คุณปู่เฉินขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเราทานกันก่อนเถอะ”
มื้อเที่ยงวันนี้ มีการแจ้งเตือนให้ทุกคนในตระกูลมาทานด้วยกันตั้งแต่เช้าตรู่
แม้ว่าคุณปู่เฉินจะเกษียณไปแล้ว แต่เขาเป็นตระมุขของตระกูล เขามีอำนาจสิทธิ์ขาดและอำนาจทางวาจาในตระกูลเฉิน
ทุกคนต้องเคารพเขา
แน่นอนว่ายกเว้นเฉินถิงเซียว
แม้แต่คุณปู่เฉินก็ไม่มีทางจัดการกับเขาได้
คุณปู่เฉินเป็นคนหัวโบราณ โดยเฉพาะให้ความสำคัญกับวันตรุษจีน
เมื่อมู่น่อนน่อนมาที่นี่ในตอนเช้า คุณปู่เฉินก็ส่งคนมาบอกว่าวันนี้และพรุ่งนี้ ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไร อย่าลืมมาทานข้าวร่วมกับทุกคนในตระกูล
พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นปี วันมะรืนเป็นวันแรกของปีใหม่
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลใหญ่ ในช่วงต้นปีใหม่จะมีแขกจำนวนมาก ทุกคนต่างยุ่ง
แต่ซือเฉิงหยู้กลับไม่ได้มาทานอาหารเที่ยงวันนี้ มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณปู่เฉินจะไม่พอใจมาก
มู่น่อนน่อนเกิดความคิดมุ่งร้าย ถ้าคุณปู่เฉินรู้ว่าซือเฉิงหยู้ไปรับมู่หวั่นชีออกจากคุกในวันนี้ ไม่รู้ว่าอารมณ์จะเปลี่ยนไปแบบไหน
จะโกรธจนให้คนตีซือเฉิงหยู้เลยหรือเปล่า
กระทั่งพวกเขาทานอาหารเสร็จแล้ว ซือเฉิงหยู้ถึงได้รีบเร่งกลับมา
“คุณปู่ครับ”
ซือเฉิงหยู้เดินเข้ามาจากข้างนอก ท่าทางรีบเร่ง มองออกได้ว่ารีบกลับมา
คนโต๊ะใหญ่เพิ่งทานเสร็จยังไม่ได้ออกไป
คุณปู่เฉินเงยหน้าเหลือบมองซือเฉิงหยู้ น้ำเสียงหนักแน่น “ยังรู้ว่าต้องกลับมางั้นเหรอ!”
เขาใบหน้าแข็งกร้าว เลิกคิ้วสูง นั่งตัวตรงในตำแหน่งหัวโต๊ะ น่าเกรงขามไม่แสดงอารมณ์โกรธ
มู่น่อนน่อนก็อดไม่ได้ที่จะยืดหลังนั่งตัวตรง ดวงตาคมของเธอพบว่าซือเฉิงหยู้สั่นไปทั้งตัว
ขิงแก่ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดร้อน
ที่แท้ซือเฉิงหยู้ก็กลัวคุณปู่เฉิน
“ขอโทษนะครับคุณปู่ งานมันมีความล่าช้านิดหน่อยครับ” ซือเฉิงหยู้ก้มศีรษะต่ำ ท่าทางนอบน้อมเชื่อฟัง นั่นทำให้คุณปู่เฉินโกรธน้อยลง
ถึงแม้คุณปู่เฉินจะโกรธน้อยลงแล้ว แต่น้ำเสียงยังค่อนข้างแข็งกร้าว “วงการบันเทิงมันฉาวโฉ่ มีแต่ข่าวคาวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน แกอยู่ในวงการนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องเสียชื่อเสียง ไม่สู้ถอนตัวออกมาทำอย่างอื่นเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า”
มู่น่อนน่อนสะกิดมือเฉินถิงเซียวที่ใต้โต๊ะ
เฉินถิงเซียวหันหน้ามองเธอ
มู่น่อนน่อนอ้าปากพูดโดยไร้เสียง “แล้วคุณล่ะ”
เฉินถิงเซียวก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ คุณปู่เฉินก็ไม่ชอบ
เฉินถิงเซียวบีบนิ้วมือของมู่น่อนน่อน เหล่มองเธออย่างตักเตือน
มู่น่อนน่อนยิ้มตาปิดเงียบๆ เฉินถิงเซียวหันหน้าหนีไปพูดกับคุณปู่เฉิน “คุณปู่ครับ ผมเหนื่อยนิดหน่อย กลับห้องก่อนนะครับ”
เขาพูดจบ ไม่รอให้คุณปู่เฉินอนุญาต ก็ดึงมู่น่อนน่อนลุกขึ้นเพื่อออกไป
คุณปู่เฉินไม่สามารถควบคุมเฉินถิงเซียวได้ ที่เฉินถิงเซียวเต็มใจกลับมาบ้านเก่าในช่วงตรุษจีนเขาก็พอใจมากแล้ว โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่ใส่ใจว่าเฉินถิงเซียวจะทำอะไรในแบบของตัวเอง
ซือเฉิงหยู้หันไปเหล่ตามองทั้งคู่ แววตามีความไม่พอใจ
เขาแค่ไม่ได้กลับมาทานข้าวเท่านั้นเอง ก็ต้องถูกคุณปู่ตำหนิแบบนี้ แต่เฉินถิงเซียวกลับทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ต้องเกรงกลัวใคร
คุณปู่มักจะรักแต่เฉินถิงเซียว
มู่น่อนน่อนที่ถูกเฉินถิงเซียวพาไป ก็ทำตัวเชื่อฟังเหมือนนกกระทา ตามเขาไปโดยไม่มีการล่อกแล่ก
ตอนที่ทั้งสองเดินเร็วออกจากห้องอาหาร ก็ได้ยินเสียงเฉินชิงเฟิงดังขึ้นข้างหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฉัน....เป็นเจ้าสาวจอมปลอม
พระเอกชอบใช้อำนาจบังคับ ไม่ฟังความคิดเห็นนางเอก พอมีปัญหา แทนที่จะอธิบายว่าจะทำอะไร กลับเลือกที่จะปิดปังและทำร้ายจิตใจ ไม่น่าให้อภัยอ่ะ น่าจะต่างคนต่างอยู่ ขัดใจว่าทำไมปล่อยให้ลูกทารกโดนลักพาตัวไปได้ โคตรไม่รอบคอบอ่ะ เรื่องไอ้ลู่ก็เหมือนกัน นาวเอกโง่จนไม่เห็นความไม่สมเหตุสมผลใดๆ จนความจำกลับมา มันก็ต้องสงสัยแล้วป่ะว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำ ไอ้ลู่แอบเข้าไปในห้องตัวเองทำไม และต้องเอะใจและตัดความสัมพันธ์สิเพราะถามอะไรก็ไม่เคยตอบ พระเอกก็เหมือนกัน รู้สึกว่าไอ้ลู่มีจุดประสงค์ไม่ดี แต่ก็ไม่ทำอะไร ให้โอกาสมันก่อเรื่อง 3-4 บทสุดท้ายรวบรัดตัดจบมาก ปมต่างๆก็ไม่เคลียร์ ไม่รู้แม่พระเอกยังอยู่หรือตาย ทำไมไอ้ลู่ถึงเลี้ยงนางเอกมาตั้งสามปีแทนที่จะรีบเอาไปผ่าตัดให้น้องสาว ทำไมถึงพยายามจะให้พระเอกลืมนางเอกและทำร้ายนางเอก อ่านจนจบก็ไม่เห็นบอกว่ามีความแค้นอะไรกับพระเอก และทำไมมุ่งเป้ามาที่นางเอก และไอ้ปากกาหมึกซึมที่พระเอกเก็บไว้น่ะ ก็ไม่มีอธิบายเพิ่ม แค่เปรยว่านางเอกเคยเอาปากกาให้เด็กขอทาน ต่ไม่บอกว่ามันมีความสำคัญยังไง สรุปอ่านแล้วขัดใจหลายอย่างมากค่ะ...
ขอบคุณนะคะที่อัพจนจบ❤️❤️❤️...
แรกๆฉันเชียร์เธอหมดใจแต่มู่น่อนน่อนนี่เธอก็ดื้อเกินไปนะ รู้ทั้งรู้ยังจะชอบสร้างปัญหาซ้ำแล้วซ้ำอีก มั่นใจตัวเองอะไรผิดๆเกิ๊นนน ฉันเริ่มจะเบื่อเธอแล้วนะ เจอก็เจอแล้วแค่กลับไป แล้วยังจะคิดกลับไปให้เขาเฉือนอวัยวะไง!!!! ตัวเองจะไปสืบอะไรจากไหน?!!!...