บทที่186 ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว
“คุณปู่”
มู่น่อนน่อนลงมาชั้นล่าง เดินเข้าไปนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามของเฉินอันหลิน
เฉินอันหลินเห็นมู่น่อนน่อน ก็เผยรอยยิ้มออกมา “การตัดสินใจมาอย่างฉุกละหุกวันนี้ ยังกังวลเลยว่าที่บ้านพวกเธอจะไม่มีใครอยู่น่ะ”
มู่น่อนน่อนยิ้มตามออกมาเล็กน้อย รู้สึกทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เฉินอันหลินเอ่ยถามออกมา “แล้วถิงเซียวล่ะ?”
อาหูยกแก้วชามาให้มู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนถือแก้วชาพร้อมเอ่ยพูดออกไป “เขาไปทำงานที่บริษัทค่ะ”
เฉินอันหลินจึงได้เผยสีหน้ารู้แจ้งในทันทีออกมา “ฉันก็อายุเยอะแล้ว ก็เลอะเลือนไปใหญ่แล้ว ยังนึกว่าพวกเธอจะว่างเหมือนกับตาแก่อย่างฉันอีกน่ะ เลอะเลือนเกินไปแล้ว...”
“ถึงคุณปู่จะอายุมากแต่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่เลยค่ะ เลอะเลือนที่ไหนกัน” มู่น่อนน่อนยิ้มตามออกมา คาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของเฉินอันหลินที่มาหาเธอไม่ออกเลย
“ตอนนั้นฉันเกษียณตัวออกมาเร็วไปหน่อย พ่อของถิงเซียวตอนนี้ก็เป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุห้าสิบต้นๆแล้ว พละกำลังก็ไม่ดีเท่าแต่ก่อนแล้ว ว่ากันว่าถิงเซียวร่วมมือกันกับคนอื่นเปิดบริษัทอะไรสักอย่างข้างนอก หนูรู้ใช่มั้ยล่ะ...”
คำพูดของเฉินอันหลินพูดมาถึงตรงส่วนนี้ แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขาอยู่แล้ว ด้านนึงเฉินถิงเซียวได้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่งขึ้นมา ทำงานอยู่ที่บริษัทเสิ้งติ่งตลอด ไม่ไปบริหารจัดการธุรกิจของตระกูลอย่างบริษัทเฉินซื่อ
เฉินอันหลินเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าพละกำลังของพ่อเฉินถิงเซียวไม่ดีเท่าแต่ก่อนแล้วขึ้นมา ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว นั่นก็คือต้องการให้เฉินถิงเซียวกลับไปทำงานที่บริษัทเฉินซื่อ
เฉินอันหลินไม่เข้าใจ มู่น่อนน่อนเองก็พูดจาคลุมเครือออกมา “รู้นิดหน่อยค่ะ ไม่ได้รู้อะไรมากนัก”
เฉินอันหลินยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยพูดเสียงอ่อนออกมา “ไม่ช้าก็เร็วบริษัทเฉินซื่อนั้นก็จะต้องให้ถิงเซียวเป็นคนรับช่วงต่อแล้ว งานเล็กๆน้อยๆข้างนอกพวกนั้น ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว หนูว่าใช่หรือเปล่า?”
บริษัทเสิ้งติ่งถือว่าเป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงภายในประเทศ สำหรับเฉินอันหลินแล้ว เป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็กๆ?
พูดอย่างนี้มันก็ไม่ถือว่ามากไปหรอก
เพราะถึงยังไงบริษัทเฉินซื่อก็เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอยู่แล้ว ความมั่งคั่งและทรัพยากรที่สั่งสมกันมาหลายชั่วอายุคน แน่นอนว่าบริษัทเสิ้งติ่งของเฉินถิงเซียวเทียบไม่ได้อยู่แล้ว
“เรื่องงานของเฉินถิงเซียว หนูก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” มู่น่อนน่อนหลุบตาลง แสดงท่าทางถ่อมเนื้อถ่อมตัว
จุดประสงค์ในการมาวันนี้ของเฉินอันหลิน คงจะอยากให้เธอไปกล่อมเฉินถิงเซียวให้กลับไปบริหารบริษัทเฉินซื่อกิจการของตระกูล
แต่ทำไมถึงต้องให้เธอไปกล่อมด้วยล่ะ?
ในเมื่อมาหาเธออย่างนี้ งั้นก็แสดงว่าตัวเฉินถิงเซียวเองก็ไม่อยากกลับไปบริษัทเฉินซื่อสินะ
แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมรับอะไรกับเฉินอันหลินง่ายๆอยู่แล้ว
เฉินอันหลินได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้เลือนหายไปอยู่หลายส่วน หรี่ตาลงมองมู่น่อนน่อน ผู้อาวุโสไม่ได้แสดงความโกรธออกมา แต่ก็ยังมีท่าทางอันน่าเกรงขามหลุดออกมาตามธรรมชาติ
มู่น่อนน่อนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา เกร็งไปทั้งร่างขึ้นมาทันที แต่เธอไม่ได้ลดละความพยายามลง
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอย่างนี้อยู่สักพัก จู่ๆ เฉินอันหลินก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “เจ้าเด็กนั่นมันตาดีใช้ได้เลย!”
มู่น่อนน่อนคลายหมัดที่กำแน่น ฝ่ามือเปียกชื้นไปหมด
เธอดูไม่ได้สะทกสะท้านขนาดนั้น แต่ภายในใจของเธอก็กลัวอยู่เหมือนกัน
เฉินอันหลินกับมู่เจิ้งซิวต่างกัน เขาเคยพบเจอเหตุการณ์ใหญ่ๆมาอย่างแท้จริง เป็นคนที่เคยผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมัยวัยรุ่นก็ยิ่งใหญ่ในตลาดการค้า ตอนนี้อายุเยอะแล้ว แม้ว่าจะเกษียณไปแล้ว ออร่าความน่ายำเกรงก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
นี่คงจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนบริษัทเฉินซื่อสินะ
พวกเขามีความมั่งคั่งและฐานะทางสังคมที่คนรอบข้างคอยอิจฉา ความมั่นใจและออร่าความน่าเกรงขามเองก็แน่นอนว่าจะต้องมีมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
นี่เป็นสิ่งที่สลักอยู่ในกระดูก คนรอบๆจะมาเรียนรู้ตามกันไม่ได้
“งั้นฉันขอพูดตรงๆแล้วกัน ฉันอยากให้ถิงเซียวกลับไปบริษัทเฉินซื่อเพื่อรับช่วงต่อกิจการของตระกูล ครั้งที่แล้วฉันก็เคยพูดเรื่องนี้กับเขาไปแล้ว เพียงแต่เขาก็ปฏิเสธไป หนูช่วยฉันกล่อมเขาสักหน่อย ถือเสียว่าปู่ขอร้องหนูแล้วกัน”
น้ำเสียงของเฉินอันหลินจู่ๆก็เปลี่ยนมาดูจริงจังขึ้นมาอย่างมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยความจริงใจอยู่อีกหลายส่วน ครั้งนี้มู่น่อนน่อนไม่อาจปฏิเสธออกไปได้อีก
“หนูสามารถช่วยคุณปู่พูดสักหน่อยก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่เขาไม่ฟังแม้แต่คำพูดของหนู เกรงว่า...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...