแล้วว”
อี้เซิงจึงยอมถอนสายตากลับไป
“ใช่แล้ว เหลืออีกสองวันก็จะปีใหม่แล้วนะ พวกเราเองก็ควรจะไปซื้อของมาฉลองปีใหม่เหมือนกัน พวกเราทั้งสามที่เป็นคนไร้ที่พึ่งพิงจะรวมตัวฉลองปีใหม่ด้วยกันเป็นครั้งแรก ฉะนั้นแล้วปีใหม่ของพวกเราจะต้องสนุกสนานอย่างแน่นอน” หลินซินเยียนรู้สึกว่าในยามนี้ ควรจะทำให้บรรยากาศมีความสุขมากยิ่งขึ้น ดังนั้นจึงเริ่มพูดถึงเทศกาลฉลองปีใหม่
เมื่อใดก็ตามที่ถึงเวลานี้ หลินซินเยียนมักจะนึกถึงสาวใช้ในอดีต อู๋ถง หลังจากการลอบสังหารที่เกสท์เฮ้าส์ครั้งนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของอู๋ถงอีก นางก็เคยตามหาโดยการไปสอบถาม แต่ก็ไม่มีข่าวคราวเหมือนเดิม
ไม่มีข่าวก็คือข่าวที่ดีที่สุด นางได้แต่ใช้ข้อนี้มาปลอบใจตนเอง อีกทั้งนางเคยกำชับไว้ก่อนที่จะจากมา ให้อู๋ถงลืมนางซะ แล้วใช้ชีวิตที่เหลือให้ดี คิดๆดูแล้ว บางทีนางอาจจะกำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้
เพราะปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ถนนสายหลักจึงได้แขวนโคมไฟมากมาย ดูเหมือนจะคึกคักเหมือนกับเทศกาลโคมไฟ ฉะนั้นทุกวันหลังจากอาหารมื้อค่ำ เหล่าประชาชนจะออกมาเดินเล่นกันที่ถนน เพลิดเพลินกับโคมไฟ เดินย่อยอาหารไปในตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาสุดที่รักของท่านอ๋องอำมหิต
นางเอกเป็นพวกชอบความเจ็บปวด อ่านแล้วเหนื่อย เหมือนเราเห็นชีวิตคู่ผัวซ้อมเมีย แล้วอยากจะช่วยให้เค้าออกมา ผู้หญิงบอกไม่ต้อง เค้าถูกจริตแบบนี้ สงสารน้องชาย ช่วยมาก็จริง ทุกคืนต้องมานอนฟังอีผัวเมียคู่นี้มันทำร้ายกัน ป่วยจิตสุดๆ...
ทำไมนางเอกไม่คิดประกิษฐ์อาวุธไว้ป้องกันตัวเลยสักที เจอเหตุร้ายตลอดแต่ไม่เคยคิดปกป้องตัวเอง แล้วบอกว่าเป็นนักสร้างอาวุธนี่นะ...