บทที่ 166 คงไม่มีทางสนใจคุณ
“ห๊ะอะไรนะ”
มู่น่อนน่อนในปากที่คาบช้อนอยู่นั้น มองเขาด้วยสีหน้างุนงง
อะไรคือหล่อนเหมือนคุณ คุณเหมือนหล่อน
เฉินถิงเซียวกลับไม่ได้มีทีท่าจะอธิบายกับเธออีก “ผมพูดเพียงครั้งเดียว ต่อไปอย่าไปคิดฟุ้งซ่านอีก”
“หมายความว่าอะไร” มู่น่อนน่อนเอาช้อนในปากออกมา เอ่ยถามเขาอย่างอึ้งตะลึง
“ผมเคยบอกแล้ว ว่าจะพูดเพียงครั้งนั้นครั้งเดียว” แม้เฉินถิงเซียวจะยังมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ว่าดวงตาของเขากลับมองไปทางอื่นอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่รอให้มู่น่อนน่อนพูด เขาก็ลุกขึ้นยืน “ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ คุณทานต่อเถอะ”
มู่น่อนน่อนมองแผ่นหลังของเขาหายไปจากประตูห้องอาหาร จึงได้สติกลับมา ว่าที่เขาพูดหมายความว่าอะไร
เธอยังจะมีกะจิตกะใจกินอยู่ได้อย่างไร โยนช้อนลงแล้ววิ่งตามไป
เธอวิ่งตามเฉินถิงเซียว ขวางหน้าเขาเอาไว้ “เมื่อครู่ที่คุณพูด พูดให้ชัดๆ”
“ผมพูดชัดเจนดีแล้ว” เฉินถิงเซียวยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกอยู่อย่างนั้น
มู่น่อนน่อนก็ไม่ยอมหลบ ได้แต่เงยหน้าถามเขา “คุณบอกว่าใครเหมือนฉัน”
เฉินถิงเซียวหันไปมองด้านข้าง ไม่พูดอะไร
ก้นบึ้งหัวใจของมู่น่อนน่อนเบิกบาน แม้จะรู้ว่าความหมายในคำพูดของเขาคือซูชิงหนิงเหมือนเธอ แต่เธอก็กลัวว่าตนเองจะได้ยินผิด อยากจะยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง
แต่เฉินถิงเซียวเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น เขาพูดเพียงครั้งเดียว ก็จะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สองแน่
มู่น่อนน่อนจับมือของเขา เม้มปากมีความลำบากใจเล็กน้อย
เมื่อก่อนเธอเคยดูช่องหนึ่ง เหมือนกับว่าเป็นการรวมการออดอ้อนของหญิงสาวในละคร ออดอ้อนเอาใจอย่างไร
มู่น่อนน่อนลองเขย่ามือของเขา พูดเบาๆว่า “คุณพูดอีกครั้งนะ……”
เฉินถิงเซียวขมวดคิ้ว ดึงมือตัวเองกลับอย่างรำคาญ “ผมยังมีธุระต้องทำ”
“……” พูดออดอ้อนแล้วจะทำให้ผู้ชายใจอ่อนนะเหรอ
ฮึๆ
มู่น่อนน่อนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ วินาทีต่อมาก็เม้มปากยิ้มออกมาอีก สวมรองเท้าแตะวิ่งเตาะแตะไปทางห้องอาหาร
เฉินถิงเซียวขึ้นไปชั้นสอง มือหนึ่งจับราวบันได มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มวิ่งไปทางห้องอาหาร มุมปากเกิดเป็นรอยยิ้มอย่างไม่ตัว
……
หลังจากมู่น่อนน่อนกลับมาที่ห้องอาหาร จึงตั้งสติได้ ที่เฉินถิงเซียวพูด “หล่อนเหมือนเธอ”
“หล่อนเหมือนเธอ” หมายความว่าอะไร
ซูชิงหนิงหน้าตาเหมือนเธอเหรอ
แต่ซูชิงหนิงจะเหมือนเธอได้อย่างไร
แล้วอีกอย่าง เฉินถิงเซียวไม่ได้รู้จักซูชิงหนิงก่อน แล้วจึงรู้จักเธอหรอกหรือ
ยึดกฎตามลำดับก่อนหลังของคนเราแล้ว ก็น่าจะเป็นเธอที่เหมือนซูชิงหนิง
หรือว่าเฉินถิงเซียวเคยเห็นเธอมาก่อนหน้านี้ และยังรู้จักเธอด้วยเหรอ
ความเป็นไปได้นี้ต่ำมาก……
ตอนกลางคืน มู่น่อนน่อนหาโอกาสโยนหินถามทาง “เฉินถิงเซียว เมื่อก่อนคุณรู้จักฉัน”
“หืม”
เฉินถิงเซียวตอบรับอย่างไม่ได้ใส่ใจ โน้มตัวลงไปจูบเธอ
เธอยังอยากจะพูดอะไรต่อท้ายอีก แต่ถูกจูบของเขาปิดกั้นกลับไปหมด
นิ้วมือของเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ แขนเรียวยาวโอบรอบเอวเธอ โยนเธอลงบนเตียง
การเคลื่อนไหวแต่ละขั้นตอนต่างคล่องแคล่วและราบรื่น
มู่น่อนน่อนไม่ลืมเรื่องที่ตนอยากจะถาม ยังคงเซ้าซี้ถามอย่างไม่ลดละ “คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ”
“ไม่บอกคุณหรอก” เฉินถิงเซียวหอบหายใจเล็กน้อย น้ำเสียงเด็ดขาด มีอารมณ์อื่นแอบแฝงอยู่ในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...