ตอนที่ 21 ตอนนี้ฉันเป็นคนของตระกูลเฉิน
เฉินถิงเซียวจ้องมองหล่อนกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ สีหน้าของเขาดูเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนไปด้วย น้ำเสียงก็ดูปกติธรรมดา “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอ?”
มู่น่อนน่อนบีบผ้าห่มเอาไว้พร้อมทั้งจ้องมองเขาอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ใบหน้าของหล่อนเย็นชาตลอด ยิ่งการที่หล่อนจ้องมองเฉินถิงเซียวนั้น กลับไม่มีพลังสักนิด
“มันไม่ใช่เรื่องของฉันจริงๆด้วยแหละ แต่ว่า ถ้าคุณต้องการขอร้องให้ผมช่วย ผมคิดว่าผมสามารถช่วยคุณได้นะ” นัยน์ตาเฉินถิงเซียว จ้องมองตอบหล่อนอย่างลึกซึ้ง แทบไม่สามารถซ่อนปิดบังความรู้สึกที่ไม่ดีของเขาไว้เลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่า มู่น่อนน่อน ไม่มีทางไปขอร้องเขาอยู่แล้ว
เฉินถิงเซียวจ้องมองวิเคราะห์ดูหล่อนแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกไปเลย
ยามเมื่อเขาก้าวเท้ายังไม่ถึงสองก้าว ก็เจอกับสือเย่
สือเย่พยักหน้าเบาๆ พลางออกเสียงเอ่ยถามความคิดเห็นของเขา : “เจ้านาย ข่าวที่ลงเรื่องนางหญิงจะจัดการอย่างไรดี?”
เฉินถิงเซียวนึกถึงคำพูดของ มู่น่อนน่อนที่เคยพูดก่อนหน้านี้ เขาคลี่ยิ้ม พร้อมทั้งยิ้มอย่างไม่มีความอบอุ่นใดๆหลงเหลือไว้เลยสักนิด อีกทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? อยากจะช่วยหล่อน ก็ต้องดูด้วยสิว่าคนๆนั้นเขาอยากให้คุณไปช่วยเขาหรือป่าว เฮ้อ!”
เฉินถิงเซียวพูดจบก็เดินตรงไปยังห้องอ่านหนังสือทันที
สือเย่มองด้านหลังของเขา ภายหลังถึงได้รู้สึกว่า เสียงอุทานคำพูดสุดท้ายของเจ้านาย “เฮ้อ” นั่นมันเหมือนเก็บซ่อนอาการโกรธหน่อยๆเอาไว้นะเนี่ย?
……
มู่น่อนน่อนไม่คิดที่จะสนใจในการเข้าไปในเว็บไซต์ ดูข่าวพวกนั้นสักนิด
ทำไมมู่หวั่นขีอยู่ดีๆถึงทำแบบนั้นขึ้นมาปัจจุบันทันด่วนได้กันนะ หล่อนไม่รู้ และก็ไม่มีเวลาจะไปคาดเดาด้วยซ้ำ
หล่อนแค่รู้ว่า เสิ่นเหลียง รู้แล้วว่าหล่อนเป็นคนที่มาแต่งงานเข้าตระกูลเฉิน เดี๋ยวสักพักเสิ่นเหลียงคงฉีกหล่อนเป็นชิ้นๆแน่
แม้รู้ว่าเสิ่นเหลียงไม่เพียงแต่เกลียดหล่อนจนอยากจะฉีกหล่อนเป็นชิ้นๆ แต่หล่อนก็ยังอยากที่จะไปพบเสิ่นเหลียง
ทั้งสองต่างนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเล็กๆที่ไม่หรูหราสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าตอนนี้แฟนคลับในWeiboของเสิ่นเหลียงจะมีอยู่เจ็ดถึงแปดร้อยคน ยิ่งในสถานที่ที่มีคนอยู่ด้วยกันเยอะแยะก็ยังต้องเป็นห่วงกลัวว่าจะโดนคนจับได้
ตอนที่หล่อนมาถึงร้านกาแฟในเวลานั้น เสิ่นเหลียงก็มาถึงแล้ว
เสิ่นเหลียงใช้หน้ากากปิดหน้า มัดผมหางม้า ใส่เสื้อขนเป็ดสีขาวที่แสนจะธรรมดา ลักษณะท่าทางดูสะอาดสะอ้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งหน้าตาดูไม่คุ้นเคย เหตุนั้นเอง หล่อนเลยตกเป็นเป้าสายให้คนมองอย่างไม่หยุดหย่อน
ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน เสิ่นเหลียง ก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็ตามมักจะเป็นจุดเด่นมาโดยตลอด ช่างง่ายดายมากในการตกเป็นจุดสนใจให้คนอื่นโดยง่าย
มู่น่อนน่อนนั่งอยู่ตรงข้ามหล่อน น้ำเสียงแทรกการขอโทษเอาไว้ : “รอนานแล้วหรอ”
เสิ่นเหลียงนั่งกอดอกพร้อมกับนั่งพิงโซฟา พร้อมทั้งเหลือบมองหล่อนแวบหนึ่ง จากนั้นถึงได้พูดออกมาอย่างเนิบนาบ : “คุณเป็นถึงคุณนายน้อยของตระกูลเฉิน ผู้น้อยอย่างฉัน การที่ต้องมารอคุณนั้นถือว่าสมควรแล้ว”
มู่น่อนน่อน:“……”
เสิ่นเหลียง เห็นว่า มู่น่อนน่อนไม่ยอมพูดยอมจา เลยอดไม่ได้ที่จะพูดคำพูดแรงๆขึ้นมาแทน
หล่อนถอดหน้ากากพร้อมทั้งสะบัดมันทิ้งไปอีกทาง พร้อมพูดด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ : “เขาเป็นแม่แท้ๆทำอย่างกับว่าถูกคนกดหัวเอาไว้งั้นแหละ เอาลูกสาวของคนอื่นมาโอ๋จนออกนอกหน้า พอถึงคราวลูกสาวแท้ๆของตัวเองก็ไม่ถามหาสักคำ ไม่เคยคิดแทนสักครั้ง ฉันบอกกับแกตั้งแต่ทีแรกแล้วว่าให้ระวังไว้ให้ดี ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ตกหลุมพรางจนต้องแต่งงานกับคนในตระกูลเฉิน! ”
เมื่อเสิ่นเหลียงพูดจบ ก็ยกแก้วน้ำที่อยู่ข้างๆดื่มอึกหนึ่งอย่างคล่องคอ
มู่น่อนน่อนขยับแว่นตาที่อยู่บนสันดั้งไปมา พร้อมทั้งพูดเตือนสติหล่อน : “ค่อยๆดื่ม”
เสิ่นเหลียงจ้องหล่อนตาเขม็ง : “คนในตระกูลเฉินไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจใช่ไหม”
“ไม่นะ คนในตระกูลเฉิน…..ดีมากๆ” นอกจาก “เฉินเจียฉิน”ที่มาคอยข้องแวะเป็นผีผลุบๆโผล่ๆไปมาอยู่ประจำ นอกเหนือจากนั้นก็ผ่านไปด้วยดี
เสิ่นเหลียงคิดถึงเรื่องที่ตั้งใจมา ด้วยสีหน้าดูปกติ : “เธอรู้ไหมว่ามู่หวั่นขีทำไมกำลังติดแฮชแท็กกบนอินเทอร์เน็ต แถมบอกว่าเธอไปแย่งว่าที่สามีเขามาใช่ไหม?”
“เธอรู้ได้ยังไงว่ามู่หวั่นขีเป็นคนซื้อติดแฮชแท็กนี่อ่ะ?” มู่น่อนน่อนที่กำลังเตรียมเทน้ำใส่แก้วให้หล่อนอีกครั้งถึงกลับมือหยุดค้างกลางอากาศ
เสิ่นเหลียงทำตัวราวกับคนโง่คนหนึ่งที่กำลังจ้องมองหล่อน “ก็เป็นเพราะว่าเธอที่เป็นแบบนี้แหละ ใครจะมาคอยใช้ความคิดสาดเสียเทเสียใส่เธอล่ะ หรือว่าน่ามีแผนเพื่อหวังผลประโยชน์”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...