ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม นิยาย บท 186

สรุปบท บทที่186 ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม

สรุปตอน บทที่186 ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว – จากเรื่อง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดย Meow(○` 3′○)

ตอน บทที่186 ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม โดยนักเขียน Meow(○` 3′○) เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่186 ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว

“คุณปู่”

มู่น่อนน่อนลงมาชั้นล่าง เดินเข้าไปนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามของเฉินอันหลิน

เฉินอันหลินเห็นมู่น่อนน่อน ก็เผยรอยยิ้มออกมา “การตัดสินใจมาอย่างฉุกละหุกวันนี้ ยังกังวลเลยว่าที่บ้านพวกเธอจะไม่มีใครอยู่น่ะ”

มู่น่อนน่อนยิ้มตามออกมาเล็กน้อย รู้สึกทำตัวไม่ถูกนิดหน่อย ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

เฉินอันหลินเอ่ยถามออกมา “แล้วถิงเซียวล่ะ?”

อาหูยกแก้วชามาให้มู่น่อนน่อน มู่น่อนน่อนถือแก้วชาพร้อมเอ่ยพูดออกไป “เขาไปทำงานที่บริษัทค่ะ”

เฉินอันหลินจึงได้เผยสีหน้ารู้แจ้งในทันทีออกมา “ฉันก็อายุเยอะแล้ว ก็เลอะเลือนไปใหญ่แล้ว ยังนึกว่าพวกเธอจะว่างเหมือนกับตาแก่อย่างฉันอีกน่ะ เลอะเลือนเกินไปแล้ว...”

“ถึงคุณปู่จะอายุมากแต่ก็ยังแข็งแรงดีอยู่เลยค่ะ เลอะเลือนที่ไหนกัน” มู่น่อนน่อนยิ้มตามออกมา คาดเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของเฉินอันหลินที่มาหาเธอไม่ออกเลย

“ตอนนั้นฉันเกษียณตัวออกมาเร็วไปหน่อย พ่อของถิงเซียวตอนนี้ก็เป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุห้าสิบต้นๆแล้ว พละกำลังก็ไม่ดีเท่าแต่ก่อนแล้ว ว่ากันว่าถิงเซียวร่วมมือกันกับคนอื่นเปิดบริษัทอะไรสักอย่างข้างนอก หนูรู้ใช่มั้ยล่ะ...”

คำพูดของเฉินอันหลินพูดมาถึงตรงส่วนนี้ แน่นอนว่ามู่น่อนน่อนเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขาอยู่แล้ว ด้านนึงเฉินถิงเซียวได้ก่อตั้งบริษัทเสิ้งติ่งขึ้นมา ทำงานอยู่ที่บริษัทเสิ้งติ่งตลอด ไม่ไปบริหารจัดการธุรกิจของตระกูลอย่างบริษัทเฉินซื่อ

เฉินอันหลินเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าพละกำลังของพ่อเฉินถิงเซียวไม่ดีเท่าแต่ก่อนแล้วขึ้นมา ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว นั่นก็คือต้องการให้เฉินถิงเซียวกลับไปทำงานที่บริษัทเฉินซื่อ

เฉินอันหลินไม่เข้าใจ มู่น่อนน่อนเองก็พูดจาคลุมเครือออกมา “รู้นิดหน่อยค่ะ ไม่ได้รู้อะไรมากนัก”

เฉินอันหลินยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยพูดเสียงอ่อนออกมา “ไม่ช้าก็เร็วบริษัทเฉินซื่อนั้นก็จะต้องให้ถิงเซียวเป็นคนรับช่วงต่อแล้ว งานเล็กๆน้อยๆข้างนอกพวกนั้น ถึงเวลาที่จะต้องวางมือลงแล้ว หนูว่าใช่หรือเปล่า?”

บริษัทเสิ้งติ่งถือว่าเป็นผู้นำแห่งอุตสาหกรรมบันเทิงภายในประเทศ สำหรับเฉินอันหลินแล้ว เป็นเพียงแค่ธุรกิจเล็กๆ?

พูดอย่างนี้มันก็ไม่ถือว่ามากไปหรอก

เพราะถึงยังไงบริษัทเฉินซื่อก็เป็นตระกูลมหาเศรษฐีอยู่แล้ว ความมั่งคั่งและทรัพยากรที่สั่งสมกันมาหลายชั่วอายุคน แน่นอนว่าบริษัทเสิ้งติ่งของเฉินถิงเซียวเทียบไม่ได้อยู่แล้ว

“เรื่องงานของเฉินถิงเซียว หนูก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่” มู่น่อนน่อนหลุบตาลง แสดงท่าทางถ่อมเนื้อถ่อมตัว

จุดประสงค์ในการมาวันนี้ของเฉินอันหลิน คงจะอยากให้เธอไปกล่อมเฉินถิงเซียวให้กลับไปบริหารบริษัทเฉินซื่อกิจการของตระกูล

แต่ทำไมถึงต้องให้เธอไปกล่อมด้วยล่ะ?

ในเมื่อมาหาเธออย่างนี้ งั้นก็แสดงว่าตัวเฉินถิงเซียวเองก็ไม่อยากกลับไปบริษัทเฉินซื่อสินะ

แน่นอนว่าเธอจะไม่ยอมรับอะไรกับเฉินอันหลินง่ายๆอยู่แล้ว

เฉินอันหลินได้ยินอย่างนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้เลือนหายไปอยู่หลายส่วน หรี่ตาลงมองมู่น่อนน่อน ผู้อาวุโสไม่ได้แสดงความโกรธออกมา แต่ก็ยังมีท่าทางอันน่าเกรงขามหลุดออกมาตามธรรมชาติ

มู่น่อนน่อนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา เกร็งไปทั้งร่างขึ้นมาทันที แต่เธอไม่ได้ลดละความพยายามลง

ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันอย่างนี้อยู่สักพัก จู่ๆ เฉินอันหลินก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา “เจ้าเด็กนั่นมันตาดีใช้ได้เลย!”

มู่น่อนน่อนคลายหมัดที่กำแน่น ฝ่ามือเปียกชื้นไปหมด

เธอดูไม่ได้สะทกสะท้านขนาดนั้น แต่ภายในใจของเธอก็กลัวอยู่เหมือนกัน

เฉินอันหลินกับมู่เจิ้งซิวต่างกัน เขาเคยพบเจอเหตุการณ์ใหญ่ๆมาอย่างแท้จริง เป็นคนที่เคยผ่านช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สมัยวัยรุ่นก็ยิ่งใหญ่ในตลาดการค้า ตอนนี้อายุเยอะแล้ว แม้ว่าจะเกษียณไปแล้ว ออร่าความน่ายำเกรงก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย

นี่คงจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนบริษัทเฉินซื่อสินะ

พวกเขามีความมั่งคั่งและฐานะทางสังคมที่คนรอบข้างคอยอิจฉา ความมั่นใจและออร่าความน่าเกรงขามเองก็แน่นอนว่าจะต้องมีมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว

นี่เป็นสิ่งที่สลักอยู่ในกระดูก คนรอบๆจะมาเรียนรู้ตามกันไม่ได้

“งั้นฉันขอพูดตรงๆแล้วกัน ฉันอยากให้ถิงเซียวกลับไปบริษัทเฉินซื่อเพื่อรับช่วงต่อกิจการของตระกูล ครั้งที่แล้วฉันก็เคยพูดเรื่องนี้กับเขาไปแล้ว เพียงแต่เขาก็ปฏิเสธไป หนูช่วยฉันกล่อมเขาสักหน่อย ถือเสียว่าปู่ขอร้องหนูแล้วกัน”

น้ำเสียงของเฉินอันหลินจู่ๆก็เปลี่ยนมาดูจริงจังขึ้นมาอย่างมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยความจริงใจอยู่อีกหลายส่วน ครั้งนี้มู่น่อนน่อนไม่อาจปฏิเสธออกไปได้อีก

“หนูสามารถช่วยคุณปู่พูดสักหน่อยก็ได้อยู่หรอกค่ะ แต่เขาไม่ฟังแม้แต่คำพูดของหนู เกรงว่า...”

“ก่อนหน้านี้คุณท่านมา ดิฉันจึงลืมบอกคุณหญิงน้อยไปว่าเมื่อเช้าคุณผู้ชายบอกว่าจะกลับมากินมื้อเที่ยงค่ะ” อาหูเห็นใบหน้าของมู่น่อนน่อนประดับไปด้วยความสงสัย ก็เอ่ยพูดอธิบายออกมา

มู่น่อนน่อนหันไปมองเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามเธอไปพลาง พูดออกมาพลาง “ช่วงบ่ายไม่ไปบริษัทแล้ว เมื่อเช้าได้จัดการงานไปประมาณนึงแล้ว”

“คุณทำงานอย่างนี้ กู้จือหยั่นไม่ว่าอะไรหรอคะ?”

เอ่ยถึงกู้จือหยั่นขึ้นมา มู่น่อนน่อนก็นึกถึงภาพที่แคปมาที่เสิ่นเหลียงส่งมาให้เธอเมื่อวานนี้พวกนั้นขึ้นมาได้อีกครั้ง

เฉินถิงเซียวเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ถึงจะว่าแล้วจะทำอะไรได้?”

แน่สิ กู้จือหยั่นอยู่ต่อหน้าเฉินถิงเซียวแล้วก็หวาดกลัวต่อเขาอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจก็ไม่กล้าพูดออกมาหรอก

มู่น่อนน่อนเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย คิดอยู่ซ้ำๆสักพัก “กู้จือหยั่นเขา...ชอบผู้หญิงใช่มั้ยคะ?”

“ทำไม?” เฉินถิงเซียวช้อนสายตาขึ้นมองเธอ เลิกคิ้วถามออกมา

“ในเน็ตมีคนลือเรื่องเขากับซือเฉิงหยู้กัน...” มู่น่อนน่อนพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป คำพูดตรงท่อนหลังทำให้เฉินถิงเซียวจินตนาการไปเอง

น่าเสียดายที่เฉินถิงเซียวเป็นผู้ชายซื่อบื้อคนนึง เขาจึงไม่เข้าใจคำพูดของมู่น่อนน่อนเลย

“เขากับพี่ใหญ่มีอะไร?”

มู่น่อนน่อนสำลักออกมาเล็กน้อย หยิบโทรศัพท์ออกมาคิดว่าจะหาความคิดเห็นยอดนิยมพวกนั้นในเน็ตเอามาให้เฉินถิงเซียวดู

แต่ทว่า ตอนที่เธอเปิดหน้าWeiboออกมา ก็พบว่าประเด็นเรื่อง#แฟนสาวลึกลับของซือเฉิงหยู้# ได้ขึ้นเป็นคำค้นหายอดนิยมอีกครั้ง

เฉินถิงเซียวได้คีบอาหารมาให้มู่น่อนน่อนพอดี เห็นสีหน้าของเธอแปลกไป จึงเอ่ยถามออกมา “เกิดเรื่องอะไร?”

“ฉันกับพี่ใหญ่ ถูกเสิร์ชหาจนขึ้นคำค้นหายอดนิยมอีกแล้วค่ะ” มู่น่อนน่อนขมวดคิ้ว ดันโทรศัพท์ไปตรงหน้าของเฉินถิงเซียว

เฉินถิงเซียวหยิบขึ้นมาดู ด้านในประเด็นเรื่อง #แฟนสาวลึกลับของซือเฉิงหยู้# เป็นภาพมู่น่อนน่อนกับซือเฉิงหยู้ที่สนามบินถูกปล่อยออกมาอีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม